เรื่องปัญหาครอบครัวหนึ่งที่เกิดขึ้น

ครอบครัวมี 4 คน พ่อ(D) แม่(M) พี่สาว(S) น้องชายคนเล็ก (ผม)

ผมเกิดในครอบครัวระดับกลางๆครอบครัวหนึ่ง คุณ(D) จบวิศวะจากสถาบันดังแห่งหนึ่ง ประกอบอาชีพรับราชการสีกากีและรับเหมาก่อสร้าง คุณ(M) ปวส. บัญชี เป็นพนง.รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งและเจ้าของหอจำนวน 4 หลัง

คุณ(S) แก่กว่าผม 2 ปี

ตอนเด็กๆสักประถม 4-6 เริ่มมีแรงกดดันจากทางบ้าน ให้เรียนเสริมพิเศษเพื่อจะได้เก่งๆ แต่หัวผมนั้นมันไม่ค่อยไป ผลการเรียนก็ไม่ค่อยดี สิ่งที่เจอคือโดนคำด่าจากที่บ้านว่า “โง่” ผมว่ามันแรงนะครับ สำหรับเด็กที่ต้องโดนคำนี้ แตกต่างจากพี่สาวที่เรียนเก่งเป็นคนที่ทางบ้านวางแผนให้เดินตามทางตลอดทุกเรื่อง

เริ่มเข้ามัธยมต้น 1-3 ทางบ้านเริ่มพบเจอปัญหาทางการเงิน คุณ D รับเหมาก่อสร้างโดนโกงและยังต้องไปใช้หนี้จากการที่กู้เงิน, ยืมบัตรเครดิต ไปลงทุน คุณ M พบถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าที่ย้ายออกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ทำให้สิ่งที่พบเจอคือความเครียดจากทางบ้าน มันส่งผลกระทบกับผมทางตรงคือ ทางบ้านเอาผมไปด่าเพื่อระบายอารมณ์ในหลายๆครั้ง เวลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ (เรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆที่ไม่ถูกใจ) มันส่งผลกระทบต่อผมทำให้ผมรู้สึก กลัวเวลาที่ทางบ้านจะคุยหรือโทรมาหา มันไม่สิ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปคือไม่กล้าคุยอะไรตรงๆกับคนที่บ้าน จะคุยได้แค่กับคุณ S แล้วทางบ้านก็จะบอกเสมอว่าให้ไปรับ-ส่งคุณ S เวลาจะไปไหนต่อไหน (ส่วนมากก็เรียนพิเศษ)

