JJNY : ร้อนเป็นเหตุ! │สิงคโปร์ตอบรับยูเอ็น ปราบค้าอาวุธ│สู้รบเมียนมา!กระสุนทะลุ│ยูเครนต้องการ “แพทริออต” อย่างน้อย 7ระบบ

ร้อนเป็นเหตุ! ผักชี พุ่งกิโลละ 250 แตงกวา มะนาว ถั่วฝักยาว ขึ้นหมด.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8194597
 
 
 
ร้อนเป็นเหตุ! ผักชี พุ่งโลละ 250 แตงกวา มะนาว ถั่วฝักยาว ขึ้นทั้งหมด ด้านแม่ค้าเผย เพราะอากาศร้อนจัดในพื้นที่เพาะปลูกภาคกลาง และฝนทิ้งช่วง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดค้าส่งผัก ในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สินค้าประเภทผักหลายชนิดปรับราคาขึ้นกว่าเดิม
 
จากการสอบถามบรรดาแม่ค้า ทำให้ทราบว่า เริ่มปรับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์ และคาดว่ายังมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นอีก หากสภาพอากาศในบริเวณพื้นที่แหล่งเพาะปลูกภาคกลาง ฝนยังคงทิ้งช่วงอยู่เช่นนี้ อีกทั้งอากาศที่ร้อนและแล้งจัด
 
จากการตรวจสอบราคาผักมีดังนี้
ถั่วฝักยาว กิโลกรัมละ 40 บาท >> ขึ้นเป็น 70 บาท
ผักกาดหอม กิโลกรัมละ 50 บาท >> ขึ้นเป็น 120 บาท
ขึ้นฉ่าย กิโลกรัมละ 50-70 บาท >> ขึ้นเป็น 100-120 บาท
ผักชี กิโลกรัมละ 70-80 บาท >> ขึ้นเป็น 200-250 บาท
ต้นหอม กิโลกรัมละ 70 บาท >> ขึ้นเป็น 100 บาท
ผักบุ้งจีน กิโลกรัมละ 20 บาท >> ขึ้นเป็น 40 บาท
มะนาวแป้นพิจิตร กิโลกรัมละ 60 บาท >> ขึ้นเป็น 100 บาท
แตงกวา กิโลกรัมละ 30 บาท >> ขึ้นเป็น 60 บาท


 
สิงคโปร์ตอบรับยูเอ็น ทำการปราบปรามกลุ่มค้าอาวุธให้ผู้นำทหารเผด็จการพม่า
https://prachatai.com/journal/2024/04/108889

ทางการสิงคโปร์ได้ตอบสนองต่อการกดดันของสหประชาชาติด้วยการพยายามปราบปรามการค้าอาวุธให้กองทัพพม่าโดยอาศัยช่องทางประเทศของพวกเขาเพื่อส่งอาวุธ การปราบปรามได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กลุ่มผู้นำกองทัพเผด็จการพม่าผู้ที่ก่อการรัฐประหารเมื่อเวลามากกว่า 3 ปีที่แล้ว ช่วงเวลาเดียวกันกับที่พวกเขากำลังถูกรุกคืบอย่างหนักจากฝ่ายต่อต้าน
 
โทมัส แอนดรูวส์ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่า กล่าวว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ "ตอบสนองโดยทันที" ต่อรายงานของเขาเมื่อปี 2566 ที่ระบุว่า มีตัวการค้าอาวุธที่มีฐานปฏิบัติการในสิงคโปร์ ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นแหล่งค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลกให้กับกองทัพเผด็จการพม่า และเป็นกลุ่มที่ "มีความสำคัญ" ต่อการจัดหาอาวุธของเผด็จการพม่า
 
แอนดรูวส์กล่าวว่าในรายงานถัดจากนั้นต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มีการระบุว่า "การส่งออกวัตถุดิบทำอาวุธจากสิงคโปร์ไปสู่พม่าลดลงร้อยละ 83" แอนดรูวส์บอกอีกว่า "เรื่องนี้ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ และเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางบวก ต่อกลุ่มคนที่เสี่ยงภัยในพม่า"
 
การปราบปรามเส้นทางค้าอาวุธจากสิงคโปร์จะส่งผลให้ผู้นำกองทัพเผด็จการพม่า มินอ่องหล่าย และกองทัพของเขาต้องจ่ายแพงขึ้นในช่วงเดียวกับที่พวกเขากำลังเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ พวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อที่จะปราบปรามฝ่ายต่อต้านในดินแดนส่วนกลางที่เป็นฐานความมั่นคงของพม่า อีกทั้งกองทัพพม่ายังล้มเหลวในการที่จะต่อต้านแนวร่วมชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์และกองกำลังฝ่ายต่อต้านของชาวชาติพันธุ์พม่าที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่บีบให้ฝ่ายกองทัพเผด็จการต้องสละดินแดนที่มีชายแดนติดกับไทย เช่น เมียวดี และติดกับประเทศอื่นๆ อย่างจีนและอินเดีย ด้วย
 
