ผมจะสรุปให้สั้นที่สุดครับ
ผมเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในฐานะ นักตัดต่อวิดีโอ
ทำเรื่อยมาจนปีนี้ครบ 10 ปี
พูดง่ายๆคือ ทำงานอยู่เบื้องหลังนั่นแหละ
ทำกับพี่ช่างภาพอีกคนนึง
ปีนี้ผมก็ถูกเริ่มให้มาช่วยในเรื่องหน้ากล้อง
เล่านิดนึงว่า
ปกติจะมีพี่ที่ทำงานหน้ากล้อง (พูดสินค้าลูกค้า) 2 คน
แต่เมื่อต้นปีก็ออกไปคนนึง
ประจวบเหมาะกับมีงานสำคัญของลูกค้าเข้ามา
ซึ่งเป็นการแนะนำสินค้าของลูกค้า
ติดต่อผ่านเซลส์มา
ซึ่งมีการจ้างเข้ามาพร้อมกัน 2 เจ้า
และเวลามันชนกัน
จ้างเรทเท่ากันที่ 50,000 บาท
ซึ่งผมจะได้ 3% ถ้าลูกค้าโอเค คลิปผ่าน
พี่เขาเลยรบกวนผม (ผมให้ชื่อว่า พี่เอ ละกันครับ)
ให้ช่วยอีกเจ้านึง
โดยเขาจะส่งรายละเอียดสินค้าให้
ล่วงหน้าประมาณ 3 วัน
ให้จำให้ขึ้นใจ เพราะลูกค้าไม่อยากให้มายืนอ่านสคริป
และอยากให้พูดเป็นธรรมชาติ
ผมก็ไม่ปฏิเสธ เพราะทำงานมาด้วยกัน 10 ปี
คุยกันแทบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องหนัง คุยงาน กินข้าว
ตัดต่องานให้พี่เขา คือรู้ใจกัน ว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน
ซึ่งวันที่ไปถ่ายทำคลิปให้ลูกค้า
ผมถ่ายทั้งหมด 3 รอบ
เพราะ 2 รอบแรก
ผมพูดรายละเอียดตัวสินค้าไม่ครบ
แล้วพอ 2 รอบ ผมพูดไม่ครบ
ทางเซลส์ที่ไปด้วย ก็พูดจาใส่เราประมาณว่า
เธอจะรอดมั้ยเนี่ย พี่ไม่ไว้ใจเทอเลย
เทอทำพี่กลัวมากเนี่ย (ทำหน้าเครียดเลยนะ) แล้วมองเราด้วยสายตาแบบว่า ไม่เชื่อใจ
คือผมรู้สึกเฟลกับคำพูดพี่เขามาก
แทนที่จะพูดให้กำลังใจ กลับมาพูดแบบนี้ใส่กัน
ผมก็ถามกลับไปว่า
ถ้าพี่จะเอาชัวร์ ก็เลื่อนวันสิครับ แล้วให้พี่เอ มาถ่ายวันหลัง
พี่แกก็ตอบมาว่า มันเลื่อนไม่ได้ ลูกค้าก็มีคิวต่อไปอีก
เทอทำน่ะแหละ พี่อยากให้เทอพัฒนา มีตัวตนในสังคม
ไม่ใช่อยู่แต่ในออฟฟิศ
ผมนี่งงเลยครับ
ถามพี่เขากลับไปว่า
พี่ถามผมสักคำมั้ย ว่าผมอยากมีตัวตนป้ะ
อะไรที่ผมถนัด อะไรที่ผมไม่ถนัด
สิ่งที่ผมถนัด ผมก็ทำมันได้ดี เช่นงานตัดต่อ
ส่วนงานพูดอะไรแบบนี้ ผมไม่เคยทำครับ
พี่เขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า
"พี่ก็อยากให้เทอพัฒนาตัวเอง จะได้เก่งๆ ไปต่อยอดในอนาคตได้ แต่ก็แล้วแต่เทอนะ ตัวเทอเอง ถ้าเทอไม่อยากทำ พี่ก็ไม่ว่าอะไร"
จบประโยคนี้ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมเข้าไปนั่งเครียด
ร้องไห้ออกมาอ่ะ ทุกอย่างมันกดดัน โดนคำพูดต่างๆ
จนแทบจะถอดใจ
แต่สุดท้าย ผมก็คิดกับตัวเองว่า
ดูถูกกูนักใช่ไหม ด๊ายยย!! กูจะทำให้ดู ว่ากูก็ทำให้ผ่านได้
จนสุดท้าย ถ่ายรอบที่ 3 ผ่านครับ
ที่ผมพิมพ์มายืดยาว อยากจะทราบความเห็นเพื่อนๆว่า
ถ้าอนาคตเกิดเหตุเวลาทับซ้อนกันแบบนี้
ผมควรช่วยพี่เขา หรือทำตัวเห็นแก่ตัวดีครับ
คือผมโอเคกับพี่เอนะ เพราะเขาพูดจาเป็นผู้ใหญ่
ขอร้องเราแบบดีๆ ตรงข้ามกับพี่เซลส์ พูดจาแบบว่า
มะนาวไม่มีน้ำ ทำให้ไม่อยากทำงานด้วย
