หนูอยู่ม. 5 เป็นนักร้องโรงเรียน คือ อยากแลกเปลี่ยนกับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่เคยอยู่ชมรมดนตรีของโรงเรียนว่ามีประสบการ์ณอย่างไรบ้าง
ส่วนตัวหนูสิ่งที่หนูเจอก็ไม่ได้แย่และก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ คือ วงของโรงเรียนที่หนูอยู่ซึ่งหนูลาออกมาสักพักแล้วค่ะ ซึ่งทำให้หนูรู้สึกว่าชมรมดนตรีมันไม่ใช่ชมรมดนตรีที่หนูรู้จักจาก หนัง ซีรีย์ แต่มันกลายเป็นองค์กรบริษัทห้างร้านไป คือทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจ นักเรียนกลายเป็นพนักงาน ไม่ใช่สถานที่ฝึกฝนความสามารถหรือที่ที่เด็กจะมาทำในสิ่งที่ชอบ โดยเฉพาะครู เป็นครูวัยรุ่นที่ไม่เข้าใจเด็ก ที่สุดของที่สุด คือรุ่นพี่ที่หนูรู้จัก พี่เค้าเล่นไวโอลินในวงนี้ ช่วงศิลปหัตกรรมครูต้องการส่งขับร้องเพลงสากลหญิงซึ่งหานักร้องไม่ได้แล้ว เพราะหนูลงไปแล้ว 3 รายการ คือ ขับร้องเพลงพระราชนิพน ขับร้องเพลงลูกกรุง วงสติงคอมโบ ( ขอใช้นามสมติของพี่ที่เล่นไวโอลินว่า พี่น้อย นะคะ ) ครูเขาเลยให้พี่น้อยลงรายการร้องเพลงสากลซึ่งพี่น้อยสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้พอสมควร ช่วงซ้อมหนูสังเกตเห็นพี่น้อยนั่งซึมๆไม่พูดไม่จากับใคร หนูก็ไม่กล้าถามพี่เค้าเดี๋ยวจะเหมือนไปละลาบละล้วงพี่เค้า แล้วพี่เขาก็ขาดซ้อมไปพักใหญ่ ครูเขาโมโหเป็นฝืนเป็นไฟ ไปถามพี่เค้าต่อหน้าเพื่อนๆพี่เค้า ว่า ." เอ็งทำไมไม่มาซ้อม " พี่เขาเลยตอบไปว่า " มีปํญหาที่บ้านนิดหน่อยค่ะ " ครูเขาเลยพูดแบบตัดท้อ " ปัญหาอะไรกูไม่รู้ด้วยแต่เอ็งต้องเอางานกูก่อนดิว่ะ เรื่องที่บ้านก็ส่วนที่บ้านเอ็ง เอ็งก็ต้องไปจัดการเองอย่ากระทบกับงานกู กูก็เหนื่อยนะรู้มั้ย กูคุมวงต้องสามวงเลยว่ะ มันไม่ใช่ง่ายๆนะเว้ย " แล้วหลังจากนั้นรุ่นพี่ผู้ชายที่เป็นนักร้องด้วยกัน ไปเห็นพี่น้อยแอบร้องไห้ในห้องซ้อมไวโอลิน รุ่นพี่ผู้ชายเลยไปพูดกับครูว่าเห็นพี่น้อยร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องซ้อม ครูเลยเรียดพี่น้อยมาคุยว่า " เอ็งเป็นอะไรนักหนาว่ะ ถ้าไม่อยากไปแข่งครุก็จะได้เอาคนอื่นไปแทน " จากนั้นพี่เค้าก็ร้องไห้แล้วก็บอกไม่ไปแข่งแล้ว หลังจากสักประมาณสักช่วงธันวาปีที่แล้ว ในวงสติงมีปัญหาหนักมากจนเกือบวงแตกหนึ่งในนั้นมีหนูด้วย ครูเลยเรียกให้เด็กวงสติงไปกินหมูกระทะด้วยกะจะปรับความเข้าใจ แต่อีกก๊วนในวงไม่มามีแต่หนูกับเพื่อนและรุ่นน้องรุ่นพี่ในวงมา บังเอิญมากๆพี่น้อยเป็นเด็กเสิร์ฟหมูกระทะอยู่ร้านนี้ พี่เค้ายกเตาหมูกระทะมาเสิร์ฟที่โต๊ะพวกหนู ครูเขาเลยพูดแซวๆไปว่าไม่มากินด้วยกันล่ะ พี่น้อยก็ก็ยิ้มๆ " ไม่เป็นไรค่ะ " จากนั้นครูเขานั่งซึมกินหมูคำ คลายทิ้งคำ กินหมูคำ คลายทิ้งคำ แล้วสักพักครูเขาก็พูดขึ้นว่า "

