ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”...

ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ได้รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เสนอ

โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมว่า ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร
ดังกล่าว แล้วให้นำกลับมาเสนอต่อ ครม. ภายใน 30 วันหลังจากนี้

เร่งหาข้อสรุปชง ครม.ใน 30 วัน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กล่าวว่า จะนัดประชุมร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะนำผลศึกษาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของสภาผู้แทนราษฎร มาเป็นตัวตั้ง คือ
1.ศึกษาโครงสร้างทางธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการเก็บรายได้เข้ารัฐ
2.ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากการมีสถานบันเทิงครบวงจร
และ 3.กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามร่างที่ กมธ.ยกร่าง ซึ่งจะให้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม

“ทั้งหมดนี้ถ้าพร้อมแล้วก็จะเสนอ ครม.ภายใน 30 วัน ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ จากนั้นก็จะส่งให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฤษฎีกา พิจารณาต่อไป ซึ่งจากรายงานการศึกษาพบว่า การเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ทำได้หลายรูปแบบ โดยจากการศึกษารูปแบบของต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ก็มีทั้งรายได้จาก
เกมมิ่ง (กาสิโน) รายได้จากนิติบุคคล ก็คือ การทําร้านอาหารและโรงแรม

ตรงนี้ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่ารายได้หลักของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่การพนัน แต่มีองค์ประกอบอื่น ๆ 
ส่วนที่เป็นพื้นที่เล่นก็คงต้องกําหนดให้มันค่อนข้างลิมิต เพราะไม่ได้เน้นเรื่องนี้ อาจจะมีแค่ 3-5% ของพื้นที่ทั้งหมด”
ชูโมเดล “สิงคโปร์” ดึงรายได้

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีอะไรที่อ่อนด้อยกว่าสิงคโปร์ในเรื่องนี้ แต่ก่อนที่สิงคโปร์จะทําเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีการพนันผิดกฎหมายอยู่ที่ 10% แต่พอทําไปแล้ว 10 ปี การพนันผิดกฎหมายเหลือต่ำลงมากแทบจะเป็นศูนย์ แต่มีรายได้เข้ามาสู่ประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าจํานวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้น และรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 40-50%

“เชื่อว่าถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นมาจริง หาก ครม.เห็นชอบ สามารถเดินหน้าโครงการได้ ในที่สุดจะเป็นอีกหนึ่งตัวที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”
ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์เคยให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้ 1 แสนล้านบาทต่อแห่ง และสร้างรายได้อื่น ๆ ตก 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี

“จุลพันธ์” ไม่ฟันธง “พื้นที่ตั้ง”
นายจุลพันธ์กล่าวด้วยว่า จากข้อศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มีการพูดถึงพื้นที่ตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือจังหวัดไหนอย่างชัดเจน แต่พูดถึงว่าควรจะต้องเป็นอย่างไร เช่น การคมนาคมขนส่ง ก็ควรจะต้องมีสนามบินนานาชาติ และต้องมีความเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ไม่ใช่อยู่ในป่า แล้วมีหลาย ๆ ตึก

“ยังไม่มีการพูดถึง จังหวัดก็ไม่ได้คิดด้วย แต่บอกว่าโดยโมเดลทางธุรกิจควรจะเป็นอย่างไร เพราะว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ต้องไปทําทุกอย่าง เช่น เทปูน ทําถนนลาดยางทั้งหมด มันก็ไม่ใช่ แต่ในชั้นกรรมาธิการไม่มีหน้าที่กําหนด ส่วนกระทรวงการคลัง ณ ขณะนี้ ก็คงจะไม่พูดถึงโลเกชั่น สุดท้าย เป็นอํานาจหน้าที่ที่จะต้องให้คณะกรรมการพิจารณา เมื่อกฎหมายเสร็จ”

“เอเซีย พลัส” ชี้หนุนท่องเที่ยว
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษาศักยภาพการแข่งขันและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจคือ การเปิดบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมาย

เนื่องจากเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในสังคมไทย โดยหากพิจารณาประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เวียดนาม หรือฟิลิปปินส์ ก็มีธุรกิจกาสิโน หรือการเล่นพนันถูกกฎหมายกันไปแล้ว

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจุบันคนจีนเที่ยวมาเก๊า ประมาณ 2 ล้านคนต่อเดือน ดังนั้นหากไทยมีการสนับสนุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะช่วยให้คนจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งคาดว่าหุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศไทย จะได้ประโยชน์ในเชิงปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมยังต้องติดตามว่า จะมีการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไหน เนื่องจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน ไม่จำเป็นต้องพักในโรงแรมก็สามารถเข้ามาเล่นได้ จึงต้องดูกฎระเบียบอีกที

“ในเชิงภูมิภาค คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกอย่าง พัทยา โดยคาดว่า CENTEL (บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา) และ ERW (บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป) จะได้ประโยชน์ เนื่องจากมีโรงแรมในบริเวณดังกล่าวค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังคงต้องใช้เวลาในการศึกษา และยังต้องติดตามรายละเอียดผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเปิดกาสิโนว่าเป็นบริษัทใด และสามารถให้คนไทยร่วมทุนด้วยหรือไม่ เนื่องจากประสบการณ์ด้านการบริหารกาสิโนในไทยยังไม่มี ทั้งนี้ เชื่อว่าจะหนุนให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้”

จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
อย่างไรก็ดี หากย้อนไปก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ของการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี โดยให้พิจารณาให้ครบวงจร ครอบคลุมถึงการย้ายคลังและโรงเก็บน้ำมันที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับการท่าเรือฯ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าเรือคลองเตย ในส่วนที่ปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ว่างหรือเป็นพื้นที่ที่สามารถนำมาปรับปรุงพัฒนาใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาการจราจร ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้ชัดเจน เหมาะสม และแล้วเสร็จโดยเร็ว โดยควรใช้พื้นที่นี้เพื่อประโยชน์สาธารณะของชาวกรุงเทพฯเป็นสำคัญ เมื่อมีความคืบหน้าให้รายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป

ขณะที่แหล่งข่าวจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีการผลักดันเสนอให้ใช้พื้นที่ท่าเรือคลองเตย เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” อย่างไรก็ดี หลายหน่วยงานก็ต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าว ทั้งกระทรวงคมนาคม และ กทม. จึงต้องให้ 2 หน่วยงานไปหารือกันให้ได้ข้อสรุป

“ท่าเรือคลองเตยที่มีแผนจะย้ายออกไปก็เป็นพื้นที่เป้าหมาย พื้นที่หนึ่งที่จะลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในต่างจังหวัดที่เป็นไปได้ 
ก็คือ ภูเก็ต” แหล่งข่าวกล่าว... 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1546695
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่