17 คนโสดจงทำให้ตามเสียงที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำตามเสียงส่วนใหญ่
ลักษณะนิสัยที่ติดตัวคนไทยมานานแสนนานคือ นิสัยที่ชอบเป็นพวกมากลากไป ทำตามใจพวกเรา เขาว่าถูกเสมอ สังคมไทยส่วนนึงที่มีปัญหาก็เพราะว่า ต้องคิดเหมือนกัน ทำอะไรตามกันเป็นกลุ่มๆ พวกเราส่วนใหญ่คิดแบบนี้ทำแบบนี้. เป็นสิ่งที่คนอื่นก็ต้องทำตามพวกเรา ใครที่คิดต่างคิดไม่เหมือนพวกเรา คนนั้นจะเป็นคนผิด เป็นคนไม่ดีทันที
โดยไม่คิดว่าสิ่งที่พวกตัวเองคิดที่ตัวเองทำอาจเป็นสิ่งที่ผิด อย่างเช่นเรื่องการเมืองก็เพราะ ต่างฝ่ายต่างเข้าข้างพวกตัวเองไม่เคารพกติกา
ฝ่ายนึงถือว่าตัวเองเป็นเสียงส่วนใหญ่ จะนิรโทษกรรมตัวเองยังไงก็ได้ อีกฝ่ายก็คิดว่า เลือกตั้งยังไงตัวเองก็แพ้ เลยปิดถนน ล้มเลือกตั้ง ทำผิดกฎหมายยังไงก็ได้ เพื่อให้พวกตัวเองชนะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าเป็นเรื่องคนโสดเรื่องการมีแฟน คนโสดบางคน พอเห็นเพื่อนฝูงญาติพี่น้องส่วนใหญ่ มีแฟนแต่งงาน จูงลูกจูงหลาน มาอวดคนอื่น ก็มีความรู้สึกว่าพวกเขา ช่างดูมีความสุข สมกับคำว่าจุดสุดยอดของชึวิตคือการเเต่งงานเสียจริงๆ อิจฉาพวกเขาจุงเบย ทำไมเราไม่มีแฟนอย่างเขาบ้างนะ
คนโสดพอคิดว่าคนส่วนใหญ่มีแฟน เราก็ต้องมีแฟนกับเขาบ้าง บางทีทำให้เกิดอาการอยากรีบมีแฟน ยิ่งกว่าสายฟ้าแล่บ พอมีใครมาจีบก็รีบคว้าเขามาเป็นแฟน โดยไม่ศึกษาให้ดีก่อนว่าเขาดีพอที่จะมาเป็นแฟนกับเราไหม
จะบอกว่าการมีแฟนเหมือนคนอื่นใช่ว่าจะดีเสมอไป แฟนคนอื่นดีแฟนเราอาจไม่ดีก็ได้ ถ้าไปเจอแฟนสารเลว เราจะทุกข์ยิ่งกว่าตกนรกขุม อเวจีมหานรกอีกค่ะ ถ้าเราเจอแต่พวก

ก็เป็นโสดดีกว่า เราก็เขี่ย

มันให้ไปไกลๆ ส่วนเราอยู่บนสวรรค์ของคนโสดดีกว่าค่ะ
มีตัวอย่างเรื่องที่คนส่วนใหญ่ คิดว่าถูก แต่ความจริงอาจจะผิดก็ได้ เรื่องนี้ดังมากในประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องของกาลิเอโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง
ในตอนนั้นคนทั้งโลกพากันเชื่อว่า โลกเรานี้แบนและโลกยังเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่กาลิเลโอไม่เชื่อเช่นนั้น ปราชญ์ชาวเมืองปิซ่าผู้นี้ประกาศว่าโลกเราน่ะมันกลม
อันที่จริงทฤษฎีเรื่องโลกกลมมีมาตั้งแต่ในสมัยของ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส เขาเป็นคนแรกๆ ที่คิดทฤษฎีนี้ขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ แต่เขาก็ไม่ได้ประกาศออกมาด้วยเกรงอำนาจของศาสนจักร แต่กาลิเลโอไม่เป็นเช่นนั้น เขากล้าท้าทายคำสอนของศาสนจักรโดยการประกาศความเชื่อที่ว่านี้
ไม่เพียงเท่านั้น กาลิเลโอ ยังกล้าท้าพิสูจน์หลายๆ ทฤษฎีต่อหน้าสาธารณะ ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่พ้นการทดลองที่หอเอนปิซ่ากับทฤษฎีที่ว่า วัตถุต่างชนิดกันจะตกลงสู่พื้นพร้อมกันหากปล่อยจากที่สูงในระยะทางที่เท่ากัน
เขาทำการทดลองโดยใช้ก้อนหิน ลูกเหล็ก และสำลี (บ้างก็ว่าขนนก) ปรากฎว่าสองสิ่งแรกตกถึงพื้นพร้อมกัน (แต่สิ่งสุดท้ายถึงพื้นช้าสุดเพราะมีแรงต้านจากอากาศ) เพราะโดยทั่วเราคนมักเชื่อว่าของที่หนักกว่าจะต้องตกลงถึงพื้นได้เร็วกว่า แต่กาลิเลโอก็ได้พิสูจน์แล้วว่า
ไม่จริง
ความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า ถูกนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์อยู่เสมอๆ คนเกือบทั้งประเทศอิตาลีเคารพศาสนจักร และเชื่อกันทั้งนั้นว่าโลกแบน และเป็นศูนย์กลางจักรวาล แต่กาลิเลโอต่อต้านความคิดของชาวอิตาลีในเรื่องนี้
และโดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาล อันนี้แหละที่ศาสนจักรถือว่าเป็นเรื่องรุนแรงอย่างมากที่เขาบังอาจท้าทายคำสอนของศาสนจักร แม้จะไม่มีการพิสูจน์ในยุคนั้นหรือแม้ว่าจะพิสูจน์ได้ก็ตามที
ซึ่งหากว่ามันเป็นจริงขึ้นมาก็จะกลายเป็นว่าศาสนจักรเป็นฝ่ายผิด แน่นอนว่าพวกเขาจะผิดไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดกาลิเลโอคนที่สอง ที่สาม ตามขึ้นมามากมาย แล้วอำนาจของพวกเขาก็จะสูญสลายไปในที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียที่ว่านี้ กาลิเลโอ จึงถูกจับกุมและทำการไต่สวนทันที ในข้อหาสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ศาสนจักร
แม้ท้ายที่สุด กาลิเลโอจะยอมจำนนต่ออำนาจของศาสนจักร แต่เขาก็ได้รับการยกย่องภายหลังว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ การยอมงอแทนที่จะยอมหักในครั้งนั้นช่วยต่อชีวิตของเขาให้ยืนยาว พอที่จะสร้างสรรค์ทฤษฎีสำคัญๆ ขึ้นมาอีกมากมาย แม้ว่าชั่วชีวิตของเขาหลังจากนั้นจะอยู่ภายใต้การระแวดระวังของทางศาสนจักรก็ตามที
หลายร้อยปีให้หลัง ความไม่เชื่อของกาลิเลโอก็ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริง ความจริงที่เขาไม่ได้ลบหลู่หากแต่ตั้งคำถามและหาข้อพิสูจน์ แต่กลับถูกปิดกั้นจากเบื้องบนที่มีอำนาจเหนือกว่า กาลิเลโอเป็นผู้หนึ่งที่กล้ายกมือขึ้นซักถาม กล้าคิดต่างจากสิ่งที่ครอบงำอยู่
เห็นไหมคะว่าเราแตกต่างจากคนอื่น หาใช่ว่าเราจะเป็นคนที่ไร้คุณค่า ถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่ ที่รักเราอยากจะดูแลเราอย่างแท้จริง เราก็ตะโกนบอกสังคมด้วยความมั่นใจไปเลยค่ะ ว่า I don't care จะมีแฟนไปทำไมถ้ายังไม่เจอแฟนที่ดี
ยืนหยัดด้วยสมองและหัวใจของเราเองไม่ต้องอินเทรนตามกระแสสังคมดีกว่าไหม
ถามตัวเองว่าเราเหมาะกับการมีแฟนไหม
คนไม่เหมาะกับการเป็นโสด อยู่เป็น
โสดก็ทุกข์ คนเหมาะกับการเป็นโสด อยู่เป็นโสดก็สุขนะคะ
นำบทความhow to โสดอย่างมีความสุข17 คนโสดจงทำให้ตามเสียงที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำตามเสียงส่วนใหญ่ มาฝากชาวพันทิปค่ะ
ลักษณะนิสัยที่ติดตัวคนไทยมานานแสนนานคือ นิสัยที่ชอบเป็นพวกมากลากไป ทำตามใจพวกเรา เขาว่าถูกเสมอ สังคมไทยส่วนนึงที่มีปัญหาก็เพราะว่า ต้องคิดเหมือนกัน ทำอะไรตามกันเป็นกลุ่มๆ พวกเราส่วนใหญ่คิดแบบนี้ทำแบบนี้. เป็นสิ่งที่คนอื่นก็ต้องทำตามพวกเรา ใครที่คิดต่างคิดไม่เหมือนพวกเรา คนนั้นจะเป็นคนผิด เป็นคนไม่ดีทันที
โดยไม่คิดว่าสิ่งที่พวกตัวเองคิดที่ตัวเองทำอาจเป็นสิ่งที่ผิด อย่างเช่นเรื่องการเมืองก็เพราะ ต่างฝ่ายต่างเข้าข้างพวกตัวเองไม่เคารพกติกา
ฝ่ายนึงถือว่าตัวเองเป็นเสียงส่วนใหญ่ จะนิรโทษกรรมตัวเองยังไงก็ได้ อีกฝ่ายก็คิดว่า เลือกตั้งยังไงตัวเองก็แพ้ เลยปิดถนน ล้มเลือกตั้ง ทำผิดกฎหมายยังไงก็ได้ เพื่อให้พวกตัวเองชนะฝ่ายตรงข้าม
ถ้าเป็นเรื่องคนโสดเรื่องการมีแฟน คนโสดบางคน พอเห็นเพื่อนฝูงญาติพี่น้องส่วนใหญ่ มีแฟนแต่งงาน จูงลูกจูงหลาน มาอวดคนอื่น ก็มีความรู้สึกว่าพวกเขา ช่างดูมีความสุข สมกับคำว่าจุดสุดยอดของชึวิตคือการเเต่งงานเสียจริงๆ อิจฉาพวกเขาจุงเบย ทำไมเราไม่มีแฟนอย่างเขาบ้างนะ
คนโสดพอคิดว่าคนส่วนใหญ่มีแฟน เราก็ต้องมีแฟนกับเขาบ้าง บางทีทำให้เกิดอาการอยากรีบมีแฟน ยิ่งกว่าสายฟ้าแล่บ พอมีใครมาจีบก็รีบคว้าเขามาเป็นแฟน โดยไม่ศึกษาให้ดีก่อนว่าเขาดีพอที่จะมาเป็นแฟนกับเราไหม
จะบอกว่าการมีแฟนเหมือนคนอื่นใช่ว่าจะดีเสมอไป แฟนคนอื่นดีแฟนเราอาจไม่ดีก็ได้ ถ้าไปเจอแฟนสารเลว เราจะทุกข์ยิ่งกว่าตกนรกขุม อเวจีมหานรกอีกค่ะ ถ้าเราเจอแต่พวก
มีตัวอย่างเรื่องที่คนส่วนใหญ่ คิดว่าถูก แต่ความจริงอาจจะผิดก็ได้ เรื่องนี้ดังมากในประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องของกาลิเอโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง
ในตอนนั้นคนทั้งโลกพากันเชื่อว่า โลกเรานี้แบนและโลกยังเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่กาลิเลโอไม่เชื่อเช่นนั้น ปราชญ์ชาวเมืองปิซ่าผู้นี้ประกาศว่าโลกเราน่ะมันกลม
อันที่จริงทฤษฎีเรื่องโลกกลมมีมาตั้งแต่ในสมัยของ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส เขาเป็นคนแรกๆ ที่คิดทฤษฎีนี้ขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ แต่เขาก็ไม่ได้ประกาศออกมาด้วยเกรงอำนาจของศาสนจักร แต่กาลิเลโอไม่เป็นเช่นนั้น เขากล้าท้าทายคำสอนของศาสนจักรโดยการประกาศความเชื่อที่ว่านี้
ไม่เพียงเท่านั้น กาลิเลโอ ยังกล้าท้าพิสูจน์หลายๆ ทฤษฎีต่อหน้าสาธารณะ ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่พ้นการทดลองที่หอเอนปิซ่ากับทฤษฎีที่ว่า วัตถุต่างชนิดกันจะตกลงสู่พื้นพร้อมกันหากปล่อยจากที่สูงในระยะทางที่เท่ากัน
เขาทำการทดลองโดยใช้ก้อนหิน ลูกเหล็ก และสำลี (บ้างก็ว่าขนนก) ปรากฎว่าสองสิ่งแรกตกถึงพื้นพร้อมกัน (แต่สิ่งสุดท้ายถึงพื้นช้าสุดเพราะมีแรงต้านจากอากาศ) เพราะโดยทั่วเราคนมักเชื่อว่าของที่หนักกว่าจะต้องตกลงถึงพื้นได้เร็วกว่า แต่กาลิเลโอก็ได้พิสูจน์แล้วว่า
ไม่จริง
ความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า ถูกนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์อยู่เสมอๆ คนเกือบทั้งประเทศอิตาลีเคารพศาสนจักร และเชื่อกันทั้งนั้นว่าโลกแบน และเป็นศูนย์กลางจักรวาล แต่กาลิเลโอต่อต้านความคิดของชาวอิตาลีในเรื่องนี้
และโดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาล อันนี้แหละที่ศาสนจักรถือว่าเป็นเรื่องรุนแรงอย่างมากที่เขาบังอาจท้าทายคำสอนของศาสนจักร แม้จะไม่มีการพิสูจน์ในยุคนั้นหรือแม้ว่าจะพิสูจน์ได้ก็ตามที
ซึ่งหากว่ามันเป็นจริงขึ้นมาก็จะกลายเป็นว่าศาสนจักรเป็นฝ่ายผิด แน่นอนว่าพวกเขาจะผิดไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดกาลิเลโอคนที่สอง ที่สาม ตามขึ้นมามากมาย แล้วอำนาจของพวกเขาก็จะสูญสลายไปในที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียที่ว่านี้ กาลิเลโอ จึงถูกจับกุมและทำการไต่สวนทันที ในข้อหาสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ศาสนจักร
แม้ท้ายที่สุด กาลิเลโอจะยอมจำนนต่ออำนาจของศาสนจักร แต่เขาก็ได้รับการยกย่องภายหลังว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ การยอมงอแทนที่จะยอมหักในครั้งนั้นช่วยต่อชีวิตของเขาให้ยืนยาว พอที่จะสร้างสรรค์ทฤษฎีสำคัญๆ ขึ้นมาอีกมากมาย แม้ว่าชั่วชีวิตของเขาหลังจากนั้นจะอยู่ภายใต้การระแวดระวังของทางศาสนจักรก็ตามที
หลายร้อยปีให้หลัง ความไม่เชื่อของกาลิเลโอก็ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริง ความจริงที่เขาไม่ได้ลบหลู่หากแต่ตั้งคำถามและหาข้อพิสูจน์ แต่กลับถูกปิดกั้นจากเบื้องบนที่มีอำนาจเหนือกว่า กาลิเลโอเป็นผู้หนึ่งที่กล้ายกมือขึ้นซักถาม กล้าคิดต่างจากสิ่งที่ครอบงำอยู่
เห็นไหมคะว่าเราแตกต่างจากคนอื่น หาใช่ว่าเราจะเป็นคนที่ไร้คุณค่า ถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่ ที่รักเราอยากจะดูแลเราอย่างแท้จริง เราก็ตะโกนบอกสังคมด้วยความมั่นใจไปเลยค่ะ ว่า I don't care จะมีแฟนไปทำไมถ้ายังไม่เจอแฟนที่ดี
ยืนหยัดด้วยสมองและหัวใจของเราเองไม่ต้องอินเทรนตามกระแสสังคมดีกว่าไหม
ถามตัวเองว่าเราเหมาะกับการมีแฟนไหม
คนไม่เหมาะกับการเป็นโสด อยู่เป็น
โสดก็ทุกข์ คนเหมาะกับการเป็นโสด อยู่เป็นโสดก็สุขนะคะ