กูก็ไม่รู้ว่ามันต้องทำงานพาสไทร์มเลี้ยงครอบครัว " แล้วครูเค้าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บรรยากาศวันนั้นก่อยมาก แทบกินอะไรไม่ลง ช่วงก่อนปิดเทอมที่ผ่านมาหนูเพิ่งมารู้จากเพื่อนของพี่น้อยว่า
ความจริงแล้วช่วงศิลปหัตกรรมตากับยายของพี่น้อยประสบอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำระหว่างพายายของพี่น้อยกลับจากโรงบาลตอนดึก ตาพี่น้อยตายในที่เกิดเหตุส่วนยายพี่น้อยพิการติดเตียง พี่น้อยเลยต้องดูแลยายส่วนพ่อแม่ของพี่น้อยทิ้งพี่น้อยไปตั้งแต่เด็ก หนูฟังตอนแรกรู้สึกหดหู่ใจมาก แต่หนูก็ยังเห็นครูคนนี้ยังทำแบบเดียวกับที่ทำกับพี่น้อยกับเด็กคนอื่นในวงอย่างไม่เคยสำนึก
แล้วครูเขาชอบไปแอบรับงานดนตรีจากที่ต่างๆโดยไม่บอกเด็กสักคำสุดท้ายมาบอกในกลุ่มไลน์ว่ารับงานรับเงินมัดจำมาแล้วด้วยทุกคนต้องไปช่วย คือ พอไปช่วยแล้วเล่นไม่ถูกใจเค้าก็โดนด่า (คืออยากจะบอกว่ากูไม่ใช่นักร้องนักดนตรีอาชีพจะเอาอะไรนักหนาว่ะ) แล้วก็ด่าพวกหนูกากบ้าง ไม่ตั้งใจซ้อมบ้าง แล้วพูดถึงเรื่องเงินรับมาสองหมื่น มีเด็ก 25 ให้คนละ100 แล้วที่เหลือหักเข้าวง (จะบอกร้อยหนึ่งยังไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ขับรถไปร้องเพลงเลยค้า)
น้องเล็กสุดในวงสติงขอครูเค้าติดมุ้งลวด ว่าติดมุ้งลวดได้มั้ยยุงมันเยอะ เพราะข้างห้องดนตรีดนตรีมีแอ่งน้ำขังแล้วก็มีป่าหญ้ารกจนงูเอาไปทำเป็นฟูลวิลล่า สุดท้ายครูไม่ให้ค๊า ซื้อซอฟเฟลมาไว้ในห้องแทน ถามจริงเพื่อ? แต่เอาเงินไปซื้อลวดกีต้าใหม่ซื้อไม้กลองใหม่ให้พวกลูกรักที่เลียขาแพ๊บๆๆ
( คือห้องดนตรี ร.ร.หนูจะแบ่งเป็น5ห้อง 1.ห้องซ้อมไวโอลินจะอยู่ข้างข้างห้องดนตรีเพราะว่าดัดแปลงจากโรงรถเก่า 2.โถงหน้าจะเป็นที่ซ้อมของวงสติงมอปลายเป็นห้องกระจกติดแอร์ 3.ห้องซ้อมวงลูกทุ่งอยู่ถัดจากโถงหน้ามีครบทุกหย่างตั้งแต่หลังคารั่ว หน้าต่างพัง ยุงก็เยอะ 4.ห้องทำงานของครูอยู่ัถัดจากโถงหน้าและอยู่ข้างๆห้องซ้อมวงลูกทุ่ง 5.ห้องซ้อมนักร้องอยู่ถัดจากห้องซ้อมลูกทุ่ง ห้องนี้มีทุกอย่างยิ่งกว่าห้องลูกทุ่งตั้งแต่งูเขียว หนู แมงป่อง แมงสาบ กองหนังสือ เศษขยะ เตาแก๊ส หม้อถุงข้าวพังๆ จานชาม เศษเหล็ก และห้องมีไม่มีหน้าต่างใช้ลวดขึงกับเป็นหน้าต่างถ้าลมแรงใบไม้จะปลิวเข้ามาในห้องถ้าฝนตกยิ่งแล้วน้ำขลังในห้อง ) แล้วไอ้พวกลูกรักของครู มันก็อยู่โถงหน้ากันตลอดส่วนหนูอยู่ส่วนใหญ่อยู่ห้องซ้อมลูกทุ่งกับห้องนักร้องเป็นส่วนใหญ่ แล้วครูเขามีเงินมีทองจากเงินกองกลางของวงก็เอาไปบำเรอพวกลูกรัก พวกนี้ใช้ของดีๆต่างจากพวกน้องหนูใช้เครื่องดนตรีมือสองตั้งแต่สมัย20ปีก่อนสมัยที่ รร ยังส่งประกวดชิงช้าสวรรค์ แต่พวกหนูอดทนไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำบุญ แต่ช่วงหลังหนักขึ้นอีกความลำเอียงเริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากพาพวกหนูไปเปิดหมวกระดมเงินไปแข่งชิงถ้วยพระราชทาน พวกหนูต้องไปเปิดหมวกที่ตลาดกลางคืน ต้องขนเครื่องดนตรีจาก รร.