จัดหนัก จัดเต็ม! ขบวนพาเหรด “ล้อการเมือง” ฟุตบอลประเพณี“จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์”
https://siamrath.co.th/n/525684
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 เวลา 13.00 น.ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย นิสิต นักศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน"ฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุฬา-ธรรมศาสตร์ 2024" โดยปกติแล้วสมาคมศิษย์เก่าจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน และมีการใช้วิธีการแปรอักษรเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมที่เป็นสมุด มาเป็นจอ LED เนื่องจากสมุดภาพต่างๆ ต้องใช้เวลาซ่อมแซม เพราะไม่ได้จัดงานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯมานานกว่า 4 ปี ทำให้ชมรมเชียร์และแปรอักษร จุฬาฯ ตัวก่อนว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้
ขณะที่ไฮไลท์สำคัญของงานยังคงอยู่ที่ขบวนพาเหรด ซึ่งปีนี้ธรรมศาสตร์มาในธีม ผสมผสานความหรูหราแสงสีและเสรีภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสะท้อนเรื่องของความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ สีผิว รูปร่างหน้าตา และยังมีการ รำลึกประวัติศาสตร์ "กว่าจะเป็นธรรมศาสตร์"
ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีนี้มาในธีม ทลายกำแพงที่ตีกรอบศักยภาพของมนุษย์ พร้อมสะท้อนสังคมที่ชนชั้นนำมีอภิสิทธิ์ชนมากกว่าคนทั่วไป ก่อนจะทิ้งท้าย ด้วยบทกลอนเหน็บรัฐบาล ว่า "
เกือบ 1 ปีกี่ผลงานท่านว่าเด่น ยังไม่เห็นคืบหน้าน่าสงสัย หนีบกระเป๋าเป็นเซลล์แมนในแดนไกล ขายผ้าไทยหรือขายหน้าลองคิดดู ปั่นสองล้อการเมืองทะเลหมอก แล้วก็บอกเงินหมื่นรอหน่อยสู พอนายพี่พ้นคุกนึกคำครู ว่ากฎหมายใช่กดหมู่หรือกฏ(ด)ใคร
แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่"
ล้อการเมืองธรรมศาสตร์" ภายใต้ธีม ล้อการเมืองกลับมาแล้ว หลังจากห่างหายไปนานกว่า 4 ปี เปิดขบวนมาด้วย บทกลอนเสียดสี "
ล้อรถหมุน ส่งขังชน คนชังชาติ การประกาศใช้กฎหมา ล่าล้างผลาญ / เมืองหยุดนิ่งหยุดทุกสิ่ง โดยมวลมาร ไทสราญ ใต้ศักดา อมาตยาธิปไตย / และมีการล้อเลียนป้าย Welcome ที่ครอบครัวชินวัตรทำต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร
และตามมาด้วยขบวนพวงหรีดไว้อาลัย ก่อนจะติดแฮชแท็ก ภาพประเทศไทยในฝันของใคร ฝันใหญ่ประชาเท่าในกฎหมาย ฝันมากมายคนเท่าในศักดิ์ศรี ฝันมากมายของข้าถูกย้าย ฝันข้านี้ดับโดยท่านทุชนา
ก่อนปิดขบวนนี้ด้วยหุ่นล้อเลียน ที่ด้านหน้ามีหน้าตาคล้ายอดีตผู้นำ คิ้วหน้า แต่ทรงหน้าเหลี่ยมแต่งกายชุดทหาร และด้านหลัง ก็เป็นทรงหน้าเหลี่ยมคล้ายอดีตผู้นำอีกท่าน สวมสูท พร้อมคำบรรยายว่า "
มือจับเปลี่ยนหัววางตัวหมากเบี้ย ตัวเก่าเสียถึงคราววางหมากใหม่ / ไอ้บั--บดีลกันได้ไอ้-ังไร สงสัยไหมใครนั้นวางหมากขึ้นมา / โอนไวไม่มีเท็จ? ดิจิตอลวอเล็ต888 /ปัดขวาเลือกก้าวไกล ชายแท้ที่จริงใจ
จากนั้นเป็นขบวนพิซซ่าหน้า 112 จากนั้นมีบรรยายว่า ขบวนนี้ห้ามพูดถึง ม.112 สิทธิ์ประกันตัวเท่ากับสิทธิ์มนุษยชน รัฐซ้อนรัฐ(ทาทุย) ศาลใครชงงงประชาชนตั้งเพื่อใคร กกต.ชงศาลยิ้ม
ขณะที่ขบวนสุดท้ายเป็นเรื่องของแรงงาน โดยมีป้ายล้อเลียนว่าแรงงานทำงาน สส. ทำทรง ประชาชนยืนงง สภาทำไร นายทุนร่วมใจ ประชาไทยร่วมตน ค่าไฟอย่างแพงค่าแรงอย่างถูก เป็นต้น
ก่อนจะปิดท้ายขบวนล้อการเมืองธรรมศาสตร์ ด้วย ว่าวสีส้ม มีรูปนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คาดหน้า ติดอยู่ในว่าวด้วย
ก้าวไกล ซุ่มติวเข้มจัดเต็มซักฟอก รบ. แย้มแม้หัวข้อไม่หวือหวา แต่เนื้อหาน่าจับตา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4502599
ก้าวไกล ซุ่มติวเข้มจัดเต็มซักฟอก รบ. แย้มแม้หัวข้อไม่หวือหวา แต่เนื้อหาน่าจับตา
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคก้าวไกล ในการเตรียมความพร้อมการอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.ก้าวไกลที่ร่วมอภิปรายได้ลงตารางคิวเพื่อเข้าที่ทำการพรรค ในการซักซ้อม และนำข้อมูลที่เตรียมไว้มารีเช็กอีกครั้ง
โดยมี นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค เป็นผู้ดูแลเนื้อหาการอภิปราย และจะยังมีการเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าพรรคพูดคุย เพื่อปรับปรุงข้อมูลต่างๆ รวมทั้งติวเข้มเพิ่มเติมจนถึงวันที่ 2 เมษายน ก่อนการอภิปรายวันที่ 3-4 เมษายนนี้
ทั้งนี้ การซักฟอกในครั้งนี้จะมีผู้อภิปรายหน้าใหม่เข้ามาร่วมด้วย โดยแหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า แม้หัวข้อการอภิปรายของ ส.ส.หลายคนจะไม่แปลกใหม่ หรือหวือหวาเท่ากับครั้งก่อนๆ แต่ข้อมูลที่ค้นพบนั้นก็ถือว่าน่าสนใจและควรจับตามอง
‘โรงแรม’ โอดต้นทุนพุ่งหลายเด้ง น้ำมัน-ค่าจ้าง-ค่าไฟ เจอช่วงโลว์ซีซั่นซ้ำ วอนรบ.ช่วยตรึงต้นทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4502272
“โรงแรม”โอดต้นทุนพุ่งหลายเด้ง น้ำมัน-ค่าจ้าง-ค่าไฟ เจอช่วงโลว์ซีซั่นซ้ำ วอนรัฐบาลช่วยตรึงต้นทุน
นาย
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมในขณะนี้ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้วเป็นระลอก ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบนี้ เพราะเป็นการเลือกรายเซกเตอร์ ไม่เท่าเทียมกันในภาพรวม ทำให้ความกังวลในตอนนี้เป็นเรื่องการมีต้นทุนในธุรกิจเพิ่มขึ้น
เพราะราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันขึ้นแบบนี้ กลัวว่าค่าไฟฟ้าจะปรับขึ้นตามมาอีก เพราะที่ผ่านมาต้นทุนทั้ง 2 อย่างมักขะปรับขึ้นลงสอดคล้องกัน โดยค่าไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนต้นทุน 8-10% ของธุรกิจโรงแรม รวมกับค่าจ้างที่อยู่ประมาณ 25-30% ที่ปกติโรงแรมก็จะแบกรับต้นทุนทั้ง 2 อย่างนี้มากพอสมควร
นาย
เทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อราคาการขายห้องพัก หากปรับในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) เดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไป ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งต่อต้นทุนไปยังราคาขายได้ เพราะเป็นช่วงที่ห้องพักขายได้ยากอยู่แล้ว และเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป กังวลว่าจะร้อนมากกว่าปี 2566 ตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ดังนั้นรัฐบาลควรเตรียมมาตรการรองรับ
เพื่อไม่ให้ปรับค่าไฟฟ้าในอัตราสูงมากเหมือนที่มีบทเรียนมาแล้วช่วงปี 2566 เพราะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการและภาคประชาชนเองด้วย หากปรับขึ้นจะกระทบต่อประชาชนในวงกว้างแน่นอน เพราะหน้าร้อนก็เท่ากับใช้ไฟมากขึ้น ทั้งเพื่อความเย็นของบุคคล การบริการลูกค้า และการเก็บถนอมวัตถุดิบด้วย
“
การปรับขึ้นของต้นทุนธุรกิจ อาทิ ค่าไฟฟ้า แม้ขึ้นมาเพียง 2-3% ก็ถือเป็นต้นทุนที่มีสูงมากแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจโดยตรง เพราะผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระมากขึ้น ที่ผ่านมาโรงแรมพยายามปรับตัว ทั้งการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อช่วยลดความร้อนในสถานประกอบการ
แต่ก็ต้องควบคุมให้อากาศเย็นเพียงพอด้วย เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ ส่วนการช่วยเหลือจากรัฐบาล เราก็ไม่ได้อยากขอว่าอยากจะได้สิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ แต่หากรัฐบาลมีมาตรการช่วยพยุงต้นทุนไม่ให้ขึ้นไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยภาคธุรกิจ แต่เป็นผลดีกับประชาชนในภาพรวมด้วย” นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าว
นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าจ้างขณะนี้ อัตราค่าจ้างสูงกว่าขั้นต่ำที่กำหนดไว้แล้ว บวกกับมีเซอร์วิสชาร์จแก่พนักงานในส่วนต่างๆ เพิ่มอีก สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดระบาด ปี 2562 ด้วย อย่างไรก็ตามแม้การขึ้นค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% ยกเว้นบางจังหวัด ที่หากปรับขึ้นเป็นวันละ 400 บาท เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นถึง 17% คำถามคือหลักการในการเลือกเฉพาะธุรกิจโรงแรม ระดับของโรงแรม
และพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น มาจากอะไรมากกว่า เพราะหากประเมินเพียงการขึ้นค่าจ้างเฉพาะกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่สามารถจ่ายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้นทุนที่แบกรับจะไม่มีเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้โดนหลายเด้ง ทั้งต้นทุนธุรกิจเพิ่ม ต้นทุนบริการเพิ่ม และเข้าหน้าโลว์ซีซั่นแล้วด้วย
ตำรวจบุกค้นบ้าน ปธน.เปรู ปมนาฬิกาข้อมือหรู
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2774836
ตำรวจบุกตรวจค้นบ้านพักของประธานาธิบดีเปรู เพื่อค้นหานาฬิกาข้อมือหรู ซึ่งไม่มีการแจกแจงอยู่ในรายการทรัพย์สิน
ประธานาธิบดี
ดินา โบลูอาร์เต ของเปรู กล่าวว่า เธอจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเจ้าหน้าที่บุกค้นบ้านพักของเธอเพื่อค้นหานาฬิกาหรู ซึ่งผู้นำเปรูไม่ได้ระบุในบัญชีรายการทรัพย์สิน และเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนความเป็นไปได้ถึงความร่ำรวยที่ผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ประมาณ 20 คนจากสำนักงานอัยการ และตำรวจ 20 คน บุกค้นบ้านของ นาง
โบลูอาร์เต ในคืนวันศุกร์ที่ (29 มี.ค.) และบุกค้นทำเนียบประธานาธิบดีในเช้าวันเสาร์ โดยบ้านพักของประธานาธิบดี
โบลูอาร์เต ตั้งอยู่ในเขตเซอร์กีโญ ในกรุงลิมา ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดีเพียงไม่กี่กิโลเมตร
ประธานาธิบดี
โบลูอาร์เต กล่าวในการแถลงว่า เธอเข้ารับตำแหน่งด้วยมือที่สะอาด และเธอจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีหลังครบวาระในปี 2569 และเรียกการบุกค้นครั้งนี้ว่าเป็นมาตรการที่ไม่เหมาะสม และกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดตามที่ได้รับการร้องขอ พร้อมเสริมว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรีเปรู
กุสตาโว อาเดรียนเซน แสดงการวิพากษ์วิจารณ์การบุกค้นดังกล่าวว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและทั้งประเทศ และระบุว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เมื่อสองสัปดาห์ก่อนอัยการเริ่มการสอบสวนเบื้องต้นหลังจากรายงานของ "
ลา เอนเกอร์โรนา" สื่อทางอินเทอร์เน็ตที่ระบุว่าประธานาธิบดีเปรูครอบครองนาฬิกาโรเล็กซ์หลายเรือน โดยนางโบลูอาร์เตซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565 ยอมรับว่า เธอเป็นเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์เหล่านั้น ซึ่งเธอบอกว่า เธอซื้อด้วยเงินที่หามาได้ตั้งแต่เธออายุ 18 ปี
สำนักงานอัยการพยายามตรวจสอบนาฬิกาที่สำนักงานของนางโบลูอาร์เตเมื่อวันพุธ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ทนายความของเธอกล่าวว่าบันทึกการแจ้งการนัดหมายไม่ตรงกัน และมีความพยายามเลื่อนกำหนดการนัดหมายใหม่.
JJNY : 5in1 ขบวนพาเหรด“ล้อการเมือง”│ก้าวไกลซุ่ม│‘รร.’โอดต้นทุนพุ่ง│ค้นบ้าน ปธน.เปรู ปมนาฬิกาหรู│รัสเซียเตรียมเกณฑ์ทหาร
https://siamrath.co.th/n/525684
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 เวลา 13.00 น.ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย นิสิต นักศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน"ฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุฬา-ธรรมศาสตร์ 2024" โดยปกติแล้วสมาคมศิษย์เก่าจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน และมีการใช้วิธีการแปรอักษรเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมที่เป็นสมุด มาเป็นจอ LED เนื่องจากสมุดภาพต่างๆ ต้องใช้เวลาซ่อมแซม เพราะไม่ได้จัดงานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯมานานกว่า 4 ปี ทำให้ชมรมเชียร์และแปรอักษร จุฬาฯ ตัวก่อนว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้
ขณะที่ไฮไลท์สำคัญของงานยังคงอยู่ที่ขบวนพาเหรด ซึ่งปีนี้ธรรมศาสตร์มาในธีม ผสมผสานความหรูหราแสงสีและเสรีภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสะท้อนเรื่องของความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ สีผิว รูปร่างหน้าตา และยังมีการ รำลึกประวัติศาสตร์ "กว่าจะเป็นธรรมศาสตร์"
ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีนี้มาในธีม ทลายกำแพงที่ตีกรอบศักยภาพของมนุษย์ พร้อมสะท้อนสังคมที่ชนชั้นนำมีอภิสิทธิ์ชนมากกว่าคนทั่วไป ก่อนจะทิ้งท้าย ด้วยบทกลอนเหน็บรัฐบาล ว่า "เกือบ 1 ปีกี่ผลงานท่านว่าเด่น ยังไม่เห็นคืบหน้าน่าสงสัย หนีบกระเป๋าเป็นเซลล์แมนในแดนไกล ขายผ้าไทยหรือขายหน้าลองคิดดู ปั่นสองล้อการเมืองทะเลหมอก แล้วก็บอกเงินหมื่นรอหน่อยสู พอนายพี่พ้นคุกนึกคำครู ว่ากฎหมายใช่กดหมู่หรือกฏ(ด)ใคร
แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่" ล้อการเมืองธรรมศาสตร์" ภายใต้ธีม ล้อการเมืองกลับมาแล้ว หลังจากห่างหายไปนานกว่า 4 ปี เปิดขบวนมาด้วย บทกลอนเสียดสี "ล้อรถหมุน ส่งขังชน คนชังชาติ การประกาศใช้กฎหมา ล่าล้างผลาญ / เมืองหยุดนิ่งหยุดทุกสิ่ง โดยมวลมาร ไทสราญ ใต้ศักดา อมาตยาธิปไตย / และมีการล้อเลียนป้าย Welcome ที่ครอบครัวชินวัตรทำต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร
และตามมาด้วยขบวนพวงหรีดไว้อาลัย ก่อนจะติดแฮชแท็ก ภาพประเทศไทยในฝันของใคร ฝันใหญ่ประชาเท่าในกฎหมาย ฝันมากมายคนเท่าในศักดิ์ศรี ฝันมากมายของข้าถูกย้าย ฝันข้านี้ดับโดยท่านทุชนา
ก่อนปิดขบวนนี้ด้วยหุ่นล้อเลียน ที่ด้านหน้ามีหน้าตาคล้ายอดีตผู้นำ คิ้วหน้า แต่ทรงหน้าเหลี่ยมแต่งกายชุดทหาร และด้านหลัง ก็เป็นทรงหน้าเหลี่ยมคล้ายอดีตผู้นำอีกท่าน สวมสูท พร้อมคำบรรยายว่า "มือจับเปลี่ยนหัววางตัวหมากเบี้ย ตัวเก่าเสียถึงคราววางหมากใหม่ / ไอ้บั--บดีลกันได้ไอ้-ังไร สงสัยไหมใครนั้นวางหมากขึ้นมา / โอนไวไม่มีเท็จ? ดิจิตอลวอเล็ต888 /ปัดขวาเลือกก้าวไกล ชายแท้ที่จริงใจ
จากนั้นเป็นขบวนพิซซ่าหน้า 112 จากนั้นมีบรรยายว่า ขบวนนี้ห้ามพูดถึง ม.112 สิทธิ์ประกันตัวเท่ากับสิทธิ์มนุษยชน รัฐซ้อนรัฐ(ทาทุย) ศาลใครชงงงประชาชนตั้งเพื่อใคร กกต.ชงศาลยิ้ม
ขณะที่ขบวนสุดท้ายเป็นเรื่องของแรงงาน โดยมีป้ายล้อเลียนว่าแรงงานทำงาน สส. ทำทรง ประชาชนยืนงง สภาทำไร นายทุนร่วมใจ ประชาไทยร่วมตน ค่าไฟอย่างแพงค่าแรงอย่างถูก เป็นต้น
ก่อนจะปิดท้ายขบวนล้อการเมืองธรรมศาสตร์ ด้วย ว่าวสีส้ม มีรูปนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คาดหน้า ติดอยู่ในว่าวด้วย
ก้าวไกล ซุ่มติวเข้มจัดเต็มซักฟอก รบ. แย้มแม้หัวข้อไม่หวือหวา แต่เนื้อหาน่าจับตา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4502599
ก้าวไกล ซุ่มติวเข้มจัดเต็มซักฟอก รบ. แย้มแม้หัวข้อไม่หวือหวา แต่เนื้อหาน่าจับตา
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคก้าวไกล ในการเตรียมความพร้อมการอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.ก้าวไกลที่ร่วมอภิปรายได้ลงตารางคิวเพื่อเข้าที่ทำการพรรค ในการซักซ้อม และนำข้อมูลที่เตรียมไว้มารีเช็กอีกครั้ง
โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค เป็นผู้ดูแลเนื้อหาการอภิปราย และจะยังมีการเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าพรรคพูดคุย เพื่อปรับปรุงข้อมูลต่างๆ รวมทั้งติวเข้มเพิ่มเติมจนถึงวันที่ 2 เมษายน ก่อนการอภิปรายวันที่ 3-4 เมษายนนี้
ทั้งนี้ การซักฟอกในครั้งนี้จะมีผู้อภิปรายหน้าใหม่เข้ามาร่วมด้วย โดยแหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า แม้หัวข้อการอภิปรายของ ส.ส.หลายคนจะไม่แปลกใหม่ หรือหวือหวาเท่ากับครั้งก่อนๆ แต่ข้อมูลที่ค้นพบนั้นก็ถือว่าน่าสนใจและควรจับตามอง
‘โรงแรม’ โอดต้นทุนพุ่งหลายเด้ง น้ำมัน-ค่าจ้าง-ค่าไฟ เจอช่วงโลว์ซีซั่นซ้ำ วอนรบ.ช่วยตรึงต้นทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4502272
“โรงแรม”โอดต้นทุนพุ่งหลายเด้ง น้ำมัน-ค่าจ้าง-ค่าไฟ เจอช่วงโลว์ซีซั่นซ้ำ วอนรัฐบาลช่วยตรึงต้นทุน
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมในขณะนี้ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้วเป็นระลอก ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบนี้ เพราะเป็นการเลือกรายเซกเตอร์ ไม่เท่าเทียมกันในภาพรวม ทำให้ความกังวลในตอนนี้เป็นเรื่องการมีต้นทุนในธุรกิจเพิ่มขึ้น
เพราะราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันขึ้นแบบนี้ กลัวว่าค่าไฟฟ้าจะปรับขึ้นตามมาอีก เพราะที่ผ่านมาต้นทุนทั้ง 2 อย่างมักขะปรับขึ้นลงสอดคล้องกัน โดยค่าไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนต้นทุน 8-10% ของธุรกิจโรงแรม รวมกับค่าจ้างที่อยู่ประมาณ 25-30% ที่ปกติโรงแรมก็จะแบกรับต้นทุนทั้ง 2 อย่างนี้มากพอสมควร
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อราคาการขายห้องพัก หากปรับในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) เดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไป ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งต่อต้นทุนไปยังราคาขายได้ เพราะเป็นช่วงที่ห้องพักขายได้ยากอยู่แล้ว และเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป กังวลว่าจะร้อนมากกว่าปี 2566 ตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ดังนั้นรัฐบาลควรเตรียมมาตรการรองรับ
เพื่อไม่ให้ปรับค่าไฟฟ้าในอัตราสูงมากเหมือนที่มีบทเรียนมาแล้วช่วงปี 2566 เพราะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการและภาคประชาชนเองด้วย หากปรับขึ้นจะกระทบต่อประชาชนในวงกว้างแน่นอน เพราะหน้าร้อนก็เท่ากับใช้ไฟมากขึ้น ทั้งเพื่อความเย็นของบุคคล การบริการลูกค้า และการเก็บถนอมวัตถุดิบด้วย
“การปรับขึ้นของต้นทุนธุรกิจ อาทิ ค่าไฟฟ้า แม้ขึ้นมาเพียง 2-3% ก็ถือเป็นต้นทุนที่มีสูงมากแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจโดยตรง เพราะผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระมากขึ้น ที่ผ่านมาโรงแรมพยายามปรับตัว ทั้งการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อช่วยลดความร้อนในสถานประกอบการ
แต่ก็ต้องควบคุมให้อากาศเย็นเพียงพอด้วย เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ ส่วนการช่วยเหลือจากรัฐบาล เราก็ไม่ได้อยากขอว่าอยากจะได้สิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ แต่หากรัฐบาลมีมาตรการช่วยพยุงต้นทุนไม่ให้ขึ้นไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยภาคธุรกิจ แต่เป็นผลดีกับประชาชนในภาพรวมด้วย” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าจ้างขณะนี้ อัตราค่าจ้างสูงกว่าขั้นต่ำที่กำหนดไว้แล้ว บวกกับมีเซอร์วิสชาร์จแก่พนักงานในส่วนต่างๆ เพิ่มอีก สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดระบาด ปี 2562 ด้วย อย่างไรก็ตามแม้การขึ้นค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% ยกเว้นบางจังหวัด ที่หากปรับขึ้นเป็นวันละ 400 บาท เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นถึง 17% คำถามคือหลักการในการเลือกเฉพาะธุรกิจโรงแรม ระดับของโรงแรม
และพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น มาจากอะไรมากกว่า เพราะหากประเมินเพียงการขึ้นค่าจ้างเฉพาะกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่สามารถจ่ายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้นทุนที่แบกรับจะไม่มีเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้โดนหลายเด้ง ทั้งต้นทุนธุรกิจเพิ่ม ต้นทุนบริการเพิ่ม และเข้าหน้าโลว์ซีซั่นแล้วด้วย
ตำรวจบุกค้นบ้าน ปธน.เปรู ปมนาฬิกาข้อมือหรู
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2774836
ตำรวจบุกตรวจค้นบ้านพักของประธานาธิบดีเปรู เพื่อค้นหานาฬิกาข้อมือหรู ซึ่งไม่มีการแจกแจงอยู่ในรายการทรัพย์สิน
ประธานาธิบดีดินา โบลูอาร์เต ของเปรู กล่าวว่า เธอจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเจ้าหน้าที่บุกค้นบ้านพักของเธอเพื่อค้นหานาฬิกาหรู ซึ่งผู้นำเปรูไม่ได้ระบุในบัญชีรายการทรัพย์สิน และเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนความเป็นไปได้ถึงความร่ำรวยที่ผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ประมาณ 20 คนจากสำนักงานอัยการ และตำรวจ 20 คน บุกค้นบ้านของ นางโบลูอาร์เต ในคืนวันศุกร์ที่ (29 มี.ค.) และบุกค้นทำเนียบประธานาธิบดีในเช้าวันเสาร์ โดยบ้านพักของประธานาธิบดีโบลูอาร์เต ตั้งอยู่ในเขตเซอร์กีโญ ในกรุงลิมา ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดีเพียงไม่กี่กิโลเมตร
ประธานาธิบดีโบลูอาร์เต กล่าวในการแถลงว่า เธอเข้ารับตำแหน่งด้วยมือที่สะอาด และเธอจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีหลังครบวาระในปี 2569 และเรียกการบุกค้นครั้งนี้ว่าเป็นมาตรการที่ไม่เหมาะสม และกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดตามที่ได้รับการร้องขอ พร้อมเสริมว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรีเปรู กุสตาโว อาเดรียนเซน แสดงการวิพากษ์วิจารณ์การบุกค้นดังกล่าวว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและทั้งประเทศ และระบุว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เมื่อสองสัปดาห์ก่อนอัยการเริ่มการสอบสวนเบื้องต้นหลังจากรายงานของ "ลา เอนเกอร์โรนา" สื่อทางอินเทอร์เน็ตที่ระบุว่าประธานาธิบดีเปรูครอบครองนาฬิกาโรเล็กซ์หลายเรือน โดยนางโบลูอาร์เตซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565 ยอมรับว่า เธอเป็นเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์เหล่านั้น ซึ่งเธอบอกว่า เธอซื้อด้วยเงินที่หามาได้ตั้งแต่เธออายุ 18 ปี
สำนักงานอัยการพยายามตรวจสอบนาฬิกาที่สำนักงานของนางโบลูอาร์เตเมื่อวันพุธ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ทนายความของเธอกล่าวว่าบันทึกการแจ้งการนัดหมายไม่ตรงกัน และมีความพยายามเลื่อนกำหนดการนัดหมายใหม่.