เข้าช่วง ม.4-6 ผมเลือกสายคือ ศิลป์-คำนวณ ผมอยากเรียนวิทย์-คณิต แต่เรียนไม่ได้เนื่องจากผมเกรดไม่ถึง ทางบ้านโกรธและไม่พอใจผมเอามากๆ เลยหันมาสนใจคุณ S แทน เพราะคุณ S กำลังจะเข้ามหาลัยคณะที่ทางบ้านอยากให้เรียนคือ สถาปัตย์ เพราะคิดไว้ว่าจะให้มาช่วยคุณ D รับเหมาก่อสร้างตามคุณ D คุณ S ก็วิ่งสอบในหลายๆที่ โดยมีคุณ D,M เป็นกำลังใจให้ทุกๆที่ และไปรับไปส่งทุกสนามจนคุณ S ได้คณะสถาปัตย์สมดั่งใจคนที่บ้านคุณ S ก็ไปอยู่หอแถวๆมหาลัย กลับมาที่ผม คือผมต้องนั่งรถไป รร. เอง จากที่เมื่อก่อน คุณ D,M ไปรับส่งตอนที่คุณ S อยู่ ซึ่งผมเองก็เข้าใจได้ แล้วอยากจะแบ่งเบาภาระที่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ แต่ปัญหาที่ผมพบเจอคือคุณ D มีเมียน้อยครับ ผมจับได้จากพฤติกรรมที่แปลกไปคือ พาผมไปเที่ยวตอนดึกๆ ก็จะเห็นคุณ D โทรเรียกเด็กมานั่งในร้านต่างๆที่พาไป ในแต่ละวัน แต่ที่จับได้จังๆเลยคือ เคยมายืมมือถือผมโทรหา ผญ. ครับ พอคุยเสร็จ คุณ D ก็บอกผมว่าไปโอนเงินค่าขนมให้คุณ S ที่อยู่หอก่อน พอกดเลขบัญชี ชื่อก็ไม่ใช่คุณ S เบอร์โทรเองก็เบอร์เดียวกันกับคนมะกี้ เพราะผมหยิบมือถือมาดูตอนกดเบอร์ แล้วคุณ D ก็จะนำเงินที่ได้จากการรับเหมาก่อสร้างมาโอนให้ ผญ. เหล่านี้ครับ แล้วจะอ้างกับคุณ M ว่างานขาดทุน โดนโกง คุณ M ก็จะเริ่มมีนิสัยอารมณ์ที่รุนแรงขึ้น จากหอพักที่เมื่อก่อนคนพักเต็ม จนตอนนี้ลูกค้าหายไปประมาณ 70-80% แล้วครับ ส่วนคุณ S ไม่ค่อบกลับบ้านแม้กระทั่งปิดเทอม เพราะที่บ้านเป็นแบบนี้ครับ ทำให้ตัวผมเองต้องแบกรับคอยช่วยเหลือที่บ้านเสมอๆ ค่อยประคับประคอง ความสัมพันธ์ ของสถาบันครอบครัวครับ คอยช่วยเหลือทุกคน คุณ M ทะเลาะกับ คุณ D ผมเองก็ต้องเป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ต่างๆครับ เช่น อยากทานข้าว ผมต้องไปกับอีก 1 คน พอกลับมาอีก 1 ท่านเครียดอยากดูหนัง ผมก็ไปครับ คุณ S อยากให้ผมช่วยงาน ผมก็นั่งรถตู้ไปหา หรือบางครั้งทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะถูกคุณ D เสี้ยมให้คุณ M มาว่าผม

ต่อมาช่วงมหาลัยของผม ผมติดคณะหนึ่ง ของมหาลัยชั้นนำเลย ผมอยากเรียนมากด้วยชื่อสถาบัน ผมอยู่หอด้วย พอเรียนได้ 1 เทอม ผมเองอยากซิ่วไปเรียนคณะใหม่ เนื่องจากผมนั้นไม่ชอบ ที่บ้านนั้นโกรธผมมาก เนื่องจากเสียเงินและเสียเวลาผมก็ยอมรับไปตามสภาพ แล้วทางบ้านก็จะให้ไปเรียนสถาปัตย์เหมือนกับพี่สาว พยายามบอกว่าคณะนี้ดียังไงเป็นแบบไหน จนผมตัดสินใจเรียนคณะสถาปัตย์ ม.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้รถมาขับ 1 คัน(จากที่บ้านที่ซื้อให้คุณ S คุณSได้ส่งต่อให้ผมเพราะคุณSไปเรียนภาษาต่างประเทศ) ผมนั้นเรียนไปได้ถึงปี 3 เทอม 1 ผมรู้สึกตัวเลยว่าไม่ใช่ตัวผม ผมทำมันออกมาได้ไม่ดี ทั้งที่ผมเองก็มีความตั้งใจ ผมเลยตัดสินใจคุยกับทางบ้าน ทางบ้านโอเคบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านเองรับได้ครับ แต่แล้วผมตัดสินใจจะย้ายคณะอีกครั้ง ผมเลยบอกทางบ้านไป ทางบ้านไม่พอใจผมอย่างมาก ผมเองก็แอบงงว่าทำไม แต่ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้สนใจแล้วครับ ใจไม่อยู่คณะนี้แล้ว เลยคิดคำนวณว่าจะเรียนจบยังไงให้ได้ 6 ปี (12 เทอม) เพราะต้องไปเกณฑ์ทหารบวกกับผมเสียเวลามามากแล้ว 1 ปีแรกที่ ซิ่ว สถาปัตย์ ปี 3 เทอม 1 เหลือเวลาแค่ 2 ปีครึ่งเอง เพื่อนๆผมตอนนี้ก็ปี 4 กันหมดแล้ว เป็นการคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เรียน 2 ปีครึ่งจบ วิ่งหาคณะที่จะย้ายในหลายๆคณะ จน…ผมเองก็พบคณะที่ทำได้เป็นคณะบริหารธุรกิจ คุยกับหัวหน้าสาขา อาจารย์ท่านนี้พูดกับผมดีมากๆครับ ท่านบอกกับผมว่าทำได้นะ คุณต้องตั้งใจเรียนให้มากๆนะครับ คุณเทียบโอนหน่วยกิจวิชาทั่วไปมา แล้วเรียนวิชาของบริหารอย่างเดียว คุณก็จบได้อย่างที่คุณตั้งใจไว้ผมเองก็ไม่รอช้า ตัดสินใจย้ายไปคณะบริหารอย่างไม่ลังเลเลยครับ พกแต่ความมุ่งมั่น ความตั้งใจที่แน่วแน่ไปเรียน เรียนคนเดียว งานกลุ่มเองก็ทำคนเดียว แต่แล้วปัญหาที่เจออีก 1 ขั้นคือ ต้องเกณฑ์ทหาร ช่วงเมษา แต่…เทอมสุดท้ายนั้นสอบจบ พฤษภาคม ซึ่งไม่ทันผมจึงเอาฝึกงานช่วงSummer มาแทนสหกิจ ซึ่งทำได้ ฝึกงานเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ ผมสามารถจบได้ในระยะเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว เย้ๆๆ ส่วนในช่วงนี้คุณ S ก็ไปทำงานที่อื่นที่ต้องนอนหอไม่ได้กลับมาดูแลคุณ D,M และก็ไปเรียนภาษาต่อที่ต่างประเทศฝั่งยุโรป

ชีวิตหลังจบมหาลัย สิ่งที่ผมพบเจอเลยก็คือ คุณ M
,D ไม่ได้ภูมิใจในตัวผมเลย คุณ M บอกกับผมว่าคณะเน่าๆแบบนี้ใครๆก็จบได้ จบมาจะทำงานอะไร ผมเองรู้สึกเสียใจแต่ทำอะไรไม่ได้ครับ คนในบ้านเอาแต่ชื่นชม คุณ S เพราะคุณ S นั้นไปศึกษาต่อที่ ญี่ปุ่น แล้วชีวิตของผมหลังจากที่เกณฑ์ทหารจับได้ใบดำเสร็จ ผมก็ไปเรียนพิเศษเสริมความรู้กับใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการออกกำลังกายด้วย แล้วชีวิตของผมนั้นที่ต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวนั้นไม่มีความสุขเลยครับ โดนด่าทอด้วยคำพูดแย่ๆ ว่ากระจอก ไม่เก่ง ไม่ดี จนผมเองคิดว่าผมน่าจะเป็นซึมเศร้าครับ เพราะคิดฆ่าตัวตายบ่อยมากครับ ที่บ้านชอบเรียกผมไปใช้งานแบบไม่ให้ทางเลือกเลยครับ ไม่ฟังเหตุผลของผมเลย ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นยังไง บอกแค่ว่า ต้องทำ พอไม่ทำ คุณ D,M ก็จะมาว่าผม ใครจะมาเข้าข้างผมละนะ ก็คุณ D,M เป็นผัวเมียกันนิจะมาเข้าข้างผมทำไมละ 555 คุณ D ก็ยังมีเมียน้อยอยู่ ผมใช้ช่วงเวลานี้เก็บหลักฐานข้อมูลให้ได้มากที่สุด แต่ผมเองก็ไม่กล้าบอกคุณ M เพราะผมเองก็กลัวว่าจะทำให้ 2 คนต้องหย่าร้างกัน ผมเลือกที่จะเก็บผมเองก็ต้องรับแรงกดดันต่อไปเรื่อยๆ จนผมได้งานทำ (แอบดีใจ ไม่ต้องโดนด่าแล้ว เย่ๆ) ทำงานเงินเดือน ไม่ถึง 15,000 หักประกันสังคมแล้ว ทำ 6 วัน หยุดวัน อา. วันเดียว แต่แล้ววันหยุดเดียวของผมที่มีค่าก็โดนที่บ้านเอาไป คุณ D,M ใช้งานผม ผมบอกผมจะพัก ผมก็โดนด่าอีกตามเคย สุดท้ายก็ต้องทำ ผมทำงานที่นี่ได้เดือนเดียว ผมก็ตัดสินใจออก เพราะเดินทางไกล ไม่คุ้มค่าเหนื่อย เงินเดือนเดือนแรกของผม คุณ D,M ขอยืมจำนวนนึงเกินครึ่งของเงินเดือน ผมเลยบอกว่ส ผมให้ เงินเดือนเดือนแรกให้บุพการี ชีวิตจะได้ดี แล้วผมก็วิ่งสอบสายราชการเพราะออกจากงานมาแล้ว แต่สิ่งที่พบเจอ ทางบ้านก็จะบอกแต่ว่าอย่าไปเลย เสียเวลา ไม่ได้หรอก (เป็นกำลังใจที่ดีมาก) ผมก็เริ่มเหนื่อยกับการสอบ มาทำงานบริการที่นึงในห้าง เงินเดือน 11-12K แล้วแต่เดือน ระหว่างที่ทำงานที่นี่ เรื่องความลับของคุณ D ก็ได้แตกครับ ความลับไม่มีในโลกครับ คุณ D แถข้างๆคูๆครับ ผมเลยบอกคุณ M ว่าอยากได้หลักฐานทุกอย่างมาขอที่ผม ผมมีทั้ง คลิปที่ร่วมรัก และ หลักฐานการคุยโอนเงิน การคุยผมเก็บได้ 4 เดือนเมียน้อยได้เงินคัณ D ไป ล้านกว่าบ้านครับ แล้วระยะเวลาที่คบหากับคนนี้ ประมาณ 7-8 ปีได้ครับ แต่สิ่งที่เจอคือ คุณ M รักคุณ D มากครับ ไม่หย่าครับ คบกันต่อ แต่ก็จะว่าเหน็บคุณ D ตลอด

ผมได้งานที่มั่นคงแห่งหนึ่งครับ ผมมีแฟน แต่ที่บ้านไม่อยากให้มีครับ พยายามกีดกัน จนผมรู้สึกอึดอัด ออกมาอยู่ข้างนอกกับแฟนสาวคนนี้ครับ แต่ก็ยังติดต่อที่บ้านคุยกับ คุณ D,M นะครับ ส่วนตอนนี้คุณ S ก็มาทำงานที่เดียวกับผมครับ คุณ S ก็คือเหมือนเดิมครับ ไม่กลับไปดูแลคนที่บ้านครับ ซื้อคอนโดครับ มีธุระอะไรที่ทางบ้านไหว้วานก็ให้ผมไปอยู่คนเดียวเพราะอ้างแต่ว่าผมมีรถ ต่อมา คุณ D,M อยากได้คอนโดครับ บอกว่าจะซื้อสด คอนโดแห่งนี้ ราคา 999,000 บาท โดยคุณ D,M บอกว่าจะขอยืมชื่อผม คุณ D เกษียณแล้ว คุณ M กำลังจะเกษียณ เลยยืมชื่อผม ผมเองก็ผ่อนดาวน์มาแล้วไปขอเงินคืน ซึ่งได้ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ต่อมามีเรื่องรถมาเกี่ยวครับ คุณ M จะเปลี่ยนรถให้ผม ซึ่งผมยืนยันว่าไม่อยากเปลี่ยน ไม่อยากมีหนี้ ไม่พร้อม แต่คุณ M พูดมาว่าจะเปลี่ยนให้ แล้วจะกลัวอะไร เค้าจ่ายเงิน แกเดือดร้อนอะไร สุดท้ายผมก็ต้องยอม แล้วเรื่องวุ่นๆของคอนโดที่จองก็เกิดขึ้น คุณ D ไม่มีตังค์จ่าย จะให้ทิ้งเงินดาวน์ ผมก็เลยตกใจเลย อ้าวววว ยืมชื่อผมไปด้วย ผมก็ยิ้มสิ คุณ M เลยไปคุยกับคุณ S ให้กู้ร่วมกัน แล้วผมก็บอกว่าเปลี่ยนชื่อด้วยนะครับ (เหมือนกู้ระเบิดได้)

ผ่านมา 3 ปีผมเลิกกับแฟนกลับมาอยู่บ้าน โดยบอกกับทางบ้านว่า ผมกลับมาครั้งนี้อย่าเป็นแบบเดิมนะครับ ผมเองจะไปไหนมาไหนก็จะบอก แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ผมอยู่บ้านที่ทำหอพัก ที่บ้านอยู่คอนโด และแล้วหอพักก็ขายได้ โดยคุณ D,M เอาเงินที่ขายมาไปซื้อบ้านทาวน์ 3 ชั้น ผมเองก็อยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ไม่ถึง ปีทะเลาะกับคุณ M ผมเลยย้ายอิกไปข้างนอกอีกเหมือนเคย โดยสาเหตุการทะเลาะนะครับ คุณ M ทะเลาะกับ คุณ D แล้วมาใส่อารมณ์กับผมมาลงที่ผม ผมก็บอกว่ามีอะไรคุยกันดีๆ คุณ M ก็ตะคอกเสียงดังก็ ฉันเครียด!!! ผม ณ ตอนนั้น อายุ 30+ ไม่ใช่เด็กแล้ว จะมาทำแบบนี้ไม่ได้ครับ แล้วหลังจากวันนั้นผมก็ไม่กลับไปเหยียบที่บ้านขาดการติดต่อ โดยแรกๆคุณ D พยายามติดต่อมาพูดเสมอว่า “ยังไงเค้าก็เป็นแม่” ผมเลยบอกว่า “ขอโทษนะครับ ผู้ใหญ่ผิดไม่เป็นหรอครับ เด็กผิดได้คนเดียว อะไรที่เคยตัว เคยทำแย่ๆ ก็หัดเปลี่ยนนะครับ ถ้ามันไม่ดี” เลยส่งผลให้ผมไม่คุยกับคุณ D ด้วย ผ่านมาหลายเดือน มีญาติติดต่อมาในข้อมูลที่ผิด ญาติมาที่บ้านก็ถามหาผม คุณ M ก็ตอบว่าผมออกไปข้างนอกเอง ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากอยู่บ้านนะ ทั้งๆที่ที่บ้านก็สบายๆ ผมก็ดูแย่ไปอีก ส่วนคุณ S ผมก็ห่างไปครับ เพราะเค้าแต่งงานเค้าก็ไม่เอาใครละครับ ทางบ้านจะให้ช่วยอะไรก็เอาแต่ถามหา แล้วผมละไปไหน ไม่ให้ผมช่วยละ

ปัจจุบันนี้ก็น่าจะครบ 1 ปีแล้วครับ ที่ผมไม่ได้ติดต่อกับที่บ้าน แล้วรถที่ตอนนั้นบอกจะจ่ายผมรับผิดชอบหมดครับ ผมผิดมากใช่ไหมครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่