ถ้าเกิดสะพารแสงคำ ทำเป็นละคร ต่อจาก รากนครา ปี 60



เนื้อเรื่อง
เรื่องย่อ
เมษาริน มีความผูกพันลึกซึ้งกับ 'เจ้าจันทร์แจ่มฟ้า' มาแต่เยาว์วัย เธอรับช่วงในการดูแลรับใช้ท่านมาจากผู้เป็นพ่อกับแม่อย่างเต็มอกเต็มใจอยู่ในต่างแดน...
เจ้าจันทร์แจ่มฟ้าได้รับมรดกจากเจ้ายายของท่าน เป็นครึ่งหนึ่งของ "คุ้มจักรคำ" ร่วมกับ จารวีย์ (เด็กหญิงจากเรื่องข้างบนนั่นแหละ)...
แต่ขณะนั้นจารวีย์ยังเด็กนัก ผู้ดูแลผลประโยชน์ให้เธอจึงเป็นพิมลพัทธ์กับอริน...
เมษารินติดตามเจ้าจันทร์แจ่มฟ้ากลับเมืองไทยเนื่องจากเจ้าได้ทราบข่าวเกี่ยวกับโครงการที่พิมลพัทธ์กับอรินจะดัดแปลงคุ้มจักรคำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์...ซึ่งเจ้าไม่เห็นด้วย และคิดว่าจะมาระงับโครงการนั้นตามสิทธิ์ครึ่งหนึ่งของท่าน...
โครงการนี้มี "ภาสุ" (พระเอก)เป็นผู้ดำเนินการ...และแท้ที่จริงเมษารินเคยได้พบปะสนทนากับภาสุมาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่เธอกำลังจับจ้องมองภาพเขียนของ "สะพานแสงคำ" ในแกลเลอรี่แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน...
เมษารินได้เข้าพักในคุ้มจักรคำ ในห้องนอนที่อดีตเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว เคยเป็นห้องนอนของ "เจ้าเอื้อย" ...ในห้องนั้น มีภาพสะพานแสงคำแขวนติดผนังอยู่...
อาจจะด้วยภาพวาดนั้น หรือจะด้วยเหตุแห่งกรรมใด ๆ ก็ตามทำให้เมษารินเริ่ม "ฝัน" ว่าเธอได้ไปอยู่ร่วมสมัยกับ "เจ้าเอื้อย" ได้พูดคุยใกล้ชิดจนเกิดเป็นความผูกพัน...
พร้อม ๆ กันก็ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ซึ่งแตกต่างจากแง่มุมที่เธอเคยได้ยินได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของ "เจ้าจันทร์แจ่มฟ้า" มากมายเหลือเกิน...
'...หญิงสาวได้เห็นตัวเองกับเจ้าเอื้อยอีกหลายต่อหลายครั้ง...ทุกครั้งดูเหมือนเด็กน้อยจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เป็นลำดับ ! 
เธอได้เห็นการเติบโตของเด็กคนนี้ไม่ต่างจากที่ได้มองย้อนกลับไปในอดีต แล้วได้เห็นตนเองค่อยเติบโตขึ้น 
เธอได้รู้จักนิสัยใจคอและความคิด ของเจ้าเอื้อย ไม่ต่างจากการได้รู้จักตนเอง...'
กระทั่ง...วันหนึ่ง เมื่อเจ้าเอื้อยเติบโตขึ้นเป็นสาวรุ่น...ได้เผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายและแสนเศร้า...
เธอก็พบว่า...เธอได้กลายเป็นเจ้าเอื้อยไปเสียเอง...ในความฝัน...ความฝันที่แจ่มชัดจนเธอไม่อยากจะคิดว่านั่นเป็นเพียงความฝัน...

ถ้าทำภาคนี้ต่อจาก รากนครา ปี 60 ขอเสนอตามนี้
ค่ายแอคอาร์ต เจเนเรชั่น (ค่ายเดิม)
ผู้กำกับ อ๊อด พงษ์พัฒน์ (เหมือนเดิม)
ภานุ นนกุล 
เมษาริน หรือ เจ้าเอื้อย เดนิส เจลิสชา คัปปุน (ลลิษา กลเกมรัก)
เจ้าจันทร์แจ่มฟ้า ไม่รู้
จาวรีย์ ด.ญ.ณัฐชา นีนา เจสซิกา พาโดวัน (พุดตาล วัยเด็ก ในพรหมลิขิต)
เจ้าภูแก้ว (ตอนแก่) ศรราม เทพพิทักษ์

ใต้ร่มไม้เลื้อย 
เปิดเผยปูมหลังว่า พัทธ์ หรือ ชื่อเดิม ประดิพัทธ์ ทำไมจึงเป็น "พัทธ์ ชวาลวัฒน์" อย่างทุกวันนี้ ที่ย่านผู้ดีเก่าในกรุงเทพ บ้านใหญ่สองหลังมีพื้นที่ติดกัน บ้านหนึ่งคือบ้านนักธุรกิจ และ อีกบ้านหนึ่งคือบ้านของท่านฑูต บ้านหนึ่งมีลูกชาย บ้านหนึ่งมีลูกสาว ซึ่งเกิดห่างกันเพียง 22 ชั่วโมงเท่านั้น สองบ้านติดต่อไปมาหาสู่กันอย่างดีเสมอมา ลูกชายลูกสาวสนิทสนมเป็นลูกไล่กันมาแต่ไหนแต่ไร ประดิพัทธ์คือชื่อของเด็กชาย ที่พ่อคาดหวังไว้ว่าเมื่อโตขึ้นจะยิ่งใหญ่และสูงส่งเหมือนต้นสนประดิพัทธ์ ส่วนอรพิม คือ ชื่อของเด็กหญิง ซึ่งชื่อก็สมตัว เถาไม้เลื้อยดอกสวยสีขาว ดูสะอาดตาน่ารักและว่านอนสอนง่าย แต่อีกมุมหนึ่งของไม้เลื้อยที่ไม่มีใครรู้ คือ อรพิมสามารถเป็นร่มเงาให้ใครต่อใครได้อย่างเงียบ ๆ
วันนึงโลกของเด็กชายประดิพัทธ์พลิกคว่ำคะมำหงาย เมื่อบ้านต้องประสบกับภาวะสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้เป็นบิดาตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไป แม่ลูกต้องย้ายออกจากบ้านเดิมสู่ต่างจังหวัดฐานะลำบากกว่าเดิมมาก ในขณะที่บ้านของเด็กหญิงก็ยังเป็นไปตามเดิม อรพิมก็ติดต่อกับพัทธ์เสมอมาจนกระทั่งเป็นวัยรุ่น เส้นทางของพัทธ์และอรพิมแยกห่างกันมากขึ้นไปอีก เมื่ออรพิมย้ายตามบิดาไปต่างประเทศแต่ก็ยังมีจดหมายมาถึงพัทธ์อย่างสม่ำเสมอ แม้จดหมายที่ตอบกลับจะสั้น ห้วน และเต็มไปด้วยความคับข้องใจในชะตาชีวิตสักเพียงใด ทั้งคู่ต่างก็รู้ว่ามิตรภาพที่มีให้กันฉันท์เพื่อนคือน้ำใสใจจริงอย่างมิตรแท้
ในขณะที่ชีวิตของอรพิมเรียบเรื่อย ชีวิตของพัทธ์โลดโผนและเต็มไปด้วยสีสัน ที่โรงหนังต่างจังหวัดซึ่งพัทธ์ทำงานให้กับป้า สาวน้อยสาวใหญ่ติดใจหนุ่มน้อยหน้าคมดวงตาดำขลับร้อนแรงด้วยอารมณ์อย่างพัทธ์กันเกรียว ไม่เว้นแม้แต่คุณวีราลูกสาวมหาเศรษฐีที่มาแก้เบื่อที่ประเทศไทยหลังเลิกรากับสามีไม่รู้ว่าคนที่เท่าใด การพบปะกันครั้งนั้นเปิดทางลัดให้พัทธ์ได้ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พัทธ์และอรพิมมีปากเสียงกัน ถึงกระนั้นพัทธ์ก็เลือกที่จะใช้คุณวีราเป็นบันได เส้นทางของพัทธ์และอรพิมจึงแยกจากกันอีกครั้ง
วันที่พัทธ์กำลังวุ่นวายกับการเรียนการงานในต่างประเทศ และ ดูแลคุณวีราที่กำลังอ่อนแอเปราะบางไปพร้อม ๆ กัน พัทธ์ที่กำลังจะทนไม่ได้กับสถานการณ์เต็มที ก็ได้คุณไชโยแทรกเข้ามาช่วยไว้อย่างบังเอิญ ทำให้ในที่สุดคุณวีราก็ปล่อยพัทธ์ไปตามทาง ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พัทธ์ได้รับจดหมายน้อยจากอรพิมว่าขณะนี้อรพิมกำลังจะก้าวสู่อีกขั้นหนึ่งของชีวิต ได้แก่ การแต่งงาน
อรพิมตัดสินใจแต่งงานกับคุณศิขรินตามความเห็นชอบของพ่อและแม่โดยไม่ได้คิดมาก่อนว่าคุณรินผู้อ่อนโยนสุภาพยังมีใครบางคนคั่งค้างอยู่ในใจ หลังจากแต่งงานกันมาได้หลายปี อรพิมมีความสุขดีตามอัตภาพ นอกจากบริหารทรัพย์สิน พิพิธภัณฑ์เรือนศิรา และ เป็นอาจารย์พิเศษ ชีวิตก็เรียบเรื่อยสมบูรณ์ จนกระทั่งเจนจารีได้เข้ามาทำลายชีวิตสมรสของเธอและศิขรินจนพังยับเยิน กลายเป็นว่าเจนจารีคือคนรักเก่าของศิขรินเมื่อครั้งเรียนอยู่ต่างประเทศ เพราะ ความจนและไม่มีเชื้อสายของเจนจารีทำให้คุณศิราผู้เป็นแม่ไม่ยอมรับเด็กสาวสวยมีสมองแต่ไร้สกุล ในวันนี้เมื่อขาดมือคัดท้ายที่แข็งอย่างคุณศิรา ศิขรินจึงโลดลอยไปกับกระแสความรักความหลังโดยง่าย ชีวิตสมรสของอรพิมจึงสิ้นสุดลงในนาทีนั้น
ก่อนหน้าที่จะรู้เหตุการณ์ พัทธ์และอรพิมมีปากเสียง อรพิมตักเตือนพัทธ์ในวิถีที่เลือกเดิน ส่วนพัทธ์ก็กล่าวว่าอรพิมอิจฉาตน จนเกิดเป็นวิวาทะใหญ่โต ทั้งคู่จากกันด้วยไม่ดีนัก และ เป็นเสี้ยนที่สะกิดใจแต่ละคนอยู่ไม่รู้วาย หากเมื่อเกิดเรื่องราวร้ายแรงขึ้นพัทธ์เป็นชื่อแรกที่อรพิมคิดถึง และ พัทธ์เองเมื่อรู้ว่าอรพิมอยากจะพบ ก็ไม่ลังเลใจที่เดินทางมาหา ทั้งสองฝ่ายเปิดใจถึงเรื่องราวที่เคยโต้เถียง อรพิมสารภาพว่าส่วนหนึ่งในใจคือความอิจฉา และต้องเสียน้ำตาเมื่อบอกกล่าวให้พัทธ์ทราบถึงรอยอัปยศที่เธอได้รับจากศิขริน และ เจนจารี
ความขุ่นเคืองของพัทธ์สิ้นสุดลงในวินาทีนั้น ยิ่งเมื่อรู้ว่าอรพิมได้ตั้งครรภ์และรู้ถึงความต้องการของเธอ พัทธ์ก็ยินดีจะปฏิบัติให้เพื่อนอย่างอรพิมอย่างไม่มีเงื่อนไข จากนั้นเป็นต้นมาพัทธ์ยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทุ่มเทความสนใจไปที่อรพิมเพียงคนเดียว ดูแลเอาใจใส่อย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่ตอบคำถามอะไรให้ชัดเจนไปกว่านั้น อรพิมเองก็ไม่พูดอะไรให้ชัดเจนในความสัมพันธ์แต่บ้านของเธอไม่ว่าดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็เปิดรับพัทธ์อยู่เสมอมา ในวันที่อรพิมคลอดก็เป็นพัทธ์อีกที่จรดปลายปากกาในฐานะบิดาของเด็กหญิงพิมลพัทธ์
ช่วงเวลาเหล่านั้นอรพิมนึกสงสัยว่ามันจะมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนที่คบหากันมายาวนานหรือไม่ ที่ทำให้พัทธ์ตัดสินใจทำให้เธออย่างนั้น หลายครั้งที่อรพิมไต่ถามว่าพัทธ์อยากให้เธอระงับความสงสัยเรื่องลูกในท้องต่อคนอื่น ๆ หรือไม่ แต่พัทธ์กลับบอกว่าเขารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ทุกอย่างกำลังจะเพียบพร้อมสมบูรณ์แต่ความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายกลับเข้ามาเยือนเธอโดยไม่ทันตั้งตัว อรพิมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หวังต่อสู้เพียงลำพัง ไม่ให้ใครต้องมาเจ็บปวดกับเธอด้วย
แต่แล้วในวันที่พิมเก็บกักความในใจทุกสิ่งเอาไว้ และ คิดว่าตนเองทำได้อย่างดีแล้ว กลายเป็นพัทธ์ที่เปิดเผยความรู้สึกลึกซึ้ง และ ขอเธอแต่งงาน อรพิมดีใจอย่างที่สุดแต่ต้องกลั้นใจปฏิเสธไป ความผิดใจครั้งที่ 2 จึงเกิดขึ้น พัทธ์เจ็บปวดเหมือนรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงเครื่องมือพาอรพิมและลูกออกจากเส้นทางที่ไม่ปรารถนา ความเสียใจผิดหวังทำให้พัทธ์ร่อนเร่ไปไกลถึงต่างประเทศ โดยบอกใคร ๆ ว่าเป็นการพักผ่อน ในขณะเดียวกันอาการของอรพิมหนักขึ้นทุกที จนไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป 
คุณไชโยจึงโทรศัพท์สายด่วนหาพัทธ์เพื่อบอกเล่าความเป็นไป ทำให้ตาสว่างเข้าใจถึงเหตุผลในการปฏิเสธของอรพิม พัทธ์จึงรีบกลับเมืองไทยโดยด่วน และใช้เวลาอยู่ร่วมกับอรพิมตราบลมหายใจสุดท้ายของเธอ ไม่มีใครรู้ได้ว่าทางเลือกของอรพิม "ผิดหรือถูก" แต่อรพิมเลือกสรรอย่างดีที่สุดเพื่อคนสำคัญในชีวิตที่เธอรัก แม้จะดูอ่อนหวานบอบบางแต่อรพิมแกร่งกว่าที่ตาเห็น เธอมีทางออกสำหรับทุกคน ตั้งแต่ศิขริน เจนจารี พัทธ์ จนถึงพิมล

ถ้าหากช่อง 3 ทำขอเสนอตามนี้
ค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น
ผู้จัด หน่อง อรุโณชา

พัทธ์ หรือ ประดิพัทธ์ 
ศรราม เทพพิทักษ์
อรพิม 
น้ำฝน กุลณัฐ
ศิขริน 
ติ๊ก เจษฎาภรณ์
เจนจารี
จอย รินลณี

เรือนศิรา
อริน พระเอกของเรื่อง เป็นลูกติดของเจนจารี ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของศิขริน พิมลพัทธ์ นางเอกของเรื่อง เป็นลูกของศิขรินกับอรพิม แต่อรพิมหย่าขาดกับศิขรินโดยไม่รู้ว่ามีลูกติดท้องมาด้วย และเมื่อรู้ก็ไม่ยอมบอกความจริงกับศิขริน กลับให้ พัทธ์ เป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายแทน
พิมลพัทธ์เจออรินที่อเมริกา และตกหลุมรักอรินในเวลาไม่นาน โดยไม่รู้เลยว่าอรินเป็นลูกใคร เมื่อศิขรินและเจนจารีเสียชีวิตจากเครื่องบินส่วนตัวตก พิมลพัทธ์ก็ได้รับการติดต่อจากทนายให้มาร่วมในพิธีเปิดพินัยกรรม เธอจึงได้รู้ว่าอรินเป็นใคร และโกรธมากที่เขาปกปิดหลอกลวงเธอ
พิมลพัทธ์ได้รับ “เรือนศิรา” พิพิธภัณฑ์ที่ก่อตั้งโดยอรพิม แม่ของเธอเป็นมรดก เธอจึงลาเรียนหนึ่งเทอมเพื่อสะสางภารกิจนี้ ทั้งเธอยังได้เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินและดูแลจารวีร์น้องสาวร่วมพ่อร่วมกับอรินด้วย จารวีร์ซึ่งประสบเหตุเครื่องบินตกเพราะไปกับพ่อแม่ด้วยก็ยังไม่รู้สึกตัว
เมื่ออรินได้รู้โดยบังเอิญว่าแม่ของเขาขายสมบัติในเรือนศิราไปหมดแล้ว และของทุกชิ้นในพิพิธภัณฑ์นั้นล้วนเป็นของปลอม เขาทั้งเศร้าเสียใจและละอายใจอย่างยิ่ง จึงทุ่มเทจนหมดตัวเพื่อบินไปซื้อของเหล่านั้นกลับคืนมา โดยเปลี่ยนเอาของปลอมมาไว้ในห้องใต้ดินที่บ้านแทน
พิมลพัทธ์มีความแค้นเคืองอรินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อลูกจ้างในเรือนเพาะชำของเรือนศิราขโมยของในห้องใต้ดินบ้านอรินไปขายยังร้านขายของเก่า และเจ้าของร้านจำได้ว่าเป็นของที่นี่ แถมยังพิสูจน์ได้ด้วยว่าเป็นของแท้ พิมลพัทธ์จึงพุ่งเป้าไปที่อรินทันทีที่ทราบเรื่อง รวมทั้งเรื่องที่เธอถูกคุกคามจนเกือบตายด้วย กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งเธอและอรินก็เกือบถูกฆ่าตายไปด้วยกันแล้ว

ถ้าทำขอแคสตามนี้
ค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น (เหมือนเดิม)
ผู้จัด หน่อง อรุโณชา (เหมือนเดิม)
อริน นนท์ ธนนท์ 
พิมลพัทธ์ มิ้นช์ รัญชน์รวี (อันดา กลเกมรัก)

ปล.พี่หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ เคยจะได้เล่น ใต้ร่มไม้เลื้อย เรือนศิรา ทางช่อง 7 คู่กับ กบ สุวนันท์ ซึ่งทางช่อง วางตัว ศรราม-สุวนันท์ ในเรื่อง ใต้ร่มไม้เลื้อย โดยให้ศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็น พัทธ์ กบ สุวนันท์ เล่นเป็น อรพิม  ในภาคใต้ร่มไม้เลื้อย (อารมณ์แบบภาคแยกกัน2เรื่อง) แล้วต่อด้วย เรือนศิรา โดยเปลี่ยนนักแสดงชุดใหม่ ตามอายุตัวละครที่มากขึ้น แต่สุดท้ายผลออกมาเป็น ใต้ร่มไม้เลื้อย เรือนศิรา โดยให้เรือนศิรา เป็นเรื่องหลัก ส่วนใต้ร่มไม้เลื้อย เป็นเหตุการณ์ย้อนอดีต ขอบคุณข้อมูลจาก คุณอนาฆิส ลิ้งค์นีครับhttp://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2011/03/A10382764/A10382764.html

อยากดูพี่หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ เล่น 2 ภาคนี้ อย่างที่บอกอะครับ เพราะชอบพี่หนุ่ม จาก 12 วีรชนคนกล้าแห่งสยาม ตอน พระเจ้าพรหมมหาราช เรื่องนี้ครับผม https://www.dailymotion.com/video/x6tzy8k ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่