พ่อแม่ของฉัน


สวัสดีค่ะ อยากแชร์เรื่องราวพ่อแม่ของตัวเองเพื่อระบายความกดดันและความทุกข์ใจของเราเช่นเคย (เราเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับพ่อแม่มาแล้ว1กระทู้) กระทู้นี้ก็เป็นเรื่องของพ่อแม่เราที่เริ่มต้นจากเหตุการณ์เมื่อ3-4ปีที่ผ่านมาหลังจากเราแยกตัวออกมาทำธุรกิจค้าขายกับแฟน เราไม่เคยขอเงินพ่อแม่อีกเลย บางครั้งบางคราวที่เราพอมีเหลือเก็บเหลือกินจะแบ่งให้ท่านเสมอ จนวันนึงเรากลับบ้าน(คนเดียว)  ด้วยความที่เราเคยทำงานประจำมาก่อนและเจ้านายให้โบนัสเป็นสร้อยคอทองคำ เราเลยใส่กลับบ้านไป กลับถึงบ้ายพ่อแม่ให้เรารีบถอดสร้อยบนคอเราเก็บใส่กล่อง เราบอกพ่อแม่ว่าอยู่บ้านคงไม่มีใครมากระชากไปจากคอเราหรอก ไม่ต้องห่วงเลย แต่พ่อแม่ยังว่าเราต่อว่าใส่มาทำไม แถมยังใส่ขึ้นรถขึ้นราไม่พกให้มิดชิด (แอบงงว่าสร้อยเส้นเดียวทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนี้ แต่อีกใจก็คิดไปว่า คงกลัวเราเป็นอันตราย)  จนวันที่เราต้องกลับมาที่บ้านแฟนเรา พ่อแม่ไปส่งเรารอรถที่ถนนหน้าหมู่บ้าน ระหว่างรอพ่อก็จะพูดถึงเรื่องเป็นห่วงใส่ทองทำไม หลายๆรอบ จนเราเริ่มหงุดหงิดใจ เราเลยเอาเสื้อคลุมแจ็คเก็ตมาใส่ละรูดซิปถึงคอไปเลย ตอนนั้นพ่อก็ยังไม่หยุดพูด กลัวขโมยมาลักไป กลัวคนกรีดกระเป๋าต่างๆนานา จนรถที่เราจะขึ้นใกล้มาจอดถึงจุดทีรอ พ่อเราบอกให้เราเอาทองมาเก็บไว้ที่แม่ พูดเหมือนเร่งรัดเราไปในตัว จนเราทนรบเร้าไม่ไหวเลยถอดออกจากคอเราไปให้แม่ แล้วพูดว่าเอาไว้ที่บ้านก็ได้ จะได้ไม่ต้องห่วง สังเกตุสีหน้าพ่อแม่มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที พอเรากลับถึงบ้านแฟน แฟนถามสร้อยที่คอหายไปไหน เราบอกไปว่าถอดให้พ่อแม่ไปแล้ว แฟนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร จนเมื่อปีที่ร้านค้าเราประสบวิกฤติโควิด ช่วงนั้นร้านเราขายไม่ได้เลย หมุนเงินไม่ทัน เรานึกขึ้นได้ว่าเราฝากทองไว้ที่แม่ เราจึงโทรไปหาแม่เผื่อจะเอาทองที่บ้านมาขายหมุนเงินทำทุนประคองร้านก่อน แม่เราตอบมาว่าจะขายทำไม ขายไปแล้วจะมีปัญญาซื้อมาอีกไหมล่ะ (สร้อยเราได้จากการทำงาน/จากโบนัสประจำปี)เราเลยบอกเหตุผลแม่ไปว่าเราจำเป็นต้องเอามาใช้ทำทุน แม่ก็พูดอีกว่า ก็เป็นแบบนี้แหละเลือกอยากจะค้าขายเองไม่หางานประจำทำเอา เราคุยกะแม่แล้วไม่ได้ผลใดๆ เราเลยคุยกับพ่อ ซึ่งได้การตอบกลับมาแบบเดียวกันกับแม่ว่าไม่ให้ขาย และพ่อแม่ก็ไม่ได้ให้เงินเรายืมเงินมาหมุนอีกด้วย ตอนนั้นเรากับแฟนเครียดมากๆ  แฟนเราพยายามหาทุนมาหมุน ทั้งขอพ่อแม่ฝั่งเขาและหยิบยืมจากเพื่อนฝูง จนผ่านพ้นความลำบากช่วงนั้นไปได้อย่างทุลักทุเล ในขณะที่พ่อแม่เราเองไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ จนมาถึงปัจจุบันล่าสุด เราจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อมาชำระหนี้กู้ยืมเรียนป.ตรีของตัวเอง(ไม่เกี่ยวกับการลงทุนที่ร้าน)  เราเลยโทรคุยกับแม่อีกครั้ง ครั้งนี้แม่ก็ยังบ่ายเบี่ยง แต่เราตื้อถามทุกวัน จนสุดท้ายแม่จะให้เราเอาไปขายแต่มีข้อแม้ว่าต้องไปขายกับแม่และต้องมีส่วนแบ่งให้เขาด้วย (ทองหนักแค่2สลึง😂😂) เรารู้สึกว่าพ่อแม่คือผู้มีพระคุณแต่บางทีก็รู้สึกว่าพวกท่านแปลกๆ และมีความคิดที่เราไม่เข้าใจ ที่สำคัญเราเป็นลูกคนเดียวแต่พ่อแม่เราทำเหมือนว่าเราต้องคอยดูแลเขาโดยที่เขาก็ไม่เคยถามความลำบากของเราเลยเช่นกัน ยกตัวอย่างเวลาเราโทรหาแม่ ปกติโทรเกือบทุกวันค่ะ และแม่เราจะบอกแต่ความเดือดร้อนของเขา ไม่มีตังบ้าง ต้องหายืมคนอื่นบ้าง แทบจะไม่สนใจเรื่องถามสารทุกข์สุกดิบของเราเลยสุดท้ายแม่จะตัดบทสนทนาด้วยคำพูดที่ว่า เหนื่อยทุกวันเลยได้ตังก็น้อย แค่นี้ก่อนนะ เหนื่อย  คนเป็นลูกฟังแล้วรู้สึกท้อใจและหนักใจเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่