อังคารเล่าเรื่องผี:เสียงกองทัพ

สวัสดีค่ะ อังคารเล่าเรื่องผีมาอีกแล้วเหมือนเดิมมาเล่าเรื่อง(ชีวิตนี้ไม่มีอะไรนอกจากทำงาน ขึ้นเวร เล่าเรื่องผี)เรื่องที่จะเล่าให้ฟังวันนี้คือเรื่องสมัยเรียนค่ะ โดยสมัยเรียนเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สถาบันได้นำพวกเรานักศึกษาไปเข้าค่ายธรรมะที่หวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ขึ้นอ่างทองแน่นอนค่ะว่าตามประวัติศาสตร์ก็มีหลายตารางนิ้วในจังหวัดเคยเป็นสนามรบมาก่อน เป็นจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเป็นถิ่นวีรชนคนกล้าไม่น้อยในอดีตและสถานที่ ที่อังคารและคณะอาจารย์เพื่อนๆนักศึกษาร่วมสถาบันได้ไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่เคยเป็นที่ตั้งทัพทำสงครามปกป้องบ้านเมืองเมื่อครั้งในอดีตเช่นกัน แน่นอนค่ะว่าจะไปที่ไหนก็ต้องมีการแนะนำการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับสถานที่จากอาจารย์และผู้ที่ดูแลสถานที่นั้นๆอยู่แล้วแหละ และเมื่อมีผู้เชื่อฟังก็ต้องมีผู้ไม่ฟัง!!!!และนั้นแหละค่ะคือหายนะของผู้ที่ลองดี การเข้าค่ายครั้งนี้คือ2คืน3วันคืนแรกเราก็ทำตามการอบรมและปฏิบัติตนตามแบบผู้ถือศิลเลยค่ะโดยมีพระอาจารย์ที่ประจำอยู่ที่วัดนั้นเป็นผู้ที่อบรมและให้คำแนะนำตามทุกขั้นตอนของกิจกรรมจนจบกิจกรรมวันนั้น ก่อนนอนท่านก็ให้คำแนะนำและคำสอนว่า

"สถาที่นี้มีความศักสิทธ์และมีความเป็นมาเพราะฉนั้นไม่ว่าพวกท่านจะทำอะไรก็ขอให้รู้สติ และรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำถึงเวลานอนให้นอนไม่เตร่ดเต่ไปมา ถึงเวลาตื่นให้ตื่น ถึงเวลาพักให้พักแบบไม่ดูหมิ่นใคร ไม่ทำตัวอุจารตา ไม่ดื่มสิ่งที่ไม่ควรดื่ม ไม่เสพสิ่งที่ไม่ควรเสพ ไม่ถ่มน้ำลายไปทั่ว ห้องน้ำมีให้เข้าเมื่อต้องทำธุระก็ให้เข้าเป็นที่เป็นทาง ไม่เรี่ยราดไปทั่ว"
หลังจากที่พระอาจารย์ท่านให้คำสอนและคำแนะนำทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้วเข้า คืนแรกผ่านไปได้ด้วยดีค่ะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยส่วนตัวอังคารเองหลับสบายดี ก่อนนอนก็ไหว้พระบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางตามคำสอนของคุณแม่ตามปกติ จนถึงเวลาตี4ครึ่งก็ลุกขึ้นมาจัดการธุระตัวเองก่อนจะไปร่วมตัวกันตอนตี5เพื่อเดินจงกลมตามกำหนดการ กวาดลานวัด บำเพ็ญประโยชน์ทั่วไป จนถึงเวลาค่ำและซิกเนอร์เจอร์อยู่ที่คืนนี้แหละค่ะ หลังจากที่สวดมนต์ทำสมาธิเหมือนผู้ถือศิลตามเดิมเสร็จ คนส่วนใหญ่ก็เข้านอนเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาทำกิจกรรมตอนเช้าแต่มันก็มีพวกที่ไม่ปกติดันทะลึ่งเอาเหล้ามานั่งตั้งวงกันบริเวณหลังวัด หนึ่งในที่เจอดีเล่าให้ฟังว่า

"ช่วงประมาณ5ทุ่มเกือบเที่ยงคืนผมกับเพื่อนๆนั่งกินเหล้ากันอยู่และสูบกัญชากันพอเริ่มเมาทั้งเหล้าและกัญชาก็มีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ก็พูดเรื่องผีขึ้นมาแล้วบอกเขาว่ากันว่าที่นี่เฮี้ยนมาก ก่อนจะมีอีกคนพูดแทรกว่าผีBuffaio No R (ภาษาไทย)อะไรกูไม่กล้าหรอกถ้ามีจริงก็มาเหอะกูจะแตะให้ดู หลังจากที่พูดจบผมก็บอกว่าเฮ้ย!!ก็พูดไปถ้าเกิดเป็นผู้หญิงขึ้นมาจะเตะลงเหรอ5555"

"ถ้าเป็นผู้หญิงกูจะดูก่อนว่าสวยมั้ยถ้าสวยจะเอาสักที แต่ถ้าไม่สวยกูจะถีบหน้าให้"