นักวิเคราะห์เล็งเห็นสัญญาณที่ว่า กลุ่มนายพลในพม่ามีการดิ้นรนในแบบเข้าตาจนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาได้บังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารแบบปูพรมไปทั่วโดยหวังว่าจะเพิ่มกำลังทหารให้ฝ่ายตัวเองได้
 
ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เคยถูกใช้เป็นช่องทางโดยนักค้าอาวุธ
 
รายงานของแอนดรูวส์ในปี 2566 ระบุว่า มีการส่งต่ออาวุธและวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเหล่านี้ให้กับผู้นำกองทัพของพม่ารวมแล้วเป็นเงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ 138 แห่งมีส่วนร่วมในการส่งต่อวัตถุดิบอาวุธ 254 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทัพเผด็จการพม่าตั้งแต่ปี 2564-2565 ในรายงานไม่ได้มีการระบุชื่อบริษัทในสิงคโปร์ แต่มีการระบุชื่อบริษัทในจีน, รัสเซีย และอินเดีย
 
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ตอบสนองต่อเรื่องนี้ด้วยการบอกว่าพวกเขาชื่นชมความพยายามของแอนดรูวส์ "ในการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือการสืบสวนสอบสวนของสิงคโปร์ในแง่ที่ว่ามันมีการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ หรือไม่ ภายใต้กฎหมายของสิงคโปร์"
 
ทางการสิงคโปร์ระบุอีกว่าพวกเขา "มีจุดยืนเชิงหลักการในการต่อต้านการที่กองทัพพม่าใช้กำลังรุนแรงถึงชีวิตต่อพลเรือนที่ไม่มีอาวุธและได้ดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลำเลียงอาวุธเข้าไปในพม่า"
 
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่าระบุว่า มีพลเรือนในพม่าเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4,882 ราย จากกรณีการโจมตีของกองทัพเผด็จการพม่า และกองทัพเผด็จการพม่าก็เผชิญข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามจากการที่พวกเขาใช้กำลังทางอากาศและการโจมตีต่อพลเรือน
 
แซคคารี อะบูซา ศาสตราจารย์วิทยาลัยการสงครามแห่งชาติที่กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐฯ กล่าวว่า สิงคโปร์ได้ทำการบีบคั้นกองทัพพม่าอยู่เงียบๆ และถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะทำอะไรได้มากกว่านี้แต่สิงคโปร์ทำก็ควรจะได้รับคำชมในแง่ที่ว่า พวกเขาสามารถสร้างความกดดันให้กับกองทัพเผด็จการพม่าได้อย่างเงียบๆ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
 
อะบูซา มองว่าการที่สิงคโปร์ปราบปรามช่องทางการค้าอาวุธต่อพม่านั้น อาจจะไม่ได้ถึงขั้นทำให้การซื้อขายหมดไป แต่มันก็ทำให้เผด็จการพม่าต้องจ่ายแพงขึ้น บีบให้พวกเขาต้องปรับเส้นทางการซื้อขายใหม่ภายใต้ขอบเขตอำนาจทางกฎหมายแบบอื่น
 
กลุ่มประเทศอาเซียนมีอำนาจในการสกัดกั้นเผด็จการพม่า
 
ในรายงานติดตามผลของแอนดรูวส์ฉบับที่ออกมาเมื่อไม่นานนี้ระบุว่า ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลสิงคโปร์รับรู้ว่ามีการค้าอาวุธเกิดขึ้นในประเทศตัวเอง นอกจากนี้ยังระบุว่าหลังจากที่มีการเผยแพร่รายงานปี 2566 รัฐบาลสิงคโปร์ก็ทำการสืบสวนตามที่รายงานระบุไว้และยินดีต้อนรับแอนดรูวส์ให้มาที่สิงคโปร์ ซึ่งแอนดรูวส์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นการช่วยเหลือในการสืบสวน
 
หลังจากที่ทางการสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรธนาคารการค้าระหว่างประเทศเมียนมา และธนาคารลงทุนและพาณิชย์เมียนมา องค์กรการเงินสิงคโปร์ก็ได้ไฟเขียวให้ธนาคารยูโอบีและธนาคารอื่นๆ ของสิงคโปร์ระงับการให้บริการต่อบัญชีธนาคารที่มีความเกี่ยวข้องกับพม่า
 
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของพม่า (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาจากฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากกลุ่มนักการเมืองผู้ถูกรัฐประหารโค่นล้ม ได้เปิดเผยว่าการแทรกแซงของสิงคโปร์ทำให้พวกผู้นำทหารเข้าถึงอาวุธได้ยากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซาซา รัฐมนตรีของ NUG กล่าวว่าสิ่งที่สิงคโปร์ทำเป็นการเน้นให้เห็นถึงการที่ประเทศสมาชิกอาเซียนมีอำนาจในการสกัดกั้นกองทัพเผด็จการพม่าไม่ให้ "ก่อการร้ายต่อประชาชนของตัวเอง" ด้วยวิธีการตัดช่องทางการเข้าถึงอาวุธ, เงินทุน และความชอบธรรม
 
ซาซา บอกอีกว่าวิกฤตเลวร้ายที่เกิดขึ้นในพม่าซึ่งมาจากอาวุธและเงินที่ถูกส่งให้เผด็จการทหารนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในพม่าเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบสืบเนื่องไปยังประเทศใกล้เคียง และส่งผลถึงอาเซียนด้วย การที่กองทัพพม่าบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารจะยิ่งทำให้วิกฤตเลวร้ายกว่าเดิมและอาจจะนำไปสู่การทำลายเสถียรภาพของภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้นกว่านี้ได้
 
ซาซา ได้เรียกร้องให้ชาติอื่นๆ ช่วยเหลือในการโค่นล้มเหล่าผู้นำทหารลงจากอำนาจ ซึ่งจะทำให้เกิดเสถียรภาพและความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่ต่อภูมิภาคเท่านั้น แต่รวมถึงในระดับโลกด้วย
 
สถานการณ์ที่กองทัพเผด็จการพม่าเผชิญอยู่นั้น คือการถูกกดดันอย่างหนักจากการรุกคืบทางตอนเหนือของรัฐฉานที่ฝ่ายกองทัพพม่าสูญเสียฐานที่มั่นไปหลายร้อยแห่ง และเสียเมืองตามแนวชายแดนจีนให้กับฝ่ายต่อต้าน รวมถึงเมืองทางตะวันตกในรัฐยะไข่ด้วย อีกทั้งกองทัพพม่ายังเพิ่งจะสูญเสียเมืองที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ติดกับไทยอย่าง เมียวดี ให้กับกองกำลังพันธมิตรระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์กะเหรี่ยงกับกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐประหารด้วย
อย่างไรก็ตามกองทัพเผด็จการพม่ายังคงมีรัสเซียกับจีนเป็นประเทศหลักที่ขายอาวุธขั้นสูงให้ โดยคิดเป็นเงินมากกว่า 400 ล้าน และ 260 ล้านดอลลาร์ และในวันกองทัพพม่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ ฟอร์มิน ก็ได้รับเชิญเป็นแขกเกียรติยศ ในช่วงเดียวกับที่ประเทศอื่นๆ จำนวนมากบอยคอตต์งานวันกองทัพพม่า
 
อย่างไรก็ตาม Yadanar Maung โฆษกกลุ่มนักกิจกรรม จัสติสฟอร์เมียนมาร์ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยินดีที่สิงคโปร์สกัดกั้นนายหน้าค้าอาวุธให้กับเผด็จการพม่า แต่ก็ขอเรียกร้องให้สิงคโปร์เร่งดำเนินคดีเพื่อทำให้นายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเผด็จการพม่าต้องรับผิดชอบกับเรื่องการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมการส่งออก และเพื่อให้เกิดการป้องปรามการแสวงหากำไรโดยการค้าอาวุธไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม
 
นอกจากนี้ Maung ยังแสดงความกังวลว่า กลุ่มผู้ค้าอาวุธอาจจะหาช่องทางเดินเรือช่องทางอื่นๆ ในการขนส่งอาวุธได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นประเทศไทย ในรายงานของแอนดรูวส์ระบุว่ามีตัวการที่อยู่ในประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งชิ้นส่วนวัตถุดิบอาวุธขั้นสูงและเครื่องมือในการผลิตอาวุธป้อนให้กับโรงงานอาวุธของกองทัพเผด็จการพม่าอยู่ก่อนแล้ว

เรียบเรียงจาก
 
Singapore ‘tightens screws’ on Myanmar generals with arms trade crackdown, Aljazeera, 12-04-2024 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่