โดยส่วนตัวลงทุนในตลาดหุ้นไทยมานาน... ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเกินกว่า 10% จนถึงปัจจุบันยังมองว่าลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ได้ยากเย็นแสนเข็นอะไร ยังมีหุ้นดีๆให้ลงทุนอีกมากมายที่ให้ผลตอบแทนปีละ 8-15% เทียบกับการที่ต้องเสี่ยงไปลงทุนที่ต่างประเทศที่เราไม่รู้จักหุ้นดีพอ ไม่มีข้อมูลที่ทันสมัย ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในบริษัทนั้นๆเท่ากับเจ้าถิ่น แถมยังมีเรื่องของภาษีที่ต้องจ่ายมากกว่า ค่าคอมและค่าธรรมเนียมสารพัดที่มากกว่า คิดไปคิดมาผลตอบแทนอาจจะไม่สูงกว่าลงทุนหุ้นในเมืองไทยอย่างที่คิดกัน
ลองคิดง่ายๆดูว่า ขนาดลงทุนในบ้านตัวเองยังเอาตัวไม่รอด (สำหรับพวกที่โวยวาย) แล้วคิดหรือว่า ไปลงทุนในบ้านคนอื่นที่ตัวเองไม่รู้จักดีจะเอาตัวรอดได้
เพิ่มเติม 1.
มีคำตอบดีๆหลายคำตอบจากนักลงทุนตัวจริงในเรื่องของ "ตัวเลือก" ที่เป็นความจริงว่าตลาดหุ้นไทยมีตัวเลือกน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นใหญ่ๆของโลก เนื่องจากประเทศไทยเรามีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่เท่า ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีไม่ดีเท่า ทำให้มีบริษัทใหญ่ๆดีๆไม่มากหรือหลากหลายพอ แต่ด้วยขนาดของพอร์ตการลงทุนของเราไม่ได้ใหญ่โตจนเกินกว่าจะหาที่ลงทุนในบริษัทดีๆในบ้านเรา เมื่อเทียบกับความยุ่งยากและอัตราภาษีที่อาจจะโดนเก็บในอนาคต ทำให้ผลตอบแทนสุทธิในอัตรา 8-15%ต่อปีเป็นที่น่าเพียงพอสำหรับเราแล้ว ส่วนวาทะกรรมเรื่องตระกร้าใบเดียว เราคิดว่าตระกร้าใบย่อมๆขนาดประเทศไทยถ้ามันไม่ใหญ่เพียงพอสำหรับบางคนเราก็พร้อมที่จะยอมให้ไข่ของเราแตกไปพร้อมกับประเทศของเรา อีกอย่างที่อยากจะเน้นคือ ที่พูดถึงหมายถึงพวกนักเล่นหุ้น (ไม่ใช่นักลงทุน) ที่ออกมาโวยวายว่าหุ้นไทยมีเจ้ามือคุมเล่นแล้วแพ้ จะหนีไปเล่นหุ้นเมืองนอกดีกว่า คิดหรือว่าที่เมืองนอกตลาดหุ้นไม่มีเจ้ามือคุม กลัวแต่ว่าออกไปแล้วจะกลายเป็น "เซียมหล่อตือ" เสียมากกว่า สำหรับนักลงทุนบางคนที่ฝีมือระดับเทพ พอร์ตใหญ่ระดับวาฬ พวกนี้สนามเมืองไทยอาจจะเล็กเกินไปสำหรับเขา ก็จำเป็นที่จะต้องออกไปแข่งขันในระดับโลกแบบนี้ถือว่าเป็นปกติ
หุ้นไทยลงทุนง่ายๆยังเอาตัวไม่รอด ทำไมถึงคิดว่าไปลงทุนเมืองนอกแล้วจะรวย ?
ลองคิดง่ายๆดูว่า ขนาดลงทุนในบ้านตัวเองยังเอาตัวไม่รอด (สำหรับพวกที่โวยวาย) แล้วคิดหรือว่า ไปลงทุนในบ้านคนอื่นที่ตัวเองไม่รู้จักดีจะเอาตัวรอดได้
เพิ่มเติม 1.
มีคำตอบดีๆหลายคำตอบจากนักลงทุนตัวจริงในเรื่องของ "ตัวเลือก" ที่เป็นความจริงว่าตลาดหุ้นไทยมีตัวเลือกน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นใหญ่ๆของโลก เนื่องจากประเทศไทยเรามีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่เท่า ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีไม่ดีเท่า ทำให้มีบริษัทใหญ่ๆดีๆไม่มากหรือหลากหลายพอ แต่ด้วยขนาดของพอร์ตการลงทุนของเราไม่ได้ใหญ่โตจนเกินกว่าจะหาที่ลงทุนในบริษัทดีๆในบ้านเรา เมื่อเทียบกับความยุ่งยากและอัตราภาษีที่อาจจะโดนเก็บในอนาคต ทำให้ผลตอบแทนสุทธิในอัตรา 8-15%ต่อปีเป็นที่น่าเพียงพอสำหรับเราแล้ว ส่วนวาทะกรรมเรื่องตระกร้าใบเดียว เราคิดว่าตระกร้าใบย่อมๆขนาดประเทศไทยถ้ามันไม่ใหญ่เพียงพอสำหรับบางคนเราก็พร้อมที่จะยอมให้ไข่ของเราแตกไปพร้อมกับประเทศของเรา อีกอย่างที่อยากจะเน้นคือ ที่พูดถึงหมายถึงพวกนักเล่นหุ้น (ไม่ใช่นักลงทุน) ที่ออกมาโวยวายว่าหุ้นไทยมีเจ้ามือคุมเล่นแล้วแพ้ จะหนีไปเล่นหุ้นเมืองนอกดีกว่า คิดหรือว่าที่เมืองนอกตลาดหุ้นไม่มีเจ้ามือคุม กลัวแต่ว่าออกไปแล้วจะกลายเป็น "เซียมหล่อตือ" เสียมากกว่า สำหรับนักลงทุนบางคนที่ฝีมือระดับเทพ พอร์ตใหญ่ระดับวาฬ พวกนี้สนามเมืองไทยอาจจะเล็กเกินไปสำหรับเขา ก็จำเป็นที่จะต้องออกไปแข่งขันในระดับโลกแบบนี้ถือว่าเป็นปกติ