"หลังจากพวกผมพูดจบประเที่ยงคืนครึ่งได้ผมก็รู้สึกปวดฉี่เลยเดินไปฉี่ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งแต่ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไรเพราะมันมืด แต่ตอนที่ผมฉี่อยู่ อยู่ก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดใกล้หูว่า ปากดีนักนะไอ้พวกยิ้ม!!!โดยเสียงที่ได้ยินคือเสียงผู้ชายที่ดุมากๆและสักพักก็ได้ยินเสียงเพื่อนคนหนึ่งร้องดังขึ้น ดังมากเป็นเสียงโว้ยวายว่ากลัวแล้ว ปล่อยผม กลัวแล้วช่วยด้วยผีหลอกพอผมได้ยินก็หันไปดูแต่พอผมหันไปก็เห็นคนนับร้อย เป็นกลุ่มใหญ่มากเป็นผู้ชายสูงใหญ่ในมือถือดาบถือไม้ที่เหมือนโล่กำบัง ม้า ช้าง วิ่งเข้าเหยียบวงเหล้าที่พวกผมนั่งกินกันเสียงฝีเท้า และเสียงโห้ร้องดังมากผมเห็นเพื่อนของผมโดนเหยียบลงไปบนร่างแล้วร้องด้วยความเจ็บปวด ตอนนั้นผมงงมากว่าเกิดอะไรขึ้นตกใจและกลัวมาก หันหลังจะวิ่งนี้แต่เจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งถีบผมจนล้ม ตอนนั้นผมร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดเสียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีใครได้ยิน พยายามลุกขึ้นแหละวิ่งหนีแต่วิ่งเท่าไหร่ก็วนอยู่ที่เดิมจนเห็นว่าเพื่อนๆและอาจารย์ตื่นขึ้นมาเดินจงกลมกันแล้ว ก็รู้เลยว่านี่มันตี5แล้วเลยร้องขอความช่วยเหลือ ผมจำได้ว่าร้องดังมากและยืนอยู่ใกล้มากๆแต่ทุกคนทำเหมือนไม้ห็นผมเลย และไม่สนใจผมเลย จนผมได้ยินเสียงเดิมบอกว่าไม่มีใครได้ยินหรอกไอ้ยิ้ม!!!แล้วอยู่ๆผมก็ภาพตัดไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นมาแล้วนอนอยู่ตรงที่วงเหล้านี่แหละ"

ย้อนไปก่อนที่จะเจอกับกลุ่มนักศึกษาขาซ่ากลุ่มนี้นะ ตอนนั้นหลังจากที่อังคารและนักศึกษาร่วมถึงอาจารย์ตื่นเช้ามาเดินจงกลมกันตามกำหนดกิจกรรมเสร็จก็บำเพ็ญประโยชน์กันเล็กน้อยเก็บกวาดเรือนนอน ล้างห้องน้ำ เพื่อตอบแทนทางวัดที่ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลยตลอดการเข้าค่ายครั้งนี้แม้แต่บาทเดียว หลังจากนั้นเวลาประมาณ11.00น.ก็ให้นักศึกษาและอาจารย์พักทานข้าวในโรงทานที่ทางวัดเตรียมให้ก่อนที่อาจารย์จะแจ้งกับนักศึกษาว่าให้กลับไปเก็บข้าวของก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครกันตอน11.45น.ก่อนกลับอาจารย์ได้เช็คจำนวนนักศึกษาแล้วพบว่านักศึกษาหายไป4คนเลยตามหากันทั่วทั้งวัด แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เวลาผ่านไปประมาณ2ชั่วโมงก็ยังไม่เจอ จนสุดท้ายมีลุงคนหนึ่งที่อยู่ที่วัดพูดขึ้นมาว่า

"ไม่ใช่ว่าเจอดีเข้าแล้วเหรอ อาจารย์ลองจุดธูปบอกกล่าวดูมั้ยล่ะเพื่อจะเจอนะ"

จนตอนนั้นคณะอาจารย์ก็ปรึกษากันและตกลงกันว่าจะลองทำตามที่ลุงคนั้นพูดดูก็จุดธูปกลางแจ้งแล้วกล่าวคำขอจนจบปักธูปลงดินเรียบร้อยหลังจากนั้นก็ร้องเดินหาใหม่อีกครั้ง เชื่อมั้ยครั้งนี้เจอค่ะทุกคนขนลุกมากเพราะอีจุดที่เจอน่ะคือจุดที่เดินหาไปแล้วถึงสามรอบแต่ไม่เจอสักรอบและมาเจอเอารอบสุดท้ายหลังจากจุดธูปนี่ สภาพแต่ล่ะคนอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดจนต้องหามส่งรพ.หลังจากไปรพ.ให้หมอตรวจร่างกายพบว่าตามร่างกายของทั้ง4คนมีรอยช้ำตามตัวทุกคน ก่อนที่อาจารย์จะถามแล้วนักศึกษาคนนั้นก็เล่าให้ฟังตามที่บอกไปเลย เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเล่าในวงนักศึกษาไปพักใหญ่ก็ไม่รู้นะว่าคาวใจริงเป็นยังไงไม่รู้ว่ามันหลอนกันเองรึเปล่าแต่ที่น่าแปลกใจคือการหาจนทั่วแต่ไม่เจอและพอเจอจุดนั้นมันก็คือจุดที่เคยหาไปแล้วมันเลยแปลกตรงที่แล้วทำไมมันไม่เจอแต่แรกวะ แต่ถ้าสิ่งที่มันเจอกันเป็นเรื่องจริงบอกได้คำเดียวสมน้ำหน้า สมควร!!!!โดนน้อยไปด้วยทำตัวดีๆแค่สองสามวันมันจะตายเลยรึไง อ่านแล้วคิดเห็นยังไงก็ลองคอมเม้นกันดูนะคะส่วนตัวอังคารเองมีความเชื่อว่าไม่ว่าเราจะไปไหนทำอะไรควรให้เกีรยติสถานที่นั้นๆเพราะมันคือพื้นฐานของมารยาทที่ทุกคนควรมี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่