ไปตลาดโดยใช้ รถจักรยานยนต์ขนไปตอนไปช่วยกันอย่างดีแต่ท้ายงานพวกแก๊งลูกรักหายเข้ากลีบเมฆ ปล่อยให้พวกหนูขนกลับเอง แต่ดีที่รุ่นพี่วงดนตรีไทยที่ไปเที่ยวตลาดเข้ามาช่วยขนกลับ รร. รุ่นน้องหนูโมโหสติแตกด่าพวกลูกรักทั้งหลายลงไลน์กลุ่มของวง สุดท้ายครูตัดสินใจไม่แก้ปัญหาบอกว่าไปเคียร์ข้างนอกให้เรียบร้อย แล้วกดออกกลุ่ม สุดท้ายเพื่อนในวงที่เป็นคนกลางในเรื่องนี้ก็เชิญครูเข้ากลุ่ม
หลังจากนั้นหลายวันเขาครูเขางอนน้องหนูไม่พูดด้วย ไม่รับไหว้ ไม่มองหน้า แล้วพาลมางอนให้เพื่อนๆในวงที่ช่วยขนของวันนั้นหมดเลย แต่ก็ยังพูดเล่นพูดหยอกกับไอ้พวกลูกรักอยู่เลย คิดว่าแบบนี้ลำเอียงมั้ยละคะ พวกหนูกับรุ่นพี่รุ่นน้องก็เลยตัดสินใจว่าจะแบนครูเค้าโดยไม่เข้าไปห้องดนตรีทั้งอาทิตย์ สุดท้ายโดนเค้าตลบหลังเอาชื่อพวกหนูลงแข่งดนตรีสติงที่แม่สอด โดยพวกหนูปฎิเสธไม่ได้ เพราะส่งใบสมัครไปแล้ว คือ พวกหนูไม่ได้อยากไป มีแค่พวกลูกเค้าที่อยากไปนักหนา นัดมาซ้อม 4 โมง ครูกับลูกรักมา 6 โมงครึ่ง ให้พวกหนูนั่งรอ 2 ชั่วโมง พวกหนูก็มีธุระเหมือนกันไม่ใช่มารอมันได้ตลอดแล้วเป็นแบบนี้ทุกวัน จนพวกหนูต้องอยู่ซ้อมถึง 2 ทุ่มกว่า ต้องทะเลาะกับที่บ้านเรื่องกลับบ้านดึก พาพวกหนูไปเปิดหมวกทุกอาทิตยไม่วายท้ายงานก็กระแนะกระแหนพวกหนูว่า “ งานนี่ช่วยๆกันน่ะเว้ย เดี๋ยว

ก็มาทะเลาะกันเรื่องขนของอีก “ แล้วก็หัวเราะแห้งๆแล้วเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ไปเปิดหมวก คือ จะมาบอกว่าพูดเล่นได้ไง มันพูดทุกครั้งทุกรอบ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาค่ะ
พูดถึงเรื่องแข่ง เวลาจะไปแข่งแต่ละที่ก่อนแข่งไม่เคยให้กำลังใจ พูดแรงๆใส่เด็กตลอดเด็กมันจะเอากำลังใจที่ไหนแข่ง พอแข่งเสร็จไม่ได้ที่หนึ่งก็จะเพ่งโทษหาคนผิด ถ้าไม่มีก็โทษผีสาง สวรรค์ พระเจ้า แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ว่าเพื่อนนักร้องชายที่ไปแข่งว่ากาก แล้วเค้าไม่เถียงอะไรนั่งซึมเงียบๆ คือน่าสงสารมาก เค้าทำเต็มที่แล้วหลังจากงานเขาก็คอเป็นหนองต้องเทียงฉีดยาคลินิกอยู่เรื่อยๆ แล้วเค้าผิดตรงไหน หรือผิดที่เค้าประจบไม่เก่งเท่าไอ้พวกลูกรัก จนตอนนี้ไม่มีครูคนไหนอยากยุ่งกับครูเค้าแล้วเพราะ เวลาเด็กตัวเองไปแข่ง ไม่เคยไปส่งฝากครูคนนั้นคนนี้ไปแทน อ้างติดธุระ ไม่ว่างบ้าง รับงานเล่นดนตรีงานแต่งบ้าง คือ มันเป็นความรับผิดชอบใครค่ะ คุณค่ะ คุณเลย ไปรับงานไว้ไม่ถามไม่ไถ่ ไม่ใช่แค่เด็กไม่ว่าง มันก็ไม่ว่าง แล้วจะไปรับมาทำไมงานรับมาแล้วไม่รับผิดชอบอ่ะ แล้วมาโพสต์ท้อโพสต์เศร้าโพสต์ว่าทำงานหนักจนป่วย
ตอนนั้นพวกหนูคิดจะลาออกหลายครั้งแต่ไม่กล้าสักที จนตอนปีใหม่ปีนี้โรงเรียนจัดปีใหม่ให้วงดนตรีเล่น วางแปลนไว้เล่น 40 เพลง ลูกทุ่ง 20 สติง 20 มีทั้งวงมีมือกลอง 2 คน
คนแรกเป็นหนึ่งในลูกรักปีนี้มันอยู่ ม.6 ส่วนอีกคนอยู่ มอ 3 แบ่งกันว่าให้2 คนนี้เล่นสติง 10ลูกทุ่ง 10 แบ่งกัน สุดท้ายถึงเวลาจริงไอ้ลูกรักเล่นลูกทุ่งไม่ได้ ต้องให้เด็กม.3มาเล่นแทน แล้วพอเรียกซ้อมก็อีลอบเดิมเลย พวกลูกรักกว่าจะมาซ้อมหยาดย่องเยื้องย่างกว่าจะมาซ้อมได้
รุ่นพี่ที่ร้องลูกทุ่งมารอตั้งแต่ 4 โมงเย็น ไม่มีวี่แววพวกมันสักตัวก็เลยกลับบ้านก่อน แล้วไอ้ครูตัวดีไปด่าพี่เค้าตอนเข้าแถวตอนเช้าต่อหน้าเพื่อนๆพี่เค้าว่า เคยรู้เรื่องอะไรบ้างว่ะเค้าซ้อมกันไม่ไปซ้อมว่ะ
แต่พี่เค้าร้องได้ทุกเพลงในลิตอยู่แล้วเพราะอาชีพเสริมพี่เค้าคือนักร้องงานเลี้ยง ส่วนพวกที่ต้องซ้อมหนักคือพวกลูกคุณค๊า แล้วตอนจบงานนักเรียนในโรงเรียนกำลังเต้นติดลมกับรำวงย้อนยุคที่พี่นักร้องชายร้องไปขัดเขาเปลี่ยนตัวนักร้องให้นักร้องลูกมันขึ้นร้องเพลง ขี้หึง ซึ่งเป็นเพลงสติง จากนั้นก็ให้ร้องเพลงก่อนลาต่อแล้วปิดงาน แต่คนฟังด้านล่างขอเพลงสามพี่น้องอินเดีย แต่ไม่เล่นเพราะลูกตัวเองเล่นไม่ได้ ตอนกำลังขนเครื่องดนตรีกลับห้อง หนูพูดเล่นกับพี่เค้าว่า ” เสียดายเนอะพี่ไม่ได้เล่นสามพี่น้อง ว่าจะเต้นซะหน่อย “ พี่เค้าตอบมาว่า “ อือ อดเลย “ เท่านั้นแหละไอ้ครูนั่นโวยเลยว่า เรียกร้องอะไร ซ้อมก็ไม่มาซ้อม

มีสิทธิเรียกร้องได้หรอว่ะ “ พี่เค้าเงียบไม่เถียงเค้าแล้วก็ช่วยขนของกลับห้องจนหมด จนมาถึงห้องครูเค้าพูดขึ้นว่า พรุ่งนี้จะเปิดหมวกให้ทุกคนมาช่วยกัน พี่เค้าเลยบอกไปว่าพรุ่งนี้ผมรับงานเล่นระนาดเอกงานศพ ครูเค้าเลยพูด “ รับงานนอกซะแล้ว ถ้าเป็นกูกูจะช่วยครูกู “ พี่เค้าเดินไปเอากระเป๋าในห้องกับหนูและรุ่นน้องผู้ชายอีกคน พี่เค้าพูดอย่างเสียงดังกลางโถงหน้าว่า กูไม่เอาแล้ว ใครจะทำก็ทำ หนูคิดในใจว่าพี่เค้าจะลาออกแน่จริงๆล่ะ รุ่นน้องผู้ชายกับเพื่อนนักร้องชายก็จะออกด้วย หนูยังลังเลอยู่ กลับบ้านไปหนูไปปรึกษากับย่าเรื่องนี้ ย่าบอกว่าถ้ามันขนาดนั้นก็ออกมาเถอะเอาที่เรามีความสุข หลังจากวันนั้นตอนเช้าหนูส่งไลน์ไปบอกครูเขาว่าหนูลาออก เขาถามว่าทำไมออก หนูก็เลยว่าย่าหนูให้ลาออกค่ะ เค้าก็ว่า ไม่เห็นแก่ครูบ้างรึไงว่ะเห็นแก่ความผูกพันธ์ หนูเลยว่า