[CR] ประสบการณ์ work & traval 2023 เกาะจิ๋ว put in bay, ohio อเมริกา

สวัสดีค่าทุกคน เขินจัง ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต 5555555 
นี่ไม่ใช่แค่การรีวิวโครงการเวิร์ค แต่มันคือการแชร์ประสบการณ์ตลอด 4 เดือนของเราที่ put in bay, ohio เลยค่ะ มีทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย  สังคม การทำงาน เพื่อน และความรัก คิ__คิ

เริ่มแรก เราจะสรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้ก่อนนะคะ
เราทำงาน housekeeping ที่โรงแรม bayshore resort 
agency : at home (ดูแลดีค่ะ ทำงานไว เอกสารไว ได้คิววีซ่าไว แอดมินตอบห้วน ๆ แต่ตอบดึก ตอบครบทุกคำถาม อารมณ์เลี้ยงไม่โอ๋แต่ดูแลเทคแคร์ตลอด)
US spon : interexchange (งานเยอะมากกก มีเป็นพัน ๆ งาน ไม่ต้องแย่งกับใคร)
ค่าโครงการ : 76,500 บาท
pocket money : 30,000 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน : korean air 45,000 บาท
ค่าบ้าน : $100 / week
ค่าแรง : $15 / hour จ่าย OT หลังทำครบ 40 ชั่วโมง $22.5 / hour *งานโรงแรมถ้าจะมีทิป แปลว่าลูกค้าให้ วางไว้ในห้องเลยค่ะ ได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วแต่ดวง*
ระยะเวลาที่ทำงาน : 7 may - 7 sep (4 เดือนเต็ม)

มาเริ่มกันดีฟ่าาาาา
ไฟล์ทบินเราคือ 7 พฤษภา ตอนประมาณ 3ทุ่ม เราบินจากไทยไปลงเกาหลีก่อนแล้วต่อเครื่องจากเกาหลีไปลง atlanta แล้วก็ต้องต่อไปลง cleveland อีกที (ไทย-เกาหลี-แอตแลนต้า-คลีฟแลนด์) รวม ๆ แล้ว 14 ชั่วโมงได้ นั่งกันจนจำชื่อแอร์บนเครื่องได้แล้วมั้ง 5555555 พอไปถึงที่ cleveland เมเนเจอร์ก็มารับเราที่สนามบินเพื่อที่จะนั่งเรือข้ามไปที่เกาะ เมเนเจอร์เราชื่อ kristi ไนซ์มากกกก น่ารักมากกกก เป็นคนที่ดูแลเราทุกอย่าง เค้าเหมือนแม่เราอีกคนนึงเลย ตลอดเวลาที่อยู่ที่เกาะ ถ้าไม่มีคริสตี้อะไรหลาย ๆ อย่างคงลำบากขึ้นมากก เป็นอีกคนที่สำคัญต่อเราสุด ๆ วันนั้นเมเนมากับลูกสาวเค้า ทักทาย แนะนำตัวกันเสร็จก็ขึ้นรถ ตอนนั้นจากสนามบินไปท่าเรือก็ประมาณอีกชั่วโมงนึง นั่งเรือข้ามไปก็อีก 20 นาที เราจำได้ว่าแทบอ้วก ตอนแรกคิดว่าเมเนเจอร์ขับรถไม่ดี เปล่าค่ะ สมองมันบ่ไหวเดินทางแล้ว ระหว่างที่นั่งเรือข้ามฟาก เราต้องออกจากรถมานั่งดูวิวข้างนอก ปวดหัวฉ่ำมาก หนาวก็หนาว ปวดหัวก็ปวด แต่ต้องเลือกมาสูดอากาศก่อนสมองบึ้ม ตอนนั้นที่เราไปมันยังไม่เข้าซัมเมอร์ดี อากาศก็จะยังหนาว ๆ อยู่บ้าง เด็กเกิดและตายเมืองร้อนอย่างเรา สั่นเป็นลูกนกเลย 5555555 พอไปถึงบนเกาะ เมเนก็พาเราไปดูบ้านที่เราต้องพักตลอดซัมเมอร์ ที่พักมี 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ข้างในห้องเราโอเคค่ะ ดีเลย ห้องกว้าง ใหญ่พอสำหรับนอน 2 คนสบาย ๆ เพียงพอและพอเพียงสุบสุบ เรามาถึงเป็นคนแรก ๆ เลยได้เห็นห้องอื่น ๆ ด้วย ตอนนั้นมีแค่ห้องเดียวที่มาอยู่ก่อนแล้ว เป็นคนเมกันชื่อ Abby อายุ 25 เค้าเคยมาทำตั้งแต่ซัมเมอร์ปีที่แล้ว ต้องบอกก่อนว่าโรงแรมเราเปิดเฉพาะซัมเมอร์เท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ เพราะเกาะนี้เป็นเกาะท่องเที่ยว ปาร์ตี้ อารมณ์ภูเก็ตบ้านเรา แต่เปิดแค่ 4-5 เดือนต่อปีเท่านั้น คนที่อยู่ที่นี่จริง ๆ น้อยมาก มีแค่หลักร้อยคน ร้านอาหารต่าง ๆ ก็จะเปิดแค่ช่วงซัมเมอร์ มีแค่ร้านอาหาร 1 ร้านและ grocery เท่านั้นที่เปิดตลอดทั้งปี  ความน่ารักแรกของเมเนเราคือด้วยความที่ตอนแรกเราจะไปกัน 3 คนแต่ผ่านวีซ่ากันแค่ 2 คน แต่เมเนก็จัดห้องไว้ 3 คนเพราะนึกว่าเราจะมากันได้หมด น่ารักมาก ๆ เราซื้อกางเกงช้างไปฝากเค้าจากเมืองไทย ส่วนเพื่อนเราซื้อ passport cover สลักชื่อคริสตี้ ก็ประทับใจกันไป <3 
 




พอมาถึง วันแรกเราก็นอนแบบไม่คิดชีวิตเลย 5555555 แต่ตื่นเร็วมากเพราะหนาวสุด ๆ พอตื่น เรากับเพื่อนว่าง ออกไปเดินสำรวจเมือง เดิน 5 นาทีถึง downtown แล้ว ตลกมาก บอกแล้วเกาะนี้มันเล็กจริง ๆ ค่ะ เราไปเดินแบบไม่พบสิ่งมีชีวิตใด ๆ ศูนย์การเคลื่อนไหว ร้างแบบที่ใบไม้หล่นก็ได้ยินเสียงดังฟิ้วววว กิจกรรมแรก ๆ ตลอดอาทิตย์ก็มีแต่เดิน เดิน เดินและก็เดินเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่มีอะไรทั้งนั้น จนเราพูดกะเพื่อนว่าอยู่ที่นี่ยิ้มต้องมีเพื่อนหว่ะ ไม่งั้นจะอยู่ยังไง เหงามาก แต่เพราะมาเร็วด้วย เกาะมันยังไม่เปิด ไม่มีใครมาเดิน เราก็ได้แต่เดินชมวิวกันไป ดูธรรมชาติ ดูโบสถ์ ดูบ้าน ดูทะเล โชคดีที่นี่เมืองสวย สงบ มันเลยทำให้เราอารมณ์ดีตามไปด้วย 

การเดินทางหลัก ๆ ของเกาะนี้คือจักรยานกับรถกอล์ฟ การมีจักรยานที่นี่สำหรับเราถือเป็น a must มาก ๆ มันทำให้ชีวิตการเดินทางเราง่ายขึ้นมาก และด้วยความที่เกาะมันไม่ค่อยมีอะไร สิ่งที่เราทำกะเพื่อนตลอดซัมเมอร์คือการขี่จักรยานเล่น ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ไปดูดาว ไปดูวิว เกาะนี้เป็นเกาะที่พระอาทิตย์ตกสวยทุกวัน ทุกวันจริง ๆ ไม่ต้องรอวันพิเศษใด ๆ เลย และดาวก็ชัดมาก ชัดกว่าทุกที่ที่เราเคยเห็นเลย สำหรับเราชัดกว่านี้ก็คือท้องฟ้าจำลองเท่านั้นแล้ว 5555555

โดยรวมอาทิตย์แรก ๆ เรายังไม่ค่อยได้ทำอะไรค่ะ เพราะเกาะมันยังไม่เปิด คนพักก็เลยน้อยตามไป แอบบี้เป็นคนสอนงานเรากะเพื่อนนั่นแหละ ทั้งปูเตียง ล้างห้องน้ำ ดูดฝุ่น เช็ดนู่นนี่ จัดผ้าเช็ดตัว วางแชมพู สบู่ ทุกอย่างเลย เราก็ทำ ๆ ไปตามที่เค้าสอน เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ การใช้ชีวิตก็เงียบเหงาตามสเต็ป 555555 เราเลยชอบโทรคุยกะเพื่อน ส่วนเพื่อนโทรคุยกะแฟน หาไรทำฆ่าเวลากันไป เรื่องเน็ต เราใช้ AT&T ค่ะ เร็วที่สุดบนเกาะแล้ว ตั้งแต่มาไม่เคยมีปัญหาเรื่องเน็ตเลย ที่บ้านมีไวไฟแต่แย่มาก เลยไม่เคยใช้เลย พึ่งมารู้ตอนหลังด้วยซ้ำว่ามี 555555 ด้วยความที่มันเร็วและแรง มันเลยแพงอยู่ แต่เราถือว่าโชคดีก็ได้ ที่มันมีแพ็คเกจแบบรวมเพื่อน 5-10 คน ถ้าเรารวมตัวกันได้ ค่าเน็ตเราก็จะถูกลง เราเลยรวมเพื่อน J1 ใช้อันนี้ จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ $35 แต่เดือนแรกที่มาถึงคือโง่ ไม่รู้ผิดพลาดยังไงแต่จ่ายไป $100 ช็อค คนอะไรจ่ายค่าเน็ต 3500 บาทต่อเดือน น้ำตาจะร่วง แต่ก็ได้เมเนช่วยนี่แหละค่ะ เดือนต่อ ๆ มาเราเลยดีขึ้น ใครที่จะตามมาแล้วต้องการความเร็ว แรง แนะนำเลย ส่วนค่ายอื่น ๆ อย่าง mint หรือ horizon ก็ถูกกว่า แต่ไม่แรงเท่า แต่ใช้ได้ค่ะ

เรื่อง SSN ทางเมเนเจอร์เราเป็นคนพาไปทำค่ะ แต่เท่าที่เรารู้มา คือยังไง ๆ ทางนายจ้างของเราก็ต้องเป็นคนพาเราไปนะคะ เหมือนเป็นเรื่องที่อยู่ในข้อตกลง และแน่นอนว่าการไปทำ SSN ต้องไปตัวเมือง ต้องข้ามเรือไป เราไปทำที่ Sandusky เตรียมเอกสารที่ทางเจ้นบอกให้เอาไป รอคิว แล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย ทำเสร็จก็รอประมาณ 1 อาทิตย์ก็ได้แล้วค่ะ  SSN สำคัญนะคะ ใช้เปิดธนาคารอะไรต่าง ๆ ตอนไปมีเรื่องตลก ๆ ด้วย 5555555 มี security ยื่น voucher taco bell มาให้เราแต่เค้าแอบเขียนเบอร์เค้าไว้ในนั้นด้วย 5555555  วันนั้นเราเลยได้กิน taco bell ฟรีเลย อิ่มจังตังอยู่ครบ

ชีวิตเราเริ่มมีอะไรทำมากขึ้นหลังจากอาทิตย์ที่ 2-3 เพราะเริ่มรู้จักเพื่อนคนไทยแล้วก็เริ่มสนิทกับลูกชายเมเนชื่อ Marshall วันนั้นเราก็ไปเดินเล่นปกติเพราะไม่มีอะไรทำ แล้วก็เจอคนไทย 2 คนตรงถนน เราก็เลยตะโกนถามว่า "คนไทยใช่มั้ยคะ" จากนั้นก็เป็นเพื่อนกันเลย ศีลเสมอกันด้วย อยู่ด้วยกันแบบตลกมาก ขำจนหน้ายู่ทุกวัน พึ่งพาอาศัยสุด ๆ เพื่อนคนไทยเรา 2 คนทำงานร้านอาหารที่ชื่อ Boardwalk เป็นร้านที่ใหญ่มาก ๆ ที่นี่ เจ้าของ Boardwalk มีร้านทั้งหมด 4 ร้านบนเกาะ ก็คือ Boardwalk, the keys, dairy Isle, hooligans ด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เราก็เลยให้มันไปของาน 2 ให้ แล้วก็ได้จริง ๆ ด้วย 555555555 เราทำงาน 2 ที่ dairy Isle เป็นร้ายขายไอติม เบอเกอร์ อารมณ์ของทานเล่น เราได้ $12/ hour + tips เพื่อนเราได้งาน 2 ที่ the keys เป็นงานในครัว ได้ $13/hour แต่ไม่มีทิป เราดีใจมาก ๆ ที่ได้งาน 2 เร็วเพราะทุกคนบอกว่าพอเกาะเปิดเด็ก J1 จะมาเยอะมาก ๆ จะแย่งงานกัน ตอนที่หา ๆ งานกันอยู่ เราก็ไปสมัครที่ grocery ของเกาะด้วย ได้ $12/hour แต่สุดท้ายเราก็เลือกทำร้านไอติม เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดจริง ๆ ค่ะแต่ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย 5555555 พอเริ่มสนิท เราก็เริ่มไปบ้านกัน เนื่องจากบ้านเราไม่มีครัว เราก็เลยหอบอาหารสดไปใช้ครัวบ้านมัน แลกกับที่บ้านเราซักผ้าฟรี แต่มันเสียตัง เพื่อนเราก็เลยหอบทุกอย่างมาซักบ้านเรา น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าสุด ๆ แล้วมันก็มีเรื่องบังเอิญอีกคือว่ามาร์แชล ลูกชายเมเนเจอร์ที่เราพูดถึง โตที่นี่ เลยมีเพื่อนที่นี่ วันนั้นมาร์แชลชวนเราไปรอบกองไฟที่บ้านเพื่อนเค้า เราก็ไป บังเอิญมาก ๆ ที่บ้านเพื่อนเค้าอยู่ติดกะบ้านเพื่อนเราเลย แบบที่เดิน 5 ก้าวถึงกัน พรหมลิขิตสุด ๆ ทีนี้เราเลยได้ hang out กันบ่อย ๆ แรก ๆ เราแทบจะให้มาร์แชลขับรถกอล์ฟเที่ยวรอบเกาะทุกวันเลย มันเหมือนการได้รีแลกซ์หลังทำงาน มีความสุขมาก ๆ 

ปล. คำแนะนำสำหรับเด็กเวิร์ค ถ้าอยากได้งาน 2 ในเครือ boardwalk ให้เดินเข้าไปหาคนชื่อ suzanne เค้าเป็น hr ของที่นั่น ถ้ารีบไปก็มีเปอร์เซ็นต์ได้งานก่อนใครเพื่อน

เราค่อย ๆ เริ่มสนิทกะมาร์แชลมากขึ้นเรื่อย ๆ เค้าแทบจะคอยช่วยเราทุกอย่างเลย ขับรถพาไปขึ้นเรือ พาเที่ยวเล่นรอบเกาะ หานู่นนี่ให้ทำ มีตอนนึงที่มาร์แชลถามว่าอยากไปเที่ยว butterfly house มั้ย เราก็บอกอยาก เพราะบนเกาะมันก็มีที่เที่ยวไม่กี่ที่เอง 5555555 มาร์แชลก็เลยไปช่วยแม่เพื่อนที่เป็นเจ้าของที่นั่นย้ายของเพื่อเอาบัตรฟรีมาให้เรากะเพื่อน ๆ ครบ 5 ใบเลย น่ารักมาก ตอนแรกที่เราได้งาน 2 เราก็บอกเราทำร้านไอติมนะ เย็นวันนั้นมาร์แชลก็มาซื้อไอติมที่ร้าน แถมให้ทิปตั้ง $5  ป๋าสุด ๆ และยังมีตอนที่เราบอกว่าฝากซื้อนมหน่อยได้มั้ย คือเราเลิกงานดึก ร้านมันปิด มาร์แชลก็บอกว่าได้ แล้วก็เอามาวางให้หน้าห้องตอนเช้า แถมให้ตัง ก็ไม่เอาด้วย บอกว่ามันไม่กี่บาทเอง แสนดีสุด ตอนเราจะนั่งเรือข้ามไป walmart มาร์แชลก็เป็นคนไปรับไปส่ง ช่วยขนของอีก พูดถึงการไป walmart ด้วยความที่อยู่บนเกาะ จะซื้ออะไร ต้องซื้อใน grocery แล้วมันแพงมาก อัพราคาฉ่ำ เราเลยไป walmart เดือนละครั้ง การไปต้องขึ้นเรือข้ามไปเท่านั้น เป็นเรือชื่อ miller ferry เรือจะมาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง จ่ายคนละ $8.5 ถ้าเอารถหรือจักรยานข้ามไปก็เสียเพิ่มอีก  https://millerferry.com/ ลองเช็คดู พอไปถึงฝั่งก็ต้องโทรเรียก taxi มารับอีก เพราะมันค่อนข้างไกล ถ้าเราจำไม่ผิดคนละ $15-20 คนละนะ แพงมาก ๆ นาน ๆ ทีเลยไป ใน walmart จะมีธนาคารด้วย ชื่อว่า woodforest ค่อนข้างดี แต่โอนเงินไม่ได้ มีหน้าขึ้นให้โอน เหมือนระบบเค้ามีปัญหา ข้อดีของการเปิดธนาคารนี้คือเราไม่ต้องปิดบัตรตอนเราไปเที่ยว เปิดแล้วเปิดเลยเหมือนเปิดธนาคารที่ไทย ใช้ได้ทั่วอเมริกา ตอนกลับก็แค่บอกเค้าให้ปิด จบเลย ส่วนบนเกาะเองก็มีธนาคารชื่อว่า First National Bank เปิดเฉพาะ จันทร์ พุธ ศุกร์ ธนาคารจะมีบัตรแบบ seasonal ให้ เปิดแล้วต้องปิดก่อนกลับ summer แต่ต่อให้ไม่ปิดบัตร เราก็เอาบัตรไปเที่ยวหลังจบโครงการไม่ได้อยู่ดี เพราะบัตรนี้ใช้นอก ohio ไม่ได้ เป็นไง ยูนีคมั้ย 55555555 ธนาคารมีแอพให้ปกติ โอนเงินได้ เรากะเพื่อนใช้อันนี้เพราะไปเร็ว เลยเปิด ๆ ไป เรามารู้เรื่องใช้นอกรัฐไม่ได้ก็ตอนจะกลับแล้ว ต้องรีบไปเปิด woodforest แต่ทั้ง 2 ธนาคารก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกันตรงที่ธนาคารในเกาะก็ง่ายเวลาเราฝากเงินสดที่เป็นทิปเข้าไป ถ้าได้ค่าจ้างเป็นเช็คมา ก็แค่สแกนมันในแอพเงินก็เข้าแล้ว โอนเงินสะดวก แต่ที่เหลือเป็นข้อเสียหมดย5555555 woodforest แอพไม่เสถียร ถ้าฝากเงินก็ต้องไป walmart เท่านั้น แต่พอออกจากเกาะไปเที่ยวก็จะสบาย แล้วแต่คนจะตัดสินใจน้าา เลือกใช้กันได้ ส่วนตอนกลับจาก walmart ก็ทำแบบเดิมโทรเรียก taxi มารับกลับ เบอร์ taxi จะมีแปะไว้ที่ฝั่งเลย หรือจะเรียก uber ก็ได้
 
ชื่อสินค้า:   work & traval
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่