JJNY : 5in1 ศิริกัญญาแนะ รบ.│ก้าวไกลเร่งสอบแคดเมียมหาย│‘พริษฐ์’เผยเตรียมหลักฐาน│สื่อนอกเสนอข่าว│รัสเซียอพยพเหตุเขื่อนแตก

ศิริกัญญา จับตาแถลงดิจิทัลวอลเล็ต แนะ รบ.ออกพันธบัตรชุดพิเศษ พร้อมใช้หนี้เอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4515010

‘ศิริกัญญา’ เหน็บ รบ.จัดแถลงแต่ละครั้งไม่คำนึงถึงความพร้อม แนะคิดให้ดีก่อน หากพลาดบ่อยทำ ปชช.ไม่เชื่อมั่น ระบุควรออกพันธบัตรสู้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมกำหนดอายุใช้งาน กันหนี้ตกทอดไป รบ.หน้า
 
เมื่อวันที่ 7 เมษายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมประชุมโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ในวันที่ 10 เมษายนนี้ จะมีข้อเสนออะไรไปยังรัฐบาลหรือไม่ว่า เข้าใจว่าการประชุมใหญ่ในวันที่ 10 เมษายนนี้ เป็นไทม์ไลน์ที่กระชั้นชิดมากในแง่ของการเตรียมความพร้อม เพราะรัฐบาลยังมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องแหล่งที่มาเงิน ซึ่งจำนวนเงินที่มีที่มาจากหลายแหล่งก็ยังไม่นิ่ง เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลชิงประกาศไทม์ไลน์ในการแถลงข่าว หรือดำเนินโครงการโดยไม่คำนึงถึงความพร้อม ซึ่งสิ่งที่ตนจะฝากไปยังรัฐบาลมีสองเรื่อง
 
น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า 1. การเตรียมความพร้อมก่อนแถลงอะไรออกมา เพราะทุกครั้งที่มีการแถลงต่อสาธารณะคือการให้คำมั่นสัญญากับประชาชน  หากผิดคำพูดบ่อยก็อาจสร้างความไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในความสามารถการบริหารราชการของรัฐบาล
 
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า 2. แหล่งที่มาของเงิน เข้าใจว่าเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะเป็นการกู้ยืมจากหลายส่วน เราอยากให้มีความชัดเจนในการใช้หนี้คืน เพราะก่อนหน้านี้เคยจะออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน ซึ่งสามารถระบุสัญญาได้ว่าจะใช้หนี้คืนภายในกี่ปี แต่ในเมื่อแหล่งที่มาเงินจะนำมาจากงบประมาณปี 2568 อยากให้รัฐบาลออกเป็นเงินกู้พันธบัตรชุดพิเศษที่ระบุไว้ว่าเป็นพันธบัตรของรัฐบาลสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดยเฉพาะ กำหนดอายุของพันธบัตรให้ใช้หมดภายในอายุของรัฐบาลนี้ เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และเพื่อให้รัฐบาลเป็นผู้ชดใช้หนี้ก้อนนี้ ป้องกันไม่ให้ส่งต่อหนี้ไปยังรัฐบาลชุดต่อไป
 


ก้าวไกล เสนอ 4 ข้อ ให้รัฐบาลเร่งสอบแคดเมียมหาย ชง กม.เปิดข้อมูลย้ายสารพิษให้ปชช.รู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4514984

ส.ส.ก้าวไกลประสานเสียง เร่งรบ.สอบกากแคดเมียมหาย คาด บางส่วนหลอมแล้ว ทำมลพิษรั่วสู่ชุมชน ชี้ ถึงเวลาต้องมีกม.เปิดเผยข้อมูลการเคลื่อนย้ายสารพิษให้ปชช.ทราบ
 
เมื่อวันที่ 7 เมษายน ส.ส.ก้าวไกล จัดเฟซบุ๊กไลฟ์ตั้งวงคุยฉุกเฉิน เตือนประชาชนและตั้งคำถามต่อรัฐบาลกรณีกากแคดเมียมหาย 15,000 ตัน ซึ่งอาจมีบางส่วนถูกหลอม เกิดสารพิษปนเปื้อนสู่ชุมชน โดยในวงสนทนาประกอบด้วย นายคริษฐ์ ปานเนียม ส.ส.ตาก เขต 1 พื้นที่ตั้งเหมืองสังกะสี ต้นตอกากแคดเมียมประมาณ 15,000 ตัน นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พื้นที่ที่พบกากแคดเมียมเตรียมหลอม นายชวาล พลเมืองดี  ส.ส.ชลบุรี เขต 3 พื้นที่บ้านบึงซึ่งพบกากแคดเมียม 7,000 ตัน และคาดว่าบางส่วนถูกหลอมแล้ว นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และ นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ศูนย์นโยบายพรรคก้าวไกล
 
นายคริษฐ์กล่าวว่า เหมืองสังกะสีผาแดงเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ที่อยู่มา 40 ปี แม้วันนี้จะปิดตัวไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งผลกระทบในพื้นที่จากการรั่วไหลของแคดเมียม อันเป็นผลพวงจากการทำเหมือง หลายพื้นที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ กากแคดเมียมจากเหมืองผาแดงเดิมถูกฝังกลบในบ่อซีเมนต์ถูกต้องตามหลักวิชาการ แต่อยู่ๆ ชาวตากก็มารู้ข่าวพร้อมคนไทยทั้งประเทศว่ามีการเปิดบ่อเพื่อเอาแคดเมียมออกมาขาย ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในพื้นที่อย่างมาก ที่สำคัญ กระทรวงอุตสาหกรรมยังระบุว่าจะนำกากแคดเมียมมาคืนที่เดิม แต่กลับไม่มีการตรวจสอบว่าบ่อที่ถูกเปิดออกมาแล้วจะเกิดการรั่วไหลของสารพิษหรือไม่ รวมถึงไม่ตรวจสอบที่มาที่ไปของการเปิดบ่อว่าทำอย่างถูกต้องหรือไม่ด้วย
 
ผมอยากทราบว่าทำไมเกิดความไม่เท่าเทียมกันในการจัดการสถานการณ์ ที่สมุทรสาครกับชลบุรีมีการเร่งตรวจสอบ ปิดพื้นที่ แต่ที่ตากกลับไม่ตรวจสอบอะไรเลย แถมบอกว่าจะเอากากแคดเมียมกลับมาคืนที่เดิม อีกไม่นานพายุฤดูร้อนจะมา ประชาชนในพื้นที่กังวลมากว่าบ่อกากแร่ที่ถูกเปิดออกแล้ว เมื่อเจอพายุฝนจะรั่วไหลพาสารพิษลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติหรือไม่ และหากนำกากแคดเมียมกลับมา บ่อจะถูกปิดสนิทเหมือนเดิมหรือไม่” นายคริษฐ์กล่าว
 
ด้านนายชวาลกล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่มาระยะหนึ่งแล้ว ว่าได้กลิ่นผิดปกติจากโรงหลอมในตำบลคลองกิ่ว ซึ่งเป็นโรงรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มทุนจีน นอกจากนี้ประชาชนยังพบว่าสัตว์เลี้ยงไม่ยอมลงไปกินน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างที่เคย ตนเคยเข้าไปตรวจสอบพื้นที่โรงงานก็พบถุงบิ๊กแบ๊กหน้าตาน่าสงสัยจำนวนมาก วันนี้ก็พบแล้วว่าถุงดังกล่าวเป็นกากแคดเมียมปริมาณถึง 7,000 ตัน หลายส่วนถูกพบหน้าเตาหลอม ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่ามีกากแคดเมียมบางส่วนถูกหลอมไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ตนจึงมีข้อเสนอเร่งด่วนต่อรัฐบาล ดังนี้
 
1. รัฐบาลต้องประกาศให้พื้นที่คลองกิ่วเป็นเขตควบคุมมลพิษ
2. ตรวจสอบโรงหลอมและการฝังกลบของเสียในพื้นที่โรงหลอมทั่วทั้งประเทศ ทั้งที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต
3. ตรวจสอบการสำแดงเท็จนำเข้ากากอุตสาหกรรมอันตรายที่เป็นวัตถุดิบเข้ามาในประเทศ
4. หยุดการออกใบอนุญาตให้กับโรงหลอมเพิ่ม
 
นายพูนศักดิ์กล่าวว่า กากแคดเมียมเมื่อถูกหลอมจะต้องผ่านการบำบัดมลภาวะทางอากาศ และมีระบบบำบัดน้ำเสียด้วย เนื่องจากไอกรดจากการหลอมแคดเมียมจะตกลงสู่พื้นผิวและปนเปื้อนแหล่งน้ำ แต่โรงงานในคลองกิ่วทั้งหมดไม่มีระบบบำบัดอากาศหรือน้ำ อีกทั้งยังไม่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่น่ากังวลอย่างมากว่าอาจมีการปนเปื้อนสารแคดเมียมในชุมชนแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องเร่งตรวจสอบ เพื่อความสบายใจและความปลอดภัยของประชาชน
 
นายณัฐพงษ์ระบุว่า แม้ล่าสุดจะพบกากแคดเมียมเพิ่มเติมอีกจุดหนึ่งในพื้นที่บางน้ำจืด สมุทรสาคร แต่ยังไม่พบว่ามีการหลอมแคดเมียม และไม่พบการปนเปื้อน แต่การให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนของรัฐบาลทำให้เกิดความตื่นตระหนก ถึงกับมีการพูดว่าจะไม่กินอาหารทะเลจากมหาชัย เนื่องจากกลัวสารแคดเมียม ตนขอยืนยันว่าพื้นที่มหาชัยและอ่าวไทย กับพื้นที่ที่พบกากแคดเมียมอยู่ห่างกันมาก อีกทั้งยังไม่มีการหลอมกากแร่ จึงไม่มีการปนเปื้อนแคดเมียมสู่อาหารทะเลอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่มีความกังวลกันมานานว่าโรงหลอมในพื้นที่มักแอบหลอมโลหะหนักและสารอันตรายในช่วงกลางคืน และปล่อยกากแร่ลงสู่แม่น้ำ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง กระทบกับสุขภาพคนทั้งจังหวัด ตนจึงขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการสังคายนาระบบการจัดการสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมทั้งระบบ
 
นายพูนศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อเสนอเบื้องต้นที่พรรคก้าวไกลต้องการให้รัฐบาลจัดการอย่างเร่งด่วน คือ
 
1. กระทรวงอุตสาหกรรมต้องตรวจสอบข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลอย่างเร่งด่วน และใช้โอกาสนี้ทบทวนระบบกำกับการจัดการของเสียและน้ำเสียอุตสาหกรรมทั้งระบบ
 
2. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องตรวจสอบกระบวนการขุดกากแร่ว่าได้รับการอนุญาตจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวมล้อม (สผ.) หรือไม่ และประชาชนได้เข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อการอนุญาตให้ขุดกากแร่หรือไม่ รวมถึงต้องขยายความรับผิดชอบของ สผ.ให้ครอบคลุมภายหลังปิดโครงการ นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษยังควรมีอำนาจในการตรวจสอบพื้นที่ปนเปื้อนจากการประกอบกิจการโรงงานด้วย
 
3. ทบทวนกระบวนการยุติธรรมสำหรับกรณีคดีสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะตำรวจ อัยการ และศาลต้องทำความเข้าใจปัญหาการแพร่กระจายของมลพิษ และต้องเร่งรัดในการจัดการอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีโรงงานแวกซ์กาเบ็จที่จังหวัดราชบุรี ใช้เวลามากกว่า 10 ปีคดียังไม่สิ้นสุด รวมถึงต้องเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดด้วย

4. ฝ่ายนิติบัญญัติและนายกรัฐมนตรีต้องเร่งรัดการออกกฎหมาย PRTR (พ.ร.บ.ควบคุมการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารพิษหรือมลพิษ) เพื่อเปิดเผยข้อมูลมลพิษให้ประชาชนได้ทราบความเสี่ยงของพื้นที่โดยเร็วที่สุด โดยพรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างกฎหมาย PRTR เข้าสภาแล้ว หวังว่าในการเปิดสมัยประชุมสภาครั้งหน้า ฝั่งรัฐบาลจะหยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้วัวหายแล้วล้อมคอกเหมือนที่ผ่านมา


‘พริษฐ์’ เผยพรรคกำลังเตรียมหลักฐานส่งศาลรธน. จ่อชี้แจงแนวทางสู้คดีหลังสงกรานต์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4514861

‘พริษฐ์’ เผย พรรคกำลังเตรียมหลักฐานส่งศาลรธน. จ่อชี้แจงแนวทางสู้คดีหลังสงกรานต์ ยัน ยุบพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องปกติที่ต้องยอมรับ
 
เมื่อวันที่ 7 เมษายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเตรียมชี้แจงคดีล้มล้างการปกครอง ต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ทางพรรคกำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมหลักฐานในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามกระบวนการและกรอบเวลาที่กำหนด โดยพรรคหวังว่าจะมีกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อให้พรรคได้ชี้แจงและตอบข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยละเอียด โดยเมื่อยื่นคำชี้แจงเรียบร้อยแล้ว เราจะมีการแถลงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สาธารณะได้ทราบถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรค ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งกำลังใจของ ส.ส.ในพรรคยังคงดี ส่วนเรื่องการเตรียมแผนรองรับกับสถานการณ์ในอนาคตนั้น ก็เป็นไปตามที่สัมภาษณ์วานนี้ (6 เม.ย.)
 
นายพริษฐ์ย้ำอีกว่า ทั้งนี้ เดิมพันของคดีนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแค่ชะตากรรมของพรรคเราเท่านั้น แต่เป็นการพยายามชี้และพิสูจน์ให้สังคมเห็นร่วมกันว่าการยุบพรรคในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับพรรคไหน ไม่ควรเป็นเรื่องปกติที่เรายอมรับกันในสังคมไทย



อย่ากลัวต่างชาติหนี ‘ฝุ่นควันเชียงใหม่’ สื่อนอกเสนอข่าวมานานแล้ว
https://www.dailynews.co.th/news/3325203/
 
เพจดัง "อ้ายจง" เปิดข้อมูลปีที่ผ่านมา สื่อใหญ่ระดับโลกเสนอข่าวปัญหาฝุ่นควันเชียงใหม่ ลั่นอย่ากลัวต่างชาติหนีถ้าเสนอข่าว ย้ำถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ จากอยากเที่ยวสงกรานต์ ต่างชาติจะเปลี่ยนความคิดแน่!

ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “ฝุ่นควัน” ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวสนใจไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. โลกออนไลน์ต่างพูดถึงเป็นอย่างมาก ภายหลังจากที่แฟนเพจชื่อดังอย่าง “อ้ายจง” ได้ออกมาเผยข้อมูล ระบุว่า

รู้หรือไม่? ย้อนไปเมื่อ 14 เมษายน 2566 BRTV ช่องทีวีในกำกับของทางการจีนได้นำเสนอสกู๊ป “ปัญหาฝุ่นควันเชียงใหม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเริ่มหนี”

ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 ปี สถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น และเมื่อมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา CCTV สื่อหลักของจีน ก็ได้นำเสนอสกู๊ปอีกครั้ง ระบุ “เชียงใหม่เข้าสู่ช่วงเผาป่าอีกครั้ง ส่งผลต่อปัญหาฝุ่นควัน

เรากำลังจะปลุกปั้นให้เมษายน เป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยว เพราะมีเทศกาลสำคัญคือ สงกรานต์ และเชียงใหม่ ก็คือเมืองท่องเที่ยว แต่น่าคิดนะครับว่าถ้ายังคงมีปัญหานี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้เชียงใหม่เปลี่ยนไปในความคิดของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่จีน แต่รวมถึงประเทศอื่น และคนไทยเราเองด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นด้วยกันเป็นอย่างมาก.
 
https://www.facebook.com/aizhongchina/posts/pfbid02Jpu8wqH5AwvJNjNwBnoiELdskARXG1TtBa1rpGY6doG4Vu8EgbCdJSFvSxMNp65El
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่