ส่งนิยายทำไมไม่มีแฟนตอน7มาฝากชาวพันทิป บางทีมีแฟนใช่จะดีค่ะ

เจอคนทั้งหล่อรวยมีคุณภาพแบบมิสเตอร์โจ เธอก็คบเขาดีกว่าคนดีๆแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะ"
     "มีคนดีดีแบบนี้มาจีบ อย่าเลือกมากเลยพิมเลือกมากเดี๋ยวขึ้นคานนะ"
ซึ่งเพื่อนๆพิมต่างแสดงความคิดเห็นแนวๆนี้กันหมดทุกคน

     แถมพอพิมกลับไปเยี่ยมบ้านที่ขอนแก่น ในช่วงวันสงกรานต์ พ่อแม่พิมก็มากดดันพิมว่า เมื่อไหร่จะแต่งงานอยากจะอุ้มหลานเร็วๆ อายุมากยิ่งมีโอกาสมากที่ลูกจะไม่แข็งแรง พ่อและแม่อยากมีหลานที่มีสุขภาพดี น้องๆของพิมก็กดดันต่อว่าตามธรรมเนียมบ้านนี้พี่ต้องแต่งงานก่อนน้อง ให้พิมรีบหาแฟนแต่งงานน้องๆจะได้แต่งงานบ้าง
เมื่อพิมเจอทั้งมรสุมจากแรงยุของเพื่อน และแรงกดดันของคนในครอบครัวตัวเองพิมเลย ยอมออกเดทกับนายโจ
และยอมตกลงเป็นแฟนกับนายโจในเวลาต่อมา

     ตอนทีพิมเป็นแฟนกับนายโจต้องชมเชยว่า นายโจเป็นฝรั่งที่รู้จักผู้หญิงไทย เป็นอย่างดีเยี่ยม เอาใจเก่งและโรแมนติคสุดๆ จนพิมคิดว่า โลกที่พิมอยู่ช่างมีหลากสีแต่ละสีทำให้พิมใจมีสุขทั้งนั้น เช่น สีชมพู สีแห่งความรักอันอ่อนหวาน สีแดง สีแห่งความรักอันร้อนแรง สีฟ้า สีแห่งความรักอันสดใสเหมือนท้องฟ้า ตอนวันแห่งความรัก ตอนวันแห่งความรักนายโจ ส่งดอกกุหลาบช่อใหญ่มาให้พิมเป็นจำนวนถึง99ดอก และเขียนการ์ดภาษาไทยเป็นเพลงของ-วงดนตรี สุนทราภรณ์ ชื่อเพลง พรหมลิขิต
     พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด
    ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ
    เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ
    แต่ครั้งแรกที่พบเธอ ใจฉันเชื่อว่าแรกเจอ ฉันและเธอเป็นคู่สร้างมา

    เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกลก็ไม่คลาดคลา
   มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครๆ
   หากไม่ใช่คู่ครองแท้จริง จะแอบอิงรักยิ่งปานใด
   ยากนักที่จะสมใจ คงเป็นเหตุอาเพศภัย พลัดกันไปทำให้คลาดคลา

   เราสองคนต่างเป็นเนื้อคู่ จึงชื่นชูรักใคร่บูชา
   นี่เค้าว่าบุญหนุนพา พรหมลิขิตขีดเส้นมา ชี้ชะตามาให้ร่วมกัน
    เราสองคนคงเป็นเนื้อคู่ เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลัน
   ก็รู้สึกนึกรักกัน จนฝันใฝ่ใจผูกพัน แม้ไม่ทันจะเห็นรูปกาย

   ฉันเชื่อ เพราะเมื่อพบเธอฉันเพ้อมากมาย
   เฝ้าหลง พะวงไม่วายไม่หน่ายกมล
   พรหมลิขิตบันดาลทุกอย่าง เป็นผู้วางหนุนทางมวลชน
   ได้ลิขิตชีวิตคน มอบเนื้อคู่มาเปรอปรน ทั้งยังดลเธอให้คู่ฉัน
    with love
    from Joe Custinie
เพลงโบราณแบบนี้นายโจยังรัจักทำให้ในใจของพิมประทับใจนายโจมากขึ้น เพราะนายโจเป็นฝรั่งที่ชอบเพลงไทยมากกว่าคนไทยบางคนซะอีก

     เมื่อพิมและโจร่วมกันทอผ้าทอสายใยแห่งความรัก จนความรักของคนทั้งสองเติบโตเจริญกัาวหน้า เหมือนธุรกิจผ้าไทยของบริษัทพิมที่กำลังรุ่งเรือง พิมเลยพาโจไปพบกับคนในครอบครัวที่ขอนแก่น ซึ่งนายโจถึงจะเป็นคนต่างชาติต่างภาษาแต่ก็ทำการบ้านมาดี แสดงออกถึงวัฒนธรรมไทยได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนเจอหนัาพ่อแม่โจก็ทักทายพูดสวัสดีครับ พร้อมกับยกมือไหว้พ่อแม่ของพิมอย่างสวยงามซะยิ่งกว่าเด็กไทยสมัยใหม่บางคน เป็นการสร้างfirst impression ใหักับทุกคนในครอบครัวพิม

    ส่วนหนึ่งอาจเพราะโจมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศไทย และเป็นฝรั่งที่รักเมืองไทยเลยขยันศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของประเทศไทย ทำให้ปรับตัวเข้ากับคนในบ้านพิมได้ไม่ยาก อย่างตอนคุยกับพ่อแม่ของพิม โจก็บอกพ่อแม่ของพิมถึงความนิยมชมชอบจังหวัดขอนแก่น

    "ผมว่าขอนแก่นเป็นเมืองที่น่าอยู่ นะครับเป็นเมืองแห่งพระธาตุขามแก่น  เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม      ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่    ไดโนเสาร์สิรินธรเน่  สุดเท่เหรียญทองมวยโอลิมปิก ผมเองยังคิดว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสอยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่ขอนแก่นนะครับ"
เรียกไดัว่าขนาดมาจากอังกฤษแต่ยังจำคำขวัญประจำจังหวัดขอนแก่นได้อย่างแม่นยำ น่านับถือค่ะ

     ตอนพ่อแม่พิมพาไปเที่ยวพาไปกินข้าวกับญาติๆของพิม นายโจก็กลมกลืนเข้ากันได้ดีเป๊ะๆ กับญาติของพิม ทำตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อยเวลากินข้าวตามแบบคนไทยเวลาเข้าหาผู้ใหญ่  ญาติๆพิมชวนนายโจกินอาหารอีสานเวลาไปเที่ยวนายโจก็กิน ทั้งข้าวเหนียว ลาบน้ำตก ส้มตำปลาร้า คอหมูย่าง ไก่ย่าง ได้อย่างคล่องแคล่วท่าทางดูอร่อยไม่บ่นว่าเผ็ดสักคำ จนทุกคนชมว่า ท่าทางยัยพิมจะอบรมแฟนมาดีนั่งพับเพียบ กินอาหารอีสานก็ทำได้หมดสุดยอด

     ไปเที่ยวที่ภูเวียงกับพ่อแม่ของพิมนายโจ ก็อธิบายถึงความประวัติความเป็นมาของที่นี่ เหมือนเป็นคนท้องถิ่นมาเอง
      "ผมเคยอ่านประวัติของที่นี่ ฟอสซิลไดโนเสาร์ชิ้นแรกของไทยพบที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ในปี 2519 โดยนายสุธรรม แย้มนิยม อดีตนักธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณี ขณะสำรวจแร่ยูเรเนียม ในหมวดหินเสาขัว ที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง บริเวณห้วยประตูตีหมา กระดูกชิ้นนี้มีความกว้างยาวประมาณ 1 ฟุต จากการเปรียบเทียบพบว่ามีลักษณะใกล้เคียงกับไดโนเสาร์ซอโรพอด ซึ่งมีขนาดใหญ่ยาวประมาณ 15 เมตร

และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นส่วนปลายล่างสุดของกระดูกต้นขาของไดโนเสาร์จำพวกกินพืช การสำรวจไดโนเสาร์ที่ภูเวียงได้เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2524 โดยนายเชิงชาย ไกรคง นักธรณีวิทยาจากกรมทรัพยากรธรณี ได้พาคณะสำรวจโบราณชีววิทยาไทย และฝรั่งเศสขึ้นไปสำรวจกระดูกไดโนเสาร์บริเวณยอดห้วยประตูตีหมา 
อำเภอภูเวียงคณะสำรวจพบกระดูกไดโนเสาร์ชนิดกินพืชขนาดใหญ่ รวมทั้งฟันจระเข้ กระดองเต่า ฟันและเกล็ดปลาโบราณ และจากการสำรวจในเวลาต่อมาได้พบกระดูกไดโนเสาร์อีกหลายชนิด ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงจัดตั้งขึ้น โดยความร่วมมือของกรมทรัพยากรธรณี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการ สำหรับให้การศึกษาแก่เยาวชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่นครับ"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่