ใจนึงก็อยากช่วย แต่อีกใจก็ไม่ใช่สิ่งที่ถนัด ทำให้ดูเหมือนจะทำให้อะไรๆแย่ลง
ผมเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในฐานะ นักตัดต่อวิดีโอ
ทำเรื่อยมาจนปีนี้ครบ 10 ปี
พูดง่ายๆคือ ทำงานอยู่เบื้องหลังนั่นแหละ
ทำกับพี่ช่างภาพอีกคนนึง
ปีนี้ผมก็ถูกเริ่มให้มาช่วยในเรื่องหน้ากล้อง
เล่านิดนึงว่า
ปกติจะมีพี่ที่ทำงานหน้ากล้อง (พูดสินค้าลูกค้า) 2 คน
แต่เมื่อต้นปีก็ออกไปคนนึง
ประจวบเหมาะกับมีงานสำคัญของลูกค้าเข้ามา
ซึ่งเป็นการแนะนำสินค้าของลูกค้า
ติดต่อผ่านเซลส์มา
ซึ่งมีการจ้างเข้ามาพร้อมกัน 2 เจ้า
และเวลามันชนกัน
จ้างเรทเท่ากันที่ 50,000 บาท
ซึ่งผมจะได้ 3% ถ้าลูกค้าโอเค คลิปผ่าน
พี่เขาเลยรบกวนผม (ผมให้ชื่อว่า พี่เอ ละกันครับ)
ให้ช่วยอีกเจ้านึง
โดยเขาจะส่งรายละเอียดสินค้าให้
ล่วงหน้าประมาณ 3 วัน
ให้จำให้ขึ้นใจ เพราะลูกค้าไม่อยากให้มายืนอ่านสคริป
และอยากให้พูดเป็นธรรมชาติ
ผมก็ไม่ปฏิเสธ เพราะทำงานมาด้วยกัน 10 ปี
คุยกันแทบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องหนัง คุยงาน กินข้าว
ตัดต่องานให้พี่เขา คือรู้ใจกัน ว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน
ซึ่งวันที่ไปถ่ายทำคลิปให้ลูกค้า
ผมถ่ายทั้งหมด 3 รอบ
เพราะ 2 รอบแรก
ผมพูดรายละเอียดตัวสินค้าไม่ครบ
แล้วพอ 2 รอบ ผมพูดไม่ครบ
ทางเซลส์ที่ไปด้วย ก็พูดจาใส่เราประมาณว่า
เธอจะรอดมั้ยเนี่ย พี่ไม่ไว้ใจเทอเลย
เทอทำพี่กลัวมากเนี่ย (ทำหน้าเครียดเลยนะ) แล้วมองเราด้วยสายตาแบบว่า ไม่เชื่อใจ
คือผมรู้สึกเฟลกับคำพูดพี่เขามาก
แทนที่จะพูดให้กำลังใจ กลับมาพูดแบบนี้ใส่กัน
ผมก็ถามกลับไปว่า
ถ้าพี่จะเอาชัวร์ ก็เลื่อนวันสิครับ แล้วให้พี่เอ มาถ่ายวันหลัง
พี่แกก็ตอบมาว่า มันเลื่อนไม่ได้ ลูกค้าก็มีคิวต่อไปอีก
เทอทำน่ะแหละ พี่อยากให้เทอพัฒนา มีตัวตนในสังคม
ไม่ใช่อยู่แต่ในออฟฟิศ
ผมนี่งงเลยครับ
ถามพี่เขากลับไปว่า
พี่ถามผมสักคำมั้ย ว่าผมอยากมีตัวตนป้ะ
อะไรที่ผมถนัด อะไรที่ผมไม่ถนัด
สิ่งที่ผมถนัด ผมก็ทำมันได้ดี เช่นงานตัดต่อ
ส่วนงานพูดอะไรแบบนี้ ผมไม่เคยทำครับ
พี่เขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า
"พี่ก็อยากให้เทอพัฒนาตัวเอง จะได้เก่งๆ ไปต่อยอดในอนาคตได้ แต่ก็แล้วแต่เทอนะ ตัวเทอเอง ถ้าเทอไม่อยากทำ พี่ก็ไม่ว่าอะไร"
จบประโยคนี้ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมเข้าไปนั่งเครียด
ร้องไห้ออกมาอ่ะ ทุกอย่างมันกดดัน โดนคำพูดต่างๆ
จนแทบจะถอดใจ
แต่สุดท้าย ผมก็คิดกับตัวเองว่า
ดูถูกกูนักใช่ไหม ด๊ายยย!! กูจะทำให้ดู ว่ากูก็ทำให้ผ่านได้
จนสุดท้าย ถ่ายรอบที่ 3 ผ่านครับ
ที่ผมพิมพ์มายืดยาว อยากจะทราบความเห็นเพื่อนๆว่า
ถ้าอนาคตเกิดเหตุเวลาทับซ้อนกันแบบนี้
ผมควรช่วยพี่เขา หรือทำตัวเห็นแก่ตัวดีครับ
คือผมโอเคกับพี่เอนะ เพราะเขาพูดจาเป็นผู้ใหญ่
ขอร้องเราแบบดีๆ ตรงข้ามกับพี่เซลส์ พูดจาแบบว่า
มะนาวไม่มีน้ำ ทำให้ไม่อยากทำงานด้วย