แบบนี้นี่เรียกว่าการรักลูกแบบลำเอียงหรือเปล่าคะ?

ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวโยงกับตัวเราโดยตรงนะคะ เราแค่อยากถามความเห็นว่ามันจัดได้ว่าเป็นการรักแบบลำเอียงหรือเปล่า คือเป็นเรื่องของยายเราค่ะ ยายเรามีลูกสาว 2 คน คือป้าเราเป็นคนโต และแม่เราเป็นคนเล็ก เรื่องของเรื่องคือแม่เราเขาชอบแอบนอยยายค่ะ เหมือนเขารู้สึกว่าแม่รักพี่สาวตัวเองมากกว่า ทั้งที่ที่ผ่านมาแม่เป็นคนดูแลยาย หาเงินส่งให้ยาย และช่วยส่งเราเรียนมาตลอดจนจบ ส่วนป้าเราแกออกไปแต่งงานมีลูกอยู่จังหวัดข้างเคียงหลายสิบปีแล้วค่ะ 

(กันดราม่าไว้ก่อนนะคะ เรื่องสรรพนามที่เราใช้เรียกแม่ในกระทู้นี้ แม่เราอายุเพิ่งจะ 40 ต้นๆ ค่ะ นางมีเราเร็ว เลยคุยกันเหมือนเพื่อน เพราะงั้น สรรพนามที่เราใช้เรียกแม่ในกระทู้นี้คือสรรพนามที่เรากับแม่ใช้คุยกันตามความสนิทสนม งดดราม่าเนอะ)

เรื่องของเรื่องคือเหมือนที่เราเกริ่นค่ะ แม่ชอบบ่นกับเราว่ายายเหมือนจะห่วงแต่พี่สาว (ป้า) มากกว่าตัวเอง ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทุ่มเทและเป็นห่วงเป็นใยแม่มากกว่าป้ามาก มันมีประเด็นตรงที่เมื่อก่อนแม่เราทำงานบริษัทค่ะ แต่มีเหตุให้ต้องออกจากงานมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ (จากกระทู้เก่าล่าสุดของเรานะคะ) ซึ่งเล่าสั้นๆ คือ ยายเราไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจของแม่ มันหยิบจับได้ยาก ขายออนไลน์มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเป็นโล้เป็นพาย ยายเราเลยไม่ค่อยให้กำลังใจแม่เราค่ะ คือบางทีชอบแอบพูดกระแนะกระแหน (แต่ไม่ถึงกับด่า) ชอบพูดทำนองว่า มันจะขายได้หรอ ใครจะมาซื้อบลาๆ ซึ่งแม่เรานางจะอารมณ์เสียมากค่ะ เพราะแม่เราแคร์ยายมาก เหตุเพราะตอนแม่เราวัยรุ่นแกมีปัญหากับตาซึ่งเป็นพ่อ แต่ตาเสียแบบกะทันหัน มันเลยกลายเป็นปมในใจแม่เราว่าแกอยากดูแลยายเพื่อทดแทนให้ดีที่สุด ยายเราเป็นแม่ค้ายุคเก่า ประเภทแบบขายปุ๊บต้องได้จับเงินปั๊บ ธุรกิจแบบแม่เรายายไม่เข้าใจว่ามันจะเป็นใหญ่เป็นโตได้ยังไง

จนมันมาตันตรงที่แม่เรานางเริ่มคิดใหม่ว่านางอยากกลับมาแคร์ตัวเองกับธุรกิจให้เต็มที่ เพราะการอยู่บ้านดูแลยายในขณะที่ทำธุรกิจไปเรื่อยๆ มันทำให้พลังนางถดถอย เพราะยายไม่ส่งพลังให้นางเลย วันดีคืนดีก็ชอบแสดงออกว่าห่วงแต่ป้าๆ (เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังค่ะว่าทำไม) ทั้งที่ป้าก็ดูไม่ค่อยจะได้ห่วงยายเลยด้วยซ้ำ ยายดูไม่แคร์คนใกล้ตัวที่ดูแลยาย แต่ไปแคร์คนไกลตัวที่ไม่ค่อยจะคิดถึงคนทางบ้านเท่าไร แม่เราเลยตัดสินใจไปอยู่กับแฟนที่กรุงเทพเพื่อจะได้ทำงานของนางได้เต็มที่ (แม่เราแต่งงานใหม่ค่ะ) ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ในใจลึกๆ เรารู้ค่ะว่าแม่ก็แอบน้อยใจ เพราะยายเราชอบอวยให้แม่กลับไปกรุงเทพ ไปหางานหาการทำ มันทำให้แม่เหมือนถูกยายเราไล่กลายๆ ทั้งที่ผ่านมานางเป็นคนทำงานหนักส่งเงินให้กินให้ใช้ แต่พอมาถึงวันที่นางไม่มีให้ แล้วต้องบินกลับมาหลบรังนอน ทำไมยายถึงไม่คิดจะเห็นใจบ้าง ถ้ายายอยากได้เงินมากกว่าการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน นางก็จะทำให้ (ยายเราเงินแกหรอไปเยอะจากการส่งเราเรียนค่ะ ช่วงหลังๆ แกเลยชอบบ่นว่าไม่มีเงินๆ) เลยบอกว่าต่อจากนี้นางจะไปทำธุรกิจของนางให้โต นางจะไม่กลับมาบ้านบ่อยๆ ไม่โทรหายายบ่อยๆ แล้ว ไว้แค่ตอนมีเรื่องคอขาดบาดตายหรือช่วงเทศกาลถึงจะแวะมาเยี่ยม ไว้ให้นางทำธุรกิจของนางได้โตก่อนนั่นแหละ ค่อยมารับยายไปอยู่ด้วยกัน

คือปมของย่อหน้าล่าสุดคือมันไม่ได้เป็นการทะเลาะนะคะ แต่เป็นการตัดสินใจมากกว่าค่ะ คือแม่ออกไปโดยไม่ได้มีปากเสียงอะไรกับยาย ซึ่งเราเองก็บอกแม่ไปว่า อย่าไปใส่ใจคำพูดยายมากเลย ปีนี้แกก็เลข 7 แล้ว ถ้าสมมติยายสบายใจที่เธอจะไปอยู่กรุงเทพ ก็ถือว่าเธอไปเพราะยายสบายใจ ยายอยากได้เงินเธอก็ไปสร้างเงินมาให้ยาย ถือว่าการทำเงินให้แม่เป็นความกตัญญูไปก็ได้ เพราะเป็นความต้องการของแม่ (ที่เราบอกแบบนี้ เพื่อให้แม่เราไม่คิดงอนคิดประชดยายค่ะ เพราะเราคิดว่า ถ้าแม่จะจากบ้านไปทำงานที่โน่นก็ควรไปแบบมีเป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่ไปเพราะประชดประชันหรืองอนยาย)

ทีนี้มาดูในมุมของป้าบ้าง คือเหมือนที่เกริ่นไว้ค่ะ ป้าเราออกไปแต่งงานมีลูกอยู่จังหวัดข้างๆ หลายสิบปีแล้ว ป้าเรามีลูก 3 คนค่ะ ต่างจากแม่เราที่มีเราคนเดียว แต่ป้าเราแบ่งลูกไปให้คนอื่นช่วยเลี้ยงเยอะค่ะ คนโตเป็นลูกสาวไปให้พี่สาวของสามีที่เป็นสาวโสดเลี้ยงเหมือนลูก คนรองเป็นลูกชายป้าเลี้ยงเอง แล้วเกือบจะแปดปีให้หลังป้าก็ดันมีลูกชายคนเล็กออกมาอีกคน แต่คนสุดท้องคนนี้ป้าเอาไปให้น้าชาย (น้องชายแท้ๆ ของยายเรา) เลี้ยงค่ะ เพราะแกกับเมียแก่แล้ว แต่ไม่มีลูกเลยสักคน จุดเริ่มต้นของความพลิกผันและทำให้ยายเราเริ่มเห็นใจป้ามันเริ่มจาก เมื่อปีที่ผ่านมานี้เองค่ะ ตอนนี้ลูกๆ ป้าโตจนอายุ 17++ กันหมดแล้ว แต่สามีป้าเราดันไปติดสาวนั่งดริ๊งค์ค่ะ แถมยังแสดงออกเลยว่าไม่รักป้าแล้ว จะเอาเมียน้อยเข้าบ้านแถมเมียน้อยนี่มาในรูปแบบอรอินทร์ เมียหลