เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมได้มีโอกาสพบเจอในสมัยเรียนครับ โดยย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อนครับ ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ในช่วงมัธยม คือที่โรงเรียนผมจะเป็นโรงเรียนประจำครับตั้งอยู่ในส่วนที่ไกลมากจากตัวเมือง ด้วยความที่เป็นโรงเรียนประจำก็จะมีเรื่องเล่าต่างๆนาๆเลยครับ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้หรือทราบเลยครับว่าที่มีของเรื่องเล่าเนี่ยเริ่มมาจากไหน ส่วนตัวผมก็เคยฟังครับแต่ไม่เคยได้พบหรือเจอประสบการณ์กับตัวเองเลย จนสุดท้ายก็ได้เจอครับซึ่งมั่นใจ 100% ว่าไม่ได้คิดไปเอง ตาฝาดหรือหูแว่วแน่ๆครับ
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงนั้นผมทำงานซึ่งเป็นงานที่โรงเรียนจะมอบหมายให้ทำเพื่อจบการศึกษาครับ ก่อนอื่นผมจะอธิบายพื้นที่ก่อนนะครับ โรงเรียนของผมจะมีส่วนหอพักกับส่วนของโรงเรียนครับ ส่วนของที่เรียนจะอยู่ห่างจากหอพักประมาณ 500 เมตรครับซึ่งทางเดินจะผ่านบึงน้ำใหญ่ครับ โดยปกติครับถ้าเราจำเป็นที่จะต้องทำกิจกรรมช่วงกลางคืนเราต้องทำการขออนุญาตครูเวรครับ เพื่อเข้าไปทำกิจกรรมบนตึกเรียนได้ ซึ่งก็จะมีครูปกครองซึ่งดุมากๆครับคอยเดินตรวจทั่วตึกเรียนเลยครับ นักเรียนก็จะกลัวกันมากจึงไม่มีใครกล้าแอบทำกิจกรรมตอนกลางคืนถ้าไม่ขออนุญาตครับ วันที่เกิดเรื่องผมมีเหตุสุดวิสัยที่จะต้องแอบขึ้นอาคารเรียนเพื่อไปเอาของมาใช้ทำงานครับ
พอมาถึงตัวอาคารผมกับเพื่อน 1 คน ขอแทนชื่อว่าเอแล้วกันนะครับ ผมก็คุยกับเอว่า
"เดี๋ยวรอกูตรงนี้นะ กูขึ้นไปเอาของแปปเดียว เดี๋ยวมา"
โดยให้เพื่อนรออยุ่ข้างล่างตึกครับ เพราะกลัวครูปกครองเดินตรวจแล้วจะหนีกันไม่ทันถ้าไป 2 คนคนเดียวมันจะคล่องตัวกว่า ผมก็ขึ้นไปชั้น 3 ครับ โดยขวามือจะเป็นห้องน้ำครับ ซ้ายมือจะเป็นห้องเรียน ซึ่งบริเวณทางเดินของอาคารมันจะทำมุม 90 องศากับจุดที่ผมขึ้นมาเหมือนลักษณะทาง 3 แพร่งครับ คือคนอยู่ตรงทางเดินก็จะมองไม่เห็นผมครับ อาคารนี้จะมีบันได 2 ฝั่งครับ ฝั่งตะวันตกจะเป็นห้องทำงานก็เปิดไฟสว่างเลย แต่ผมต้องขึ้นมาเอาของที่ห้องฝั่งตะวันออกเพื่อที่จะไปเอาของซึ่งมืดมากเพราะไฟจากห้องฝั่งตะวันตกส่องมาไม่ถึง ผมก็ใช้โทรศัพท์ครับ ซึ่งสมัยนั้นหน้าจอมันจะเล็กมาก แนบไปกับผนังห้องให้ออกไปแค่ส่วนของกล้องเพื่อเช็คว่ามีคนเดินบริเวณทางเดินไหม เพราะกลัวโดนจับได้ครับ ก็เอากล้องส่องไปแล้วเพ่งมองหน้าจอครับเพราะมันเล็กจริงๆ พอเห็นว่าทางเดินโล่ง ทางสะดวก เพราะมีแสงห้องหัวมุมอีกฝั่งส่องครับพบว่าไม่มีเงาคน ผมก็โล่งใจ แต่ว่าในหน้าจอโทรศัพท์มันมีบางอย่างแปลกครับ ....
สิ่งที่แปลกในหน้าจอโทรศัพท์คือ บริเวณห้องตรงกลางของอาคาร มันมีบางอย่างยื่นออกมาครับ แต่ที่ผมเอะใจคือมันยื่นออกมาบริเวณช่องลมระบายอากาศด้านบนห้องอะครับซึ่งมันสูงมาก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้กลัวนะแต่งงว่ามันคืออะไร เลยพยายามซูมเข้าไปครับ ซูมไปเรื่อยๆแล้วผมก็ตั้งใจดูครับ ลักษณะมันดูแบบเหมือนสาหร่ายมากคือมันหยิกๆยาวๆครับ ผมก็งงนะ ผ่านไปแปปเดียวครับระหว่างที่ผมกำลังงงว่าสิ่งนั้นคืออะไร สัตว์ ป้ายบอกเลขห้องหรืออะไรก็ตาม แต่ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งลี้ลับนะครับ จังหวะนั้นเงานั้นอะมันหันมาครับ หันขวับแบบผมรู้เลยว่าที่เราคิดว่ามันคือสาหร่ายนั่นน่ะมันคือผมคนชัดๆเลย ผมคนที่มันหยิกๆแล้วเปียกน้ำ เพราะตอนเขาหันมาเส้นผมหยิกๆมันมีแรงตามมาด้วยครับ และยิ่งกว่านั้นที่ผมเห็นว่ามันมีลักษณะเหมือนหน้าคน เพราะว่าบริเวณตาเขาอะครับมันมีเงาสะท้อนของแสงซึ่งพอมาคิดตอนนี้ก็แปลกเหมือนกันครับว่าทำไมถึงมีแสงสะท้อนทั้งๆที่ตัวเขากำลังย้อนแสงอยู่ ตอนนั้นคือผมตกใจมากครับทำอะไรไม่ถูก แทนที่จะเก็บโทรศัพท์ผมกลับพยายามจะซูมออกเพราะว่าตกใจครับ (นึกตอนนี้ก็ตลกตัวเองแต่ ณ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกครับ) แต่ที่นี้ซูมยังไงก็ซูมไม่ออกครับ แล้วเงานั้นก็ย้อนกลับเข้าไปในห้องแบบเหมือนถอยเข้าไปดื้อ ๆ ครับ ผมก็ค้างไป ตกใจมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกือบช็อคเลยคือ มีเสียงเย็นๆเนิบๆพูดมาด้านซ้ายข้างหูว่า
“แอบดูกูอยู่เหรอ”
ผมหันไปทางที่มาของเสียงทันทีครับด้วยความตกใจ ก็เห็นคนยืนข้างๆแบบชิดตัวเลยแล้วหันหน้ามาหาครับเป็นผู้หญิงตัวเปียกๆเปื้อนๆผมหยิกๆกลิ่นชื้นๆกำลังยิ้มให้ (ปัจจุบันยังจำได้ดีครับว่าตอนนั้นกดดันแค่ไหน) จังหวะนั้นผมก็ร้องเสียงดังเลย วิ่งครับแบบไม่กลัวครูปกครองแล้ว วิ่งแบบไม่คิดชีวิตพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ตามมาครับ จะกลับทางเดิมก็ไม่ได้ครับเพราะต้องผู้หญิงคนนั้น จึงวิ่งไปทางฝั่งตะวันตก เพราะมีไฟและอาจจะมีคนช่วยแต่ไม่มีใครอยู่ครับ (ช่วงนั้นเปิดเทอมใหม่ๆจึงไม่มีคนมาทำงานครับ) จึงวิ่งไปลงชั้น 1 วิ่งไปหาเพื่อนที่รอข้างล่างครับ เพื่อนเห็นผมเขาวิ่งหนีผมเฉยเลย ตอนนั้นผมก็งงในใจว่าไอเอจะหนีเราทำไมวะ เพราะใจเรากลัวอยากมีเพื่อนข้างๆครับ ผมก็วิ่งตามเพื่อนไปจนถึงหอพักครับ แล้วเพื่อนก็วิ่งขึ้นหอก่อนไม่คุยกับผมเลย ผมงงนะที่เพื่อนแปลกไป แต่ความสงสัยมันยังเทียบไม่ได้กับความกลัวครับ ผมจึงเข้าที่พักของตนเองเพราะยังตกใจอยู่
เวลาผ่านไปตอนเช้าครับ ผมก็ถามไอเอแบบเคืองๆหน่อยนะครับว่า :
"เห้ย ไอเอหนีกูทำไมวะ เมื่อคืนกูเจอผีนะเว้ย กูจะวิ่งมาหา แต่ก็หนีกูเฉยเลย"
เอก็บอกว่า :
"เออกูรู้ เพราะกูก็เจอกูเลยวิ่งก่อนนี่ไง"
ผมก็งงแล้วถามมันกลับว่า :
"ห้ะ ไปเจอตอนไหนเนี่ย"
เอก็บอกว่า :
"เมื่อคืนกูก็รอปกติ แล้วกูก็ได้ยินเสียงคนวิ่ง กูก็นึกว่าครูเดินตรวจแล้ววิ่งหนี ก็เลยมารอตรงทางขึ้นที่เราคุยกันไว้
แล้วทีนี้ไปโผล่อีกฝั่งนึงกูก็เลยจะไปหา แต่ไม่ได้วิ่งมาคนเดียวไง มันมีคนตามมาด้วย ผู้หญิงผมหยิกๆรุงรังใช่ไหมล่ะ
ที่เจออะ เขาวิ่งตามเหมือนคนบ้าเลยนะ จะไม่ให้กูกลัวเหรอ"
ผมก็อึ้งไปสักพักครับ เอก็พูดต่อ :
"กูตกใจกูก็เลยชิงออกตัวก่อนเลย จนวิ่งไปถึงบริเวณบึงก็หันไปดูแล้วเห็นว่าเขาไม่ตามแล้ว แต่ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำ
ตอนนี้กูยังตกใจไม่หายเลย"
พอฟังเอเล่าจบ จากนั้นผมก็ได้มีการถามภารโรงเก่าแก่เรื่องบึงนั่นล่ะครับ เพราะเป็นจุดสุดท้ายที่ผู้หญิงคนนั้นหายไป เขาก็เล่าว่าบึงนี้น่ะ มีมานานมากครับ ก่อนโรงเรียนจะตั้งอีก จึงคิดว่ามันน่าจะมีอะไรในบึงนี้แน่ครับ (ปัจจุบันบึงนี้ยังอยู่ครับถึงผมจะจบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการไปถามคนภายนอกโรงเรียนครับ เพราะออกจากโรงเรียนไม่ได้ครับ) ส่วนเรื่องตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาก็มีตั้งแต่รุ่นแรกๆที่ได้มาเรียนที่นี่ครับ ซึ่งอันนี้ผมก็ทราบเท่าที่ทราบในขณะที่ผมอยู่โรงเรียน แต่ระหว่างที่อยู่โรงเรียนก็มีคนเจอครับ แล้วเล่าลักษณะของผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวมีโอกาสจะเรียบเรียงมาเล่าให้ฟังครับไม่ใช่เรื่องยาวแต่เป็นการพบเจอแบบกะทันหันครับ
สุดท้ายนี้เรื่องลี้ลับเป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไร อย่างไรก็ตามครับ ประสบการณ์ที่ผมได้เจอเป็นเพียงช่วงนึงของชีวิตที่ได้สัมผัสกับสิ่งลี้ลับ ขอให้ทุกท่านใช้วิจารญาณในการอ่านและแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพครับ ขอบคุณพื้นที่ดีๆที่ให้ผมได้มีโอกาสเล่าเรื่องที่พบเจอเป็นครั้งแรกครับ
แอบดูกูอยู่เหรอ
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงนั้นผมทำงานซึ่งเป็นงานที่โรงเรียนจะมอบหมายให้ทำเพื่อจบการศึกษาครับ ก่อนอื่นผมจะอธิบายพื้นที่ก่อนนะครับ โรงเรียนของผมจะมีส่วนหอพักกับส่วนของโรงเรียนครับ ส่วนของที่เรียนจะอยู่ห่างจากหอพักประมาณ 500 เมตรครับซึ่งทางเดินจะผ่านบึงน้ำใหญ่ครับ โดยปกติครับถ้าเราจำเป็นที่จะต้องทำกิจกรรมช่วงกลางคืนเราต้องทำการขออนุญาตครูเวรครับ เพื่อเข้าไปทำกิจกรรมบนตึกเรียนได้ ซึ่งก็จะมีครูปกครองซึ่งดุมากๆครับคอยเดินตรวจทั่วตึกเรียนเลยครับ นักเรียนก็จะกลัวกันมากจึงไม่มีใครกล้าแอบทำกิจกรรมตอนกลางคืนถ้าไม่ขออนุญาตครับ วันที่เกิดเรื่องผมมีเหตุสุดวิสัยที่จะต้องแอบขึ้นอาคารเรียนเพื่อไปเอาของมาใช้ทำงานครับ
พอมาถึงตัวอาคารผมกับเพื่อน 1 คน ขอแทนชื่อว่าเอแล้วกันนะครับ ผมก็คุยกับเอว่า "เดี๋ยวรอกูตรงนี้นะ กูขึ้นไปเอาของแปปเดียว เดี๋ยวมา"
โดยให้เพื่อนรออยุ่ข้างล่างตึกครับ เพราะกลัวครูปกครองเดินตรวจแล้วจะหนีกันไม่ทันถ้าไป 2 คนคนเดียวมันจะคล่องตัวกว่า ผมก็ขึ้นไปชั้น 3 ครับ โดยขวามือจะเป็นห้องน้ำครับ ซ้ายมือจะเป็นห้องเรียน ซึ่งบริเวณทางเดินของอาคารมันจะทำมุม 90 องศากับจุดที่ผมขึ้นมาเหมือนลักษณะทาง 3 แพร่งครับ คือคนอยู่ตรงทางเดินก็จะมองไม่เห็นผมครับ อาคารนี้จะมีบันได 2 ฝั่งครับ ฝั่งตะวันตกจะเป็นห้องทำงานก็เปิดไฟสว่างเลย แต่ผมต้องขึ้นมาเอาของที่ห้องฝั่งตะวันออกเพื่อที่จะไปเอาของซึ่งมืดมากเพราะไฟจากห้องฝั่งตะวันตกส่องมาไม่ถึง ผมก็ใช้โทรศัพท์ครับ ซึ่งสมัยนั้นหน้าจอมันจะเล็กมาก แนบไปกับผนังห้องให้ออกไปแค่ส่วนของกล้องเพื่อเช็คว่ามีคนเดินบริเวณทางเดินไหม เพราะกลัวโดนจับได้ครับ ก็เอากล้องส่องไปแล้วเพ่งมองหน้าจอครับเพราะมันเล็กจริงๆ พอเห็นว่าทางเดินโล่ง ทางสะดวก เพราะมีแสงห้องหัวมุมอีกฝั่งส่องครับพบว่าไม่มีเงาคน ผมก็โล่งใจ แต่ว่าในหน้าจอโทรศัพท์มันมีบางอย่างแปลกครับ ....
สิ่งที่แปลกในหน้าจอโทรศัพท์คือ บริเวณห้องตรงกลางของอาคาร มันมีบางอย่างยื่นออกมาครับ แต่ที่ผมเอะใจคือมันยื่นออกมาบริเวณช่องลมระบายอากาศด้านบนห้องอะครับซึ่งมันสูงมาก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้กลัวนะแต่งงว่ามันคืออะไร เลยพยายามซูมเข้าไปครับ ซูมไปเรื่อยๆแล้วผมก็ตั้งใจดูครับ ลักษณะมันดูแบบเหมือนสาหร่ายมากคือมันหยิกๆยาวๆครับ ผมก็งงนะ ผ่านไปแปปเดียวครับระหว่างที่ผมกำลังงงว่าสิ่งนั้นคืออะไร สัตว์ ป้ายบอกเลขห้องหรืออะไรก็ตาม แต่ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งลี้ลับนะครับ จังหวะนั้นเงานั้นอะมันหันมาครับ หันขวับแบบผมรู้เลยว่าที่เราคิดว่ามันคือสาหร่ายนั่นน่ะมันคือผมคนชัดๆเลย ผมคนที่มันหยิกๆแล้วเปียกน้ำ เพราะตอนเขาหันมาเส้นผมหยิกๆมันมีแรงตามมาด้วยครับ และยิ่งกว่านั้นที่ผมเห็นว่ามันมีลักษณะเหมือนหน้าคน เพราะว่าบริเวณตาเขาอะครับมันมีเงาสะท้อนของแสงซึ่งพอมาคิดตอนนี้ก็แปลกเหมือนกันครับว่าทำไมถึงมีแสงสะท้อนทั้งๆที่ตัวเขากำลังย้อนแสงอยู่ ตอนนั้นคือผมตกใจมากครับทำอะไรไม่ถูก แทนที่จะเก็บโทรศัพท์ผมกลับพยายามจะซูมออกเพราะว่าตกใจครับ (นึกตอนนี้ก็ตลกตัวเองแต่ ณ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกครับ) แต่ที่นี้ซูมยังไงก็ซูมไม่ออกครับ แล้วเงานั้นก็ย้อนกลับเข้าไปในห้องแบบเหมือนถอยเข้าไปดื้อ ๆ ครับ ผมก็ค้างไป ตกใจมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกือบช็อคเลยคือ มีเสียงเย็นๆเนิบๆพูดมาด้านซ้ายข้างหูว่า “แอบดูกูอยู่เหรอ”
ผมหันไปทางที่มาของเสียงทันทีครับด้วยความตกใจ ก็เห็นคนยืนข้างๆแบบชิดตัวเลยแล้วหันหน้ามาหาครับเป็นผู้หญิงตัวเปียกๆเปื้อนๆผมหยิกๆกลิ่นชื้นๆกำลังยิ้มให้ (ปัจจุบันยังจำได้ดีครับว่าตอนนั้นกดดันแค่ไหน) จังหวะนั้นผมก็ร้องเสียงดังเลย วิ่งครับแบบไม่กลัวครูปกครองแล้ว วิ่งแบบไม่คิดชีวิตพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ตามมาครับ จะกลับทางเดิมก็ไม่ได้ครับเพราะต้องผู้หญิงคนนั้น จึงวิ่งไปทางฝั่งตะวันตก เพราะมีไฟและอาจจะมีคนช่วยแต่ไม่มีใครอยู่ครับ (ช่วงนั้นเปิดเทอมใหม่ๆจึงไม่มีคนมาทำงานครับ) จึงวิ่งไปลงชั้น 1 วิ่งไปหาเพื่อนที่รอข้างล่างครับ เพื่อนเห็นผมเขาวิ่งหนีผมเฉยเลย ตอนนั้นผมก็งงในใจว่าไอเอจะหนีเราทำไมวะ เพราะใจเรากลัวอยากมีเพื่อนข้างๆครับ ผมก็วิ่งตามเพื่อนไปจนถึงหอพักครับ แล้วเพื่อนก็วิ่งขึ้นหอก่อนไม่คุยกับผมเลย ผมงงนะที่เพื่อนแปลกไป แต่ความสงสัยมันยังเทียบไม่ได้กับความกลัวครับ ผมจึงเข้าที่พักของตนเองเพราะยังตกใจอยู่
เวลาผ่านไปตอนเช้าครับ ผมก็ถามไอเอแบบเคืองๆหน่อยนะครับว่า :
"เห้ย ไอเอหนีกูทำไมวะ เมื่อคืนกูเจอผีนะเว้ย กูจะวิ่งมาหา แต่ก็หนีกูเฉยเลย"
เอก็บอกว่า :
"เออกูรู้ เพราะกูก็เจอกูเลยวิ่งก่อนนี่ไง"
ผมก็งงแล้วถามมันกลับว่า :
"ห้ะ ไปเจอตอนไหนเนี่ย"
เอก็บอกว่า :
"เมื่อคืนกูก็รอปกติ แล้วกูก็ได้ยินเสียงคนวิ่ง กูก็นึกว่าครูเดินตรวจแล้ววิ่งหนี ก็เลยมารอตรงทางขึ้นที่เราคุยกันไว้
แล้วทีนี้ไปโผล่อีกฝั่งนึงกูก็เลยจะไปหา แต่ไม่ได้วิ่งมาคนเดียวไง มันมีคนตามมาด้วย ผู้หญิงผมหยิกๆรุงรังใช่ไหมล่ะ
ที่เจออะ เขาวิ่งตามเหมือนคนบ้าเลยนะ จะไม่ให้กูกลัวเหรอ"
ผมก็อึ้งไปสักพักครับ เอก็พูดต่อ :
"กูตกใจกูก็เลยชิงออกตัวก่อนเลย จนวิ่งไปถึงบริเวณบึงก็หันไปดูแล้วเห็นว่าเขาไม่ตามแล้ว แต่ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำ
ตอนนี้กูยังตกใจไม่หายเลย"
พอฟังเอเล่าจบ จากนั้นผมก็ได้มีการถามภารโรงเก่าแก่เรื่องบึงนั่นล่ะครับ เพราะเป็นจุดสุดท้ายที่ผู้หญิงคนนั้นหายไป เขาก็เล่าว่าบึงนี้น่ะ มีมานานมากครับ ก่อนโรงเรียนจะตั้งอีก จึงคิดว่ามันน่าจะมีอะไรในบึงนี้แน่ครับ (ปัจจุบันบึงนี้ยังอยู่ครับถึงผมจะจบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการไปถามคนภายนอกโรงเรียนครับ เพราะออกจากโรงเรียนไม่ได้ครับ) ส่วนเรื่องตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาก็มีตั้งแต่รุ่นแรกๆที่ได้มาเรียนที่นี่ครับ ซึ่งอันนี้ผมก็ทราบเท่าที่ทราบในขณะที่ผมอยู่โรงเรียน แต่ระหว่างที่อยู่โรงเรียนก็มีคนเจอครับ แล้วเล่าลักษณะของผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวมีโอกาสจะเรียบเรียงมาเล่าให้ฟังครับไม่ใช่เรื่องยาวแต่เป็นการพบเจอแบบกะทันหันครับ
สุดท้ายนี้เรื่องลี้ลับเป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไร อย่างไรก็ตามครับ ประสบการณ์ที่ผมได้เจอเป็นเพียงช่วงนึงของชีวิตที่ได้สัมผัสกับสิ่งลี้ลับ ขอให้ทุกท่านใช้วิจารญาณในการอ่านและแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพครับ ขอบคุณพื้นที่ดีๆที่ให้ผมได้มีโอกาสเล่าเรื่องที่พบเจอเป็นครั้งแรกครับ