ศาสนาพุทธสอนถึง "อัตตา"
สอน "อัตตา" เสียก่อน จึงค่อยสอน "อนัตตา"..
"อัตตา"คือตัวตนท่านสอนเบื้องต้น ให้พึ่งตนเอง
ตนของตนเป็นที่พึ่งของตน นี่เรียกว่าสอนถึงตัวตน
เมื่อสอน "อัตตา" แล้ว ให้คิดค้นถึงตัว "อัตตา"
ที่ว่าเป็นของตนของตัวนั้น มีอะไรเป็นของแน่นอนถาวร
แล้วเป็นตนเป็นตัวจริงไหม ..
คิดค้นไปถึง "อัตตา" แล้ว ไม่มีอะไรเป็นสาระ เช่น "ขันธ์ห้า"
"รูป" ก็ไม่ใช่ถาวรแน่นอน แก่เเฒ่า ชำรุดทรุดโทรมไป เป็นลำดับ
ห้ามไม่ได้ บอกไม่ฟัง ในผลที่สุดก็ดับสลายหายไป ..
"เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ" เป็นนามธรรมก็ทำนองเดียวกัน
"เวทนา" เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย เมื่อเหตุปัจจัยไม่มี เวทนาก็หายไป
"สัญญา สังขาร วิญญาณ" ก็เสื่อมสูญไปหมด ในผลที่สุด
ก็ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนถาวร ..
เห็น "ขันธ์ห้า" เป็นของไม่แน่นอนถาวรถึงจะวางได้
"วาง" นั้นแหละคือตัว "อนัตตา" ..
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45256
ศาสนาพุทธสอนถึง "อัตตา" สอน "อัตตา" เสียก่อน จึงค่อยสอน "อนัตตา"
สอน "อัตตา" เสียก่อน จึงค่อยสอน "อนัตตา"..
"อัตตา"คือตัวตนท่านสอนเบื้องต้น ให้พึ่งตนเอง
ตนของตนเป็นที่พึ่งของตน นี่เรียกว่าสอนถึงตัวตน
เมื่อสอน "อัตตา" แล้ว ให้คิดค้นถึงตัว "อัตตา"
ที่ว่าเป็นของตนของตัวนั้น มีอะไรเป็นของแน่นอนถาวร
แล้วเป็นตนเป็นตัวจริงไหม ..
คิดค้นไปถึง "อัตตา" แล้ว ไม่มีอะไรเป็นสาระ เช่น "ขันธ์ห้า"
"รูป" ก็ไม่ใช่ถาวรแน่นอน แก่เเฒ่า ชำรุดทรุดโทรมไป เป็นลำดับ
ห้ามไม่ได้ บอกไม่ฟัง ในผลที่สุดก็ดับสลายหายไป ..
"เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ" เป็นนามธรรมก็ทำนองเดียวกัน
"เวทนา" เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย เมื่อเหตุปัจจัยไม่มี เวทนาก็หายไป
"สัญญา สังขาร วิญญาณ" ก็เสื่อมสูญไปหมด ในผลที่สุด
ก็ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนถาวร ..
เห็น "ขันธ์ห้า" เป็นของไม่แน่นอนถาวรถึงจะวางได้
"วาง" นั้นแหละคือตัว "อนัตตา" ..
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45256