หนูมีความจำเป็น เค้าเลยว่าไม่เป็นไรเอาที่เอ็งสบายใจ จากนั้นหนูกดออกจากทุกกลุ่มไลน์ของวงดนตรี หลังจากนั้นพวกพี่นักร้องส่งรูปไลน์กลุ่มวงดนตรีหลังจากหนูกดออก ครูเขาว่าหนูไม่เห็นแก่เค้าบ้างว่าหนูเลือกย่าไม่เลือกเค้าบ้าง แต่ที่หนูรับไม่ได้มากที่สุดคือเขาเอาย่าหนูไปว่าสาดเสียเทเสีย คือ ทำไมหนูต้องเลือกครูทั้งที่ครูด้วย ย่าเลี้ยงหนูมาแต่เด็ก อาบน้ำให้หนู ทำกับข้าวให้กิน แล้วทำไมต้องไปเลือกคนที่มันเห็นแก่ตัวเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น คนหิววิริยะฐานะหักหลังเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือมันมาตลอด ให้หนูเลือกคนอย่างอย่างงี้หรอค่ะ
ส่วนเพื่อนนักร้องผู้ชายก็ลาออกมาด้วยวันเดียวกัน เพราะเพื่อนหนูคนนี้ชอบร้องเพลงลูกกรุงแล้วร้องเพราะมากแต่ครูเขาจับเพื่อนหนูไปร้องเพลงร็อคที่เค้าไม่ถนัดและร้องได้แค่พอถูกทำนองจังหวะแล้วพอเพื่อนหนูร้องไม่ได้ดีก็ด่า ตัดถอนกำลังใจเค้า ลามปามหาครอบครัวเพื่อนหนูว่า เพราะครอบครัวมันปลูกฝังลูกกรุงมา

ดัดไม่ได้แล้ว แต่พี่น้องร้องผู้ชายไม่ลาออกเป็นกิจจะลักษณะคือไม่มาห้องดนตรีเป็นเดือน ส่วนรุ่นน้องผ็ชายไม่กล้าลาออก
อยากทราบว่าเพื่อนมีประสบการ์ณในชุมรมดนตรีของโรงเรียนยังไงบ้าง
ส่วนตัวหนูสิ่งที่หนูเจอก็ไม่ได้แย่และก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ คือ วงของโรงเรียนที่หนูอยู่ซึ่งหนูลาออกมาสักพักแล้วค่ะ ซึ่งทำให้หนูรู้สึกว่าชมรมดนตรีมันไม่ใช่ชมรมดนตรีที่หนูรู้จักจาก หนัง ซีรีย์ แต่มันกลายเป็นองค์กรบริษัทห้างร้านไป คือทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจ นักเรียนกลายเป็นพนักงาน ไม่ใช่สถานที่ฝึกฝนความสามารถหรือที่ที่เด็กจะมาทำในสิ่งที่ชอบ โดยเฉพาะครู เป็นครูวัยรุ่นที่ไม่เข้าใจเด็ก ที่สุดของที่สุด คือรุ่นพี่ที่หนูรู้จัก พี่เค้าเล่นไวโอลินในวงนี้ ช่วงศิลปหัตกรรมครูต้องการส่งขับร้องเพลงสากลหญิงซึ่งหานักร้องไม่ได้แล้ว เพราะหนูลงไปแล้ว 3 รายการ คือ ขับร้องเพลงพระราชนิพน ขับร้องเพลงลูกกรุง วงสติงคอมโบ ( ขอใช้นามสมติของพี่ที่เล่นไวโอลินว่า พี่น้อย นะคะ ) ครูเขาเลยให้พี่น้อยลงรายการร้องเพลงสากลซึ่งพี่น้อยสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้พอสมควร ช่วงซ้อมหนูสังเกตเห็นพี่น้อยนั่งซึมๆไม่พูดไม่จากับใคร หนูก็ไม่กล้าถามพี่เค้าเดี๋ยวจะเหมือนไปละลาบละล้วงพี่เค้า แล้วพี่เขาก็ขาดซ้อมไปพักใหญ่ ครูเขาโมโหเป็นฝืนเป็นไฟ ไปถามพี่เค้าต่อหน้าเพื่อนๆพี่เค้า ว่า ." เอ็งทำไมไม่มาซ้อม " พี่เขาเลยตอบไปว่า " มีปํญหาที่บ้านนิดหน่อยค่ะ " ครูเขาเลยพูดแบบตัดท้อ " ปัญหาอะไรกูไม่รู้ด้วยแต่เอ็งต้องเอางานกูก่อนดิว่ะ เรื่องที่บ้านก็ส่วนที่บ้านเอ็ง เอ็งก็ต้องไปจัดการเองอย่ากระทบกับงานกู กูก็เหนื่อยนะรู้มั้ย กูคุมวงต้องสามวงเลยว่ะ มันไม่ใช่ง่ายๆนะเว้ย " แล้วหลังจากนั้นรุ่นพี่ผู้ชายที่เป็นนักร้องด้วยกัน ไปเห็นพี่น้อยแอบร้องไห้ในห้องซ้อมไวโอลิน รุ่นพี่ผู้ชายเลยไปพูดกับครูว่าเห็นพี่น้อยร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องซ้อม ครูเลยเรียดพี่น้อยมาคุยว่า " เอ็งเป็นอะไรนักหนาว่ะ ถ้าไม่อยากไปแข่งครุก็จะได้เอาคนอื่นไปแทน " จากนั้นพี่เค้าก็ร้องไห้แล้วก็บอกไม่ไปแข่งแล้ว หลังจากสักประมาณสักช่วงธันวาปีที่แล้ว ในวงสติงมีปัญหาหนักมากจนเกือบวงแตกหนึ่งในนั้นมีหนูด้วย ครูเลยเรียกให้เด็กวงสติงไปกินหมูกระทะด้วยกะจะปรับความเข้าใจ แต่อีกก๊วนในวงไม่มามีแต่หนูกับเพื่อนและรุ่นน้องรุ่นพี่ในวงมา บังเอิญมากๆพี่น้อยเป็นเด็กเสิร์ฟหมูกระทะอยู่ร้านนี้ พี่เค้ายกเตาหมูกระทะมาเสิร์ฟที่โต๊ะพวกหนู ครูเขาเลยพูดแซวๆไปว่าไม่มากินด้วยกันล่ะ พี่น้อยก็ก็ยิ้มๆ " ไม่เป็นไรค่ะ " จากนั้นครูเขานั่งซึมกินหมูคำ คลายทิ้งคำ กินหมูคำ คลายทิ้งคำ แล้วสักพักครูเขาก็พูดขึ้นว่า "
ความจริงแล้วช่วงศิลปหัตกรรมตากับยายของพี่น้อยประสบอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำระหว่างพายายของพี่น้อยกลับจากโรงบาลตอนดึก ตาพี่น้อยตายในที่เกิดเหตุส่วนยายพี่น้อยพิการติดเตียง พี่น้อยเลยต้องดูแลยายส่วนพ่อแม่ของพี่น้อยทิ้งพี่น้อยไปตั้งแต่เด็ก หนูฟังตอนแรกรู้สึกหดหู่ใจมาก แต่หนูก็ยังเห็นครูคนนี้ยังทำแบบเดียวกับที่ทำกับพี่น้อยกับเด็กคนอื่นในวงอย่างไม่เคยสำนึก
แล้วครูเขาชอบไปแอบรับงานดนตรีจากที่ต่างๆโดยไม่บอกเด็กสักคำสุดท้ายมาบอกในกลุ่มไลน์ว่ารับงานรับเงินมัดจำมาแล้วด้วยทุกคนต้องไปช่วย คือ พอไปช่วยแล้วเล่นไม่ถูกใจเค้าก็โดนด่า (คืออยากจะบอกว่ากูไม่ใช่นักร้องนักดนตรีอาชีพจะเอาอะไรนักหนาว่ะ) แล้วก็ด่าพวกหนูกากบ้าง ไม่ตั้งใจซ้อมบ้าง แล้วพูดถึงเรื่องเงินรับมาสองหมื่น มีเด็ก 25 ให้คนละ100 แล้วที่เหลือหักเข้าวง (จะบอกร้อยหนึ่งยังไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ขับรถไปร้องเพลงเลยค้า)
น้องเล็กสุดในวงสติงขอครูเค้าติดมุ้งลวด ว่าติดมุ้งลวดได้มั้ยยุงมันเยอะ เพราะข้างห้องดนตรีดนตรีมีแอ่งน้ำขังแล้วก็มีป่าหญ้ารกจนงูเอาไปทำเป็นฟูลวิลล่า สุดท้ายครูไม่ให้ค๊า ซื้อซอฟเฟลมาไว้ในห้องแทน ถามจริงเพื่อ? แต่เอาเงินไปซื้อลวดกีต้าใหม่ซื้อไม้กลองใหม่ให้พวกลูกรักที่เลียขาแพ๊บๆๆ
( คือห้องดนตรี ร.ร.หนูจะแบ่งเป็น5ห้อง 1.ห้องซ้อมไวโอลินจะอยู่ข้างข้างห้องดนตรีเพราะว่าดัดแปลงจากโรงรถเก่า 2.โถงหน้าจะเป็นที่ซ้อมของวงสติงมอปลายเป็นห้องกระจกติดแอร์ 3.ห้องซ้อมวงลูกทุ่งอยู่ถัดจากโถงหน้ามีครบทุกหย่างตั้งแต่หลังคารั่ว หน้าต่างพัง ยุงก็เยอะ 4.ห้องทำงานของครูอยู่ัถัดจากโถงหน้าและอยู่ข้างๆห้องซ้อมวงลูกทุ่ง 5.ห้องซ้อมนักร้องอยู่ถัดจากห้องซ้อมลูกทุ่ง ห้องนี้มีทุกอย่างยิ่งกว่าห้องลูกทุ่งตั้งแต่งูเขียว หนู แมงป่อง แมงสาบ กองหนังสือ เศษขยะ เตาแก๊ส หม้อถุงข้าวพังๆ จานชาม เศษเหล็ก และห้องมีไม่มีหน้าต่างใช้ลวดขึงกับเป็นหน้าต่างถ้าลมแรงใบไม้จะปลิวเข้ามาในห้องถ้าฝนตกยิ่งแล้วน้ำขลังในห้อง ) แล้วไอ้พวกลูกรักของครู มันก็อยู่โถงหน้ากันตลอดส่วนหนูอยู่ส่วนใหญ่อยู่ห้องซ้อมลูกทุ่งกับห้องนักร้องเป็นส่วนใหญ่ แล้วครูเขามีเงินมีทองจากเงินกองกลางของวงก็เอาไปบำเรอพวกลูกรัก พวกนี้ใช้ของดีๆต่างจากพวกน้องหนูใช้เครื่องดนตรีมือสองตั้งแต่สมัย20ปีก่อนสมัยที่ รร ยังส่งประกวดชิงช้าสวรรค์ แต่พวกหนูอดทนไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำบุญ แต่ช่วงหลังหนักขึ้นอีกความลำเอียงเริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากพาพวกหนูไปเปิดหมวกระดมเงินไปแข่งชิงถ้วยพระราชทาน พวกหนูต้องไปเปิดหมวกที่ตลาดกลางคืน ต้องขนเครื่องดนตรีจาก รร.ไปตลาดโดยใช้ รถจักรยานยนต์ขนไปตอนไปช่วยกันอย่างดีแต่ท้ายงานพวกแก๊งลูกรักหายเข้ากลีบเมฆ ปล่อยให้พวกหนูขนกลับเอง แต่ดีที่รุ่นพี่วงดนตรีไทยที่ไปเที่ยวตลาดเข้ามาช่วยขนกลับ รร. รุ่นน้องหนูโมโหสติแตกด่าพวกลูกรักทั้งหลายลงไลน์กลุ่มของวง สุดท้ายครูตัดสินใจไม่แก้ปัญหาบอกว่าไปเคียร์ข้างนอกให้เรียบร้อย แล้วกดออกกลุ่ม สุดท้ายเพื่อนในวงที่เป็นคนกลางในเรื่องนี้ก็เชิญครูเข้ากลุ่ม
หลังจากนั้นหลายวันเขาครูเขางอนน้องหนูไม่พูดด้วย ไม่รับไหว้ ไม่มองหน้า แล้วพาลมางอนให้เพื่อนๆในวงที่ช่วยขนของวันนั้นหมดเลย แต่ก็ยังพูดเล่นพูดหยอกกับไอ้พวกลูกรักอยู่เลย คิดว่าแบบนี้ลำเอียงมั้ยละคะ พวกหนูกับรุ่นพี่รุ่นน้องก็เลยตัดสินใจว่าจะแบนครูเค้าโดยไม่เข้าไปห้องดนตรีทั้งอาทิตย์ สุดท้ายโดนเค้าตลบหลังเอาชื่อพวกหนูลงแข่งดนตรีสติงที่แม่สอด โดยพวกหนูปฎิเสธไม่ได้ เพราะส่งใบสมัครไปแล้ว คือ พวกหนูไม่ได้อยากไป มีแค่พวกลูกเค้าที่อยากไปนักหนา นัดมาซ้อม 4 โมง ครูกับลูกรักมา 6 โมงครึ่ง ให้พวกหนูนั่งรอ 2 ชั่วโมง พวกหนูก็มีธุระเหมือนกันไม่ใช่มารอมันได้ตลอดแล้วเป็นแบบนี้ทุกวัน จนพวกหนูต้องอยู่ซ้อมถึง 2 ทุ่มกว่า ต้องทะเลาะกับที่บ้านเรื่องกลับบ้านดึก พาพวกหนูไปเปิดหมวกทุกอาทิตยไม่วายท้ายงานก็กระแนะกระแหนพวกหนูว่า “ งานนี่ช่วยๆกันน่ะเว้ย เดี๋ยว
พูดถึงเรื่องแข่ง เวลาจะไปแข่งแต่ละที่ก่อนแข่งไม่เคยให้กำลังใจ พูดแรงๆใส่เด็กตลอดเด็กมันจะเอากำลังใจที่ไหนแข่ง พอแข่งเสร็จไม่ได้ที่หนึ่งก็จะเพ่งโทษหาคนผิด ถ้าไม่มีก็โทษผีสาง สวรรค์ พระเจ้า แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ว่าเพื่อนนักร้องชายที่ไปแข่งว่ากาก แล้วเค้าไม่เถียงอะไรนั่งซึมเงียบๆ คือน่าสงสารมาก เค้าทำเต็มที่แล้วหลังจากงานเขาก็คอเป็นหนองต้องเทียงฉีดยาคลินิกอยู่เรื่อยๆ แล้วเค้าผิดตรงไหน หรือผิดที่เค้าประจบไม่เก่งเท่าไอ้พวกลูกรัก จนตอนนี้ไม่มีครูคนไหนอยากยุ่งกับครูเค้าแล้วเพราะ เวลาเด็กตัวเองไปแข่ง ไม่เคยไปส่งฝากครูคนนั้นคนนี้ไปแทน อ้างติดธุระ ไม่ว่างบ้าง รับงานเล่นดนตรีงานแต่งบ้าง คือ มันเป็นความรับผิดชอบใครค่ะ คุณค่ะ คุณเลย ไปรับงานไว้ไม่ถามไม่ไถ่ ไม่ใช่แค่เด็กไม่ว่าง มันก็ไม่ว่าง แล้วจะไปรับมาทำไมงานรับมาแล้วไม่รับผิดชอบอ่ะ แล้วมาโพสต์ท้อโพสต์เศร้าโพสต์ว่าทำงานหนักจนป่วย
ตอนนั้นพวกหนูคิดจะลาออกหลายครั้งแต่ไม่กล้าสักที จนตอนปีใหม่ปีนี้โรงเรียนจัดปีใหม่ให้วงดนตรีเล่น วางแปลนไว้เล่น 40 เพลง ลูกทุ่ง 20 สติง 20 มีทั้งวงมีมือกลอง 2 คน
คนแรกเป็นหนึ่งในลูกรักปีนี้มันอยู่ ม.6 ส่วนอีกคนอยู่ มอ 3 แบ่งกันว่าให้2 คนนี้เล่นสติง 10ลูกทุ่ง 10 แบ่งกัน สุดท้ายถึงเวลาจริงไอ้ลูกรักเล่นลูกทุ่งไม่ได้ ต้องให้เด็กม.3มาเล่นแทน แล้วพอเรียกซ้อมก็อีลอบเดิมเลย พวกลูกรักกว่าจะมาซ้อมหยาดย่องเยื้องย่างกว่าจะมาซ้อมได้
รุ่นพี่ที่ร้องลูกทุ่งมารอตั้งแต่ 4 โมงเย็น ไม่มีวี่แววพวกมันสักตัวก็เลยกลับบ้านก่อน แล้วไอ้ครูตัวดีไปด่าพี่เค้าตอนเข้าแถวตอนเช้าต่อหน้าเพื่อนๆพี่เค้าว่า เคยรู้เรื่องอะไรบ้างว่ะเค้าซ้อมกันไม่ไปซ้อมว่ะ
แต่พี่เค้าร้องได้ทุกเพลงในลิตอยู่แล้วเพราะอาชีพเสริมพี่เค้าคือนักร้องงานเลี้ยง ส่วนพวกที่ต้องซ้อมหนักคือพวกลูกคุณค๊า แล้วตอนจบงานนักเรียนในโรงเรียนกำลังเต้นติดลมกับรำวงย้อนยุคที่พี่นักร้องชายร้องไปขัดเขาเปลี่ยนตัวนักร้องให้นักร้องลูกมันขึ้นร้องเพลง ขี้หึง ซึ่งเป็นเพลงสติง จากนั้นก็ให้ร้องเพลงก่อนลาต่อแล้วปิดงาน แต่คนฟังด้านล่างขอเพลงสามพี่น้องอินเดีย แต่ไม่เล่นเพราะลูกตัวเองเล่นไม่ได้ ตอนกำลังขนเครื่องดนตรีกลับห้อง หนูพูดเล่นกับพี่เค้าว่า ” เสียดายเนอะพี่ไม่ได้เล่นสามพี่น้อง ว่าจะเต้นซะหน่อย “ พี่เค้าตอบมาว่า “ อือ อดเลย “ เท่านั้นแหละไอ้ครูนั่นโวยเลยว่า เรียกร้องอะไร ซ้อมก็ไม่มาซ้อม
ส่วนเพื่อนนักร้องผู้ชายก็ลาออกมาด้วยวันเดียวกัน เพราะเพื่อนหนูคนนี้ชอบร้องเพลงลูกกรุงแล้วร้องเพราะมากแต่ครูเขาจับเพื่อนหนูไปร้องเพลงร็อคที่เค้าไม่ถนัดและร้องได้แค่พอถูกทำนองจังหวะแล้วพอเพื่อนหนูร้องไม่ได้ดีก็ด่า ตัดถอนกำลังใจเค้า ลามปามหาครอบครัวเพื่อนหนูว่า เพราะครอบครัวมันปลูกฝังลูกกรุงมา