วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนงานค่ะ ส่วนตัวเราจบ ปวส. โยธา แต่ระหว่างที่เรียนเราทำงานพาร์ทไทม์ที่เซ่เว่นมาตลอด ทั้งก่อนจะเข้าเรียนรวมตอนที่เรียนด้วยก็สี่ปีแต่หลังจากเรียนจบเราก็ยังทำงานที่เดิมอยู่ประมาณปีกว่า จนเพื่อนมาชวนเราว่าไม่อยากเปลี่ยนงานหรอ เพราะงานก่อสร้างมันได้เงินเยอะนะ ส่วนตัวเองก็เริ่มจะอยู่ตัวกับงานเซเว่นแล้วเพราะมันไม่มีอะไรก้าวหน้าได้ เลยลองตัดสินใจลองดู หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาทำงานโฟร์แมนกับบริษัทเล็กๆด้วยความที่จังหวัดที่อยู่เป็นแค่เพียงจังหวัดเงียบๆแถวชายแดนไม่มีตัวเลือกเยอะมาก แต่เรากับเพื่อนก็พยายามหางานที่คิดว่าลงตัวกับตัวเองจนงานโฟร์แมนล่าสุด เราแยกกันคนละบริษัท ซึ่งที่ๆเราทำงานด้วยเป็นบริษัทรับเหมาที่เล็กมากๆ บริษัทเป็นโรงเก็บรถที่กำแพงติดกับบ้านเจ้าของบริษัท ที่ทำงานคือเป็นห้องเล็กๆที่มีคอมฯตั้งโต๊ะอยู่ 2 เครื่อง แล้วก็โต๊ะทำงานของเจ้าของบอ
วันที่ไปสมัครเจ้าของก็เป็นคนสัมภาษณ์ เขาก็ถามเรื่องทั่วไป แล้วก็ขอเอกสารเรา รวมถึงวุฒิการศึกษาด้วย แล้วก็ถามด้วยว่า ผิวที่ดำนี่เป็นเพราะทำงานหรือกรรมพันธ์ุ เราก็เอ๊ะอยุ่ แล้วก็ตอบไปว่ากรรมพันธุ์ แล้วนางก็พูดออกมาเลยว่า จะไหวหรอ เราก็ตอบไปว่าไหวค่ะ ก็จบไป
หลังจากเริ่มงานเขาก็ไม่ได้ให้เราทำอะไรมากแทบจะไม่ให้เราไปดูหน้างานหรือมอบหมายอะไรเลย จะมีก็ให้ประเมินราคาบ้างจากแบบที่วิศวกรให้มา (ซึ่งความจริงวิศวกรมีเล่มประมาณราคามาให้อยู่แล้ว) ส่วนมากงานของบริษัทจะเป็นรีโนเวทหรือสิ่งก่อสร้างเล็ก เช่นห้องน้ำ ใหญ่หน่อยก็จะเป็นโดมสำหรับสนามกีฬาแบบ open air
อย่างที่สองที่รู้สึกแบบเอ๊ะเลย คือเขาให้เราไปสืบราคาสิ่งก่อสร้างจากร้านต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งๆที่เขาก็มี contact ของเซลล์เกือบทุกที่ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ เราก็แบบ อิหยังวะ เพราะนางไม่ได้ให้ contact ของเซลล์กับเราเลย ทั้งที่ถ้าเป็นบริษัทติดต่อไปยังไงก็ได้ราคาถูกก่าอยู่แล้ว
ยังไงก็ตามเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากมีประมาณสิ่งก่อสร้างที่ต้องใช้หน้างานแค่นิดๆหน่อยๆให้โฟร์แมนคนอื่นที่ทำงานที่นี่มาก่อนแล้ว เราก็ได้แต่หมกตัวอยู่ในออฟฟิศประมาณครึ่งเดือน จนนางเกิดปิ๊งไอเดียอยากเปิดที่สำหรับเป็นตัวแทนส่งของ อารมณ์เหมือน flash หรือ kerry แต่เราจะไม่ขอเอ่ยนาม สิ่งที่เราต้องทำก็แค่รับของจากลูกค้า คีย์ข้อมูลลงบนเว็บไซต์หลังจากนั้นขนส่งก็จะเข้ามารับไปเอง นางเช่าลบอาคารพาณิชย์ไปแล้วเหลือแค่เอาคอมไปตั้งแค่นั้น ซึ่งนางอยากให้เราไปทำตรงนั้น คนเดียว เรานี่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเป็นคนไม่เถียงอะไรกับใครอยู่แล้วก็ตอบไปแค่ค่ะ มีบางครั้งที่นางเอาแบบมาให้เราเซ็นต์ซึ่งความจริงเราไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับแบบนั้นเลยแน่นอนว่ารวมถึงวุฒิเราในแบบนั้นด้วย
สุดท้ายเราก็โดนให้หมกอยู่ตรงนั้น มีงานให้มาประเมินราคา หรือ ประมาณสิ่งก่อสร้างบ้าง แน่นอนว่ารวมถึงสืบราคาด้วย อีกอย่างบางครั้งนางก็ให้เราแก้งานประเมินราคาด้วยเพราะนางจะเอาไปคุยกับลูกค้าหรืออะไรซักอย่าง โดยนางจะกำหนดมาว่า อยากได้ยอด เท่านี้ๆให้ไปแก้มา เช่น ถ้าต้นฉบับยอดรวมราคาก่อสร้างเป็น 2,580,234 นางจะบอกว่า ทำยังไงก็ได้ให้ยอดมันเป็น 3,600,000 เกินมานิดหน่อยไม่เป็นไร เราไม่รู้ว่านางไปเอาต้นฉบับมาจากไหน แต่ถ้าเราแก้เสร็จแล้ว เราต้องเปลี่ยนชื่อคนประเมาณราคาเป็นชื่อเราทุกครั้ง และเจ้าของเปลี่ยนเป็นชื่อนาง โดยปกติเราต้องเซ็นต์รับรอง ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าตรงนั้นนางไปปลอมลายเซ็นต์เองรึเปล่า แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ไม่กี่วันที่เราถูกย้ายไปเป็นพนักงานรับพัสดุแบบงงๆ นางก็เริ่มให้ช่างมาติดกล้องซึ่งมีอันเดียวคืออยู่ตรงเค้าท์เตอร์ด้านหลังที่นั่งของเรา หน้าที่เราคือทำความสะอาด รับพัสดุ และจิบปาถะแล้วแต่นางจะสั่ง มีครั้งนึงที่นางให้เราจองตั๋วเครื่องบินให้ไม่กี่วันก่อนบินไปงานแต่งเพื่อนที่กรุงเทพฯไม่วายบ่นแพง ซึ่งเราว่ามันก็ปกติไป-กลับ ตกประมาณ 1,500 รวมภาษีเราว่ามันค่อนข้างถูกเลยทีเดียว
พูดถึงนิสัยของนางจะเป็นคนที่หยาบมาก ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยกับลูกน้องตัวเอง ถ้ามีอะไรที่ขัดใจขึ้นมานิดนึงคือไปเลย สวนสัตย์ หรือ พ่อขุนนี่มาหมด แต่จะต่างมากเมื่อนางคุยกับคนอื่นรวมถึงบริษัทคู่ที่ได้ทำงานด้วยกันในที่นี่ร่วมถึงพนักงานก่อสร้างของบริษัทอื่นด้วย ซึ่งเรายังไม่เคยโดนว่าเลยอาจเป็นเพราะเราเพิ่งมาทำงานใหม่
(ขอเสริมนิดนึงว่าช่วงนั้นเราก็ทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกงานด้วย เป็นไอริชบาร์จนถึงเที่ยงคืน เพราะคิดว่าเงินจากงานนี้ไม่น่าพอ)
มีวันนึงที่เราป่วยแต่แน่นอนว่าลาไม่ได้จึงไปนั่งฟุบโต๊ะอยู่ได้ประมาณเกือบๆชั่วโมงนางดันแวะเข้ามาเห็นพอดี เสร็จแล้วก็สั่งนั่นนี่แล้วก็เดินออกไป ไม่ได้ว่าอะไร เราก็คิดว่าจบไปแล้ว เราก็ทำงานอยู่แบบนั้นได้อีกประมาณสองอาทิตย์ นางก็บ่นว่าลูกค้าน้อยให้เราไปคิดมาว่าทำยังไงให้ลูกค้าเยอะ (การตลาดบ่?) เราก็เลยไปเพิ่มบนกูเกิ้ลแม็พให้คนค้นหาได้เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงให้คนมาส่งของที่นี่เยอะๆ อีกอย่างมันก็เพิ่งจะแค่สองอาทิตย์ ชีวิตเราก็วนลูปอยู่แบบนั้น คือ ทำความสะอาดเช้า-เย็น รวมถึงประมาณราคาและอื่นๆ แต่ส่วนมากคือว่าง แบบว่างเลย ไม่มีอะไรให้ทำ วันนึงเราเลยเปิดหนังดู แล้วนางก็โทรมาตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ เราก็กลับมาเห็นว่านางโทรมาเราก็เลยโทรกลับจำไม่ได้ว่าคุยอะไร เราก็เออน่าจะจบแล้ว ก็ดูหนังต่อเพราะไม่มีอะไรทำจริงๆ จากนั้นคือไลน์กลุ่มเด้งแบบรัวมาก พอเราเขาไปดูคือนางแคปรูปจากแอปของกล้องวงจรปิดมาลงกลุ่ม แล้วคือด่าเราแบบแรงมาก ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือ "กูจ้างมาให้ทำงาน ไม่ใช่ให้มานอน หรือมาดูหนัง เล่น" "งานประเมินราคาที่กูให้ไปทำก็ยังทำไม่เสร็จ" "กูจะจ้างมาทำไม" เราแบบอึ้งมาก เพราะนางเป็นคนบอกว่าถ้าแก้ราคาเสร็จแล้วให้ส่งให้นางผ่านไลน์ส่วนตัวซึ่งเราก็ส่งไปให้แล้ว มันก็ขึ้นว่านางอ่านแล้วด้วยเราก็เลยตอบไปว่า "เสร็จแล้วนะคะ" "ส่งให้ไปแล้ว" ซึ่งนางตอบกลับมาว่าไม่มี เราดูเหมือนคนโกหกไปเลย เราเลยไปสกรีนหน้าจอในไลน์ส่วนตัวของนางแล้วส่งลงไลน์กลุ่มนางตอบมาคำเดียวว่า "เค" แล้วเราก็เลยบอกไปอีกว่าเราทำงานทุกอย่างเสร็จหมดแล้วนางก็บอกกับมาว่า "ก็ไปทำความสะอาดสิ่" เราที่หมดคำจะพูด เราไม่เข้าใจว่าทำความสะอาดของนางคืออะไร หมายถึงเราต้องไปทำความสะอาดชั้นสองและสามด้วยหรอหรือะอะไร เราทั้งกวาดทั้งถูชั้นแรกไปหมดแล้ว ชั้นสองและสามคือไม่มีอะไรเลย เราก็ตอบไปคำเดียว "ค่ะ"แต่หลังจากนั้นคือซึมไปแล้ว
วันนั้นที่เราฟุบหลับนางไม่มีคำพูดซักคำที่ถามว่า "ไม่สบายหรอ?" "ป่วยรึเปล่า" วันที่นางด่าเราก็ไม่มีคำขอโทษเลยซักคำ หลังจากนั้นเราคิดเลยว่าจะลาออกเพราะนี่แค่เดือนแรก ใช่ค่ะ เดือนแรก! เราจะไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้กับคนแบบนี้แน่ๆและสิ้นเดือนมาเราก็ได้เงินมา 7,000 บาทถ้วน เราไม่แปลกใจเลย พอได้เงินเสร็จเราก็บล็อกนางเพราะมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว contract ก็ไม่มี อีกวันมาพี่โฟร์แมนอีกสองคนทักมาถามว่าลาออกหรอ เราก็ตอบคำเดียวเหมือนเดิมว่า ค่ะ แล้วคนนึงก็มาขอประมาณสิ่งก่อสร้างอันสุดท้ายที่เราคิดไว้ เราไม่ให้ ไม่ตอบ แล้วก็บล็อกไปทุกคนจะได้ไม่ต้องทักมาขออะไรที่เราอีก เพราะถ้าคนที่ได้ผลประโยชน์คือเจ้าของบริษัทงั้นก็ไปคำนวณกันคนเดียวค่ะ ขอบคุณค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ย้ายมาอยู่อีกจังหวัดนึงและเริ่มทำงานร้านอาหารอินเดีย เจ้าของเป็นคนอินเดียคือใจดีมากกกกกกกกกกก ใจดีเกินนนนน แต่ด้วยงานบริการแน่นอนว่าหยุดไม่ค่อยได้ แต่ลาป่วยได้แน่นอนแบบร้อยเปอร์ ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์เลยยยยย นางก็บอกเองด้วยว่าอยากได้คนแบบเรา อยากได้คนไทยแล้วเราก็พูดอังกฤษได้แบบพอตัวเลย มีประกันสังคม วันเกิดใครในร้านจัดให้หมดแบบ เลี้ยงเบียร์เลี้ยงของกินฉ่ำ จบ
บอกเล่าระบายงานก่อสร้าง
วันที่ไปสมัครเจ้าของก็เป็นคนสัมภาษณ์ เขาก็ถามเรื่องทั่วไป แล้วก็ขอเอกสารเรา รวมถึงวุฒิการศึกษาด้วย แล้วก็ถามด้วยว่า ผิวที่ดำนี่เป็นเพราะทำงานหรือกรรมพันธ์ุ เราก็เอ๊ะอยุ่ แล้วก็ตอบไปว่ากรรมพันธุ์ แล้วนางก็พูดออกมาเลยว่า จะไหวหรอ เราก็ตอบไปว่าไหวค่ะ ก็จบไป
หลังจากเริ่มงานเขาก็ไม่ได้ให้เราทำอะไรมากแทบจะไม่ให้เราไปดูหน้างานหรือมอบหมายอะไรเลย จะมีก็ให้ประเมินราคาบ้างจากแบบที่วิศวกรให้มา (ซึ่งความจริงวิศวกรมีเล่มประมาณราคามาให้อยู่แล้ว) ส่วนมากงานของบริษัทจะเป็นรีโนเวทหรือสิ่งก่อสร้างเล็ก เช่นห้องน้ำ ใหญ่หน่อยก็จะเป็นโดมสำหรับสนามกีฬาแบบ open air
อย่างที่สองที่รู้สึกแบบเอ๊ะเลย คือเขาให้เราไปสืบราคาสิ่งก่อสร้างจากร้านต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งๆที่เขาก็มี contact ของเซลล์เกือบทุกที่ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ เราก็แบบ อิหยังวะ เพราะนางไม่ได้ให้ contact ของเซลล์กับเราเลย ทั้งที่ถ้าเป็นบริษัทติดต่อไปยังไงก็ได้ราคาถูกก่าอยู่แล้ว
ยังไงก็ตามเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากมีประมาณสิ่งก่อสร้างที่ต้องใช้หน้างานแค่นิดๆหน่อยๆให้โฟร์แมนคนอื่นที่ทำงานที่นี่มาก่อนแล้ว เราก็ได้แต่หมกตัวอยู่ในออฟฟิศประมาณครึ่งเดือน จนนางเกิดปิ๊งไอเดียอยากเปิดที่สำหรับเป็นตัวแทนส่งของ อารมณ์เหมือน flash หรือ kerry แต่เราจะไม่ขอเอ่ยนาม สิ่งที่เราต้องทำก็แค่รับของจากลูกค้า คีย์ข้อมูลลงบนเว็บไซต์หลังจากนั้นขนส่งก็จะเข้ามารับไปเอง นางเช่าลบอาคารพาณิชย์ไปแล้วเหลือแค่เอาคอมไปตั้งแค่นั้น ซึ่งนางอยากให้เราไปทำตรงนั้น คนเดียว เรานี่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเป็นคนไม่เถียงอะไรกับใครอยู่แล้วก็ตอบไปแค่ค่ะ มีบางครั้งที่นางเอาแบบมาให้เราเซ็นต์ซึ่งความจริงเราไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับแบบนั้นเลยแน่นอนว่ารวมถึงวุฒิเราในแบบนั้นด้วย
สุดท้ายเราก็โดนให้หมกอยู่ตรงนั้น มีงานให้มาประเมินราคา หรือ ประมาณสิ่งก่อสร้างบ้าง แน่นอนว่ารวมถึงสืบราคาด้วย อีกอย่างบางครั้งนางก็ให้เราแก้งานประเมินราคาด้วยเพราะนางจะเอาไปคุยกับลูกค้าหรืออะไรซักอย่าง โดยนางจะกำหนดมาว่า อยากได้ยอด เท่านี้ๆให้ไปแก้มา เช่น ถ้าต้นฉบับยอดรวมราคาก่อสร้างเป็น 2,580,234 นางจะบอกว่า ทำยังไงก็ได้ให้ยอดมันเป็น 3,600,000 เกินมานิดหน่อยไม่เป็นไร เราไม่รู้ว่านางไปเอาต้นฉบับมาจากไหน แต่ถ้าเราแก้เสร็จแล้ว เราต้องเปลี่ยนชื่อคนประเมาณราคาเป็นชื่อเราทุกครั้ง และเจ้าของเปลี่ยนเป็นชื่อนาง โดยปกติเราต้องเซ็นต์รับรอง ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าตรงนั้นนางไปปลอมลายเซ็นต์เองรึเปล่า แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ไม่กี่วันที่เราถูกย้ายไปเป็นพนักงานรับพัสดุแบบงงๆ นางก็เริ่มให้ช่างมาติดกล้องซึ่งมีอันเดียวคืออยู่ตรงเค้าท์เตอร์ด้านหลังที่นั่งของเรา หน้าที่เราคือทำความสะอาด รับพัสดุ และจิบปาถะแล้วแต่นางจะสั่ง มีครั้งนึงที่นางให้เราจองตั๋วเครื่องบินให้ไม่กี่วันก่อนบินไปงานแต่งเพื่อนที่กรุงเทพฯไม่วายบ่นแพง ซึ่งเราว่ามันก็ปกติไป-กลับ ตกประมาณ 1,500 รวมภาษีเราว่ามันค่อนข้างถูกเลยทีเดียว
พูดถึงนิสัยของนางจะเป็นคนที่หยาบมาก ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยกับลูกน้องตัวเอง ถ้ามีอะไรที่ขัดใจขึ้นมานิดนึงคือไปเลย สวนสัตย์ หรือ พ่อขุนนี่มาหมด แต่จะต่างมากเมื่อนางคุยกับคนอื่นรวมถึงบริษัทคู่ที่ได้ทำงานด้วยกันในที่นี่ร่วมถึงพนักงานก่อสร้างของบริษัทอื่นด้วย ซึ่งเรายังไม่เคยโดนว่าเลยอาจเป็นเพราะเราเพิ่งมาทำงานใหม่
(ขอเสริมนิดนึงว่าช่วงนั้นเราก็ทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกงานด้วย เป็นไอริชบาร์จนถึงเที่ยงคืน เพราะคิดว่าเงินจากงานนี้ไม่น่าพอ)
มีวันนึงที่เราป่วยแต่แน่นอนว่าลาไม่ได้จึงไปนั่งฟุบโต๊ะอยู่ได้ประมาณเกือบๆชั่วโมงนางดันแวะเข้ามาเห็นพอดี เสร็จแล้วก็สั่งนั่นนี่แล้วก็เดินออกไป ไม่ได้ว่าอะไร เราก็คิดว่าจบไปแล้ว เราก็ทำงานอยู่แบบนั้นได้อีกประมาณสองอาทิตย์ นางก็บ่นว่าลูกค้าน้อยให้เราไปคิดมาว่าทำยังไงให้ลูกค้าเยอะ (การตลาดบ่?) เราก็เลยไปเพิ่มบนกูเกิ้ลแม็พให้คนค้นหาได้เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงให้คนมาส่งของที่นี่เยอะๆ อีกอย่างมันก็เพิ่งจะแค่สองอาทิตย์ ชีวิตเราก็วนลูปอยู่แบบนั้น คือ ทำความสะอาดเช้า-เย็น รวมถึงประมาณราคาและอื่นๆ แต่ส่วนมากคือว่าง แบบว่างเลย ไม่มีอะไรให้ทำ วันนึงเราเลยเปิดหนังดู แล้วนางก็โทรมาตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ เราก็กลับมาเห็นว่านางโทรมาเราก็เลยโทรกลับจำไม่ได้ว่าคุยอะไร เราก็เออน่าจะจบแล้ว ก็ดูหนังต่อเพราะไม่มีอะไรทำจริงๆ จากนั้นคือไลน์กลุ่มเด้งแบบรัวมาก พอเราเขาไปดูคือนางแคปรูปจากแอปของกล้องวงจรปิดมาลงกลุ่ม แล้วคือด่าเราแบบแรงมาก ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือ "กูจ้างมาให้ทำงาน ไม่ใช่ให้มานอน หรือมาดูหนัง เล่น" "งานประเมินราคาที่กูให้ไปทำก็ยังทำไม่เสร็จ" "กูจะจ้างมาทำไม" เราแบบอึ้งมาก เพราะนางเป็นคนบอกว่าถ้าแก้ราคาเสร็จแล้วให้ส่งให้นางผ่านไลน์ส่วนตัวซึ่งเราก็ส่งไปให้แล้ว มันก็ขึ้นว่านางอ่านแล้วด้วยเราก็เลยตอบไปว่า "เสร็จแล้วนะคะ" "ส่งให้ไปแล้ว" ซึ่งนางตอบกลับมาว่าไม่มี เราดูเหมือนคนโกหกไปเลย เราเลยไปสกรีนหน้าจอในไลน์ส่วนตัวของนางแล้วส่งลงไลน์กลุ่มนางตอบมาคำเดียวว่า "เค" แล้วเราก็เลยบอกไปอีกว่าเราทำงานทุกอย่างเสร็จหมดแล้วนางก็บอกกับมาว่า "ก็ไปทำความสะอาดสิ่" เราที่หมดคำจะพูด เราไม่เข้าใจว่าทำความสะอาดของนางคืออะไร หมายถึงเราต้องไปทำความสะอาดชั้นสองและสามด้วยหรอหรือะอะไร เราทั้งกวาดทั้งถูชั้นแรกไปหมดแล้ว ชั้นสองและสามคือไม่มีอะไรเลย เราก็ตอบไปคำเดียว "ค่ะ"แต่หลังจากนั้นคือซึมไปแล้ว
วันนั้นที่เราฟุบหลับนางไม่มีคำพูดซักคำที่ถามว่า "ไม่สบายหรอ?" "ป่วยรึเปล่า" วันที่นางด่าเราก็ไม่มีคำขอโทษเลยซักคำ หลังจากนั้นเราคิดเลยว่าจะลาออกเพราะนี่แค่เดือนแรก ใช่ค่ะ เดือนแรก! เราจะไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้กับคนแบบนี้แน่ๆและสิ้นเดือนมาเราก็ได้เงินมา 7,000 บาทถ้วน เราไม่แปลกใจเลย พอได้เงินเสร็จเราก็บล็อกนางเพราะมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว contract ก็ไม่มี อีกวันมาพี่โฟร์แมนอีกสองคนทักมาถามว่าลาออกหรอ เราก็ตอบคำเดียวเหมือนเดิมว่า ค่ะ แล้วคนนึงก็มาขอประมาณสิ่งก่อสร้างอันสุดท้ายที่เราคิดไว้ เราไม่ให้ ไม่ตอบ แล้วก็บล็อกไปทุกคนจะได้ไม่ต้องทักมาขออะไรที่เราอีก เพราะถ้าคนที่ได้ผลประโยชน์คือเจ้าของบริษัทงั้นก็ไปคำนวณกันคนเดียวค่ะ ขอบคุณค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ย้ายมาอยู่อีกจังหวัดนึงและเริ่มทำงานร้านอาหารอินเดีย เจ้าของเป็นคนอินเดียคือใจดีมากกกกกกกกกกก ใจดีเกินนนนน แต่ด้วยงานบริการแน่นอนว่าหยุดไม่ค่อยได้ แต่ลาป่วยได้แน่นอนแบบร้อยเปอร์ ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์เลยยยยย นางก็บอกเองด้วยว่าอยากได้คนแบบเรา อยากได้คนไทยแล้วเราก็พูดอังกฤษได้แบบพอตัวเลย มีประกันสังคม วันเกิดใครในร้านจัดให้หมดแบบ เลี้ยงเบียร์เลี้ยงของกินฉ่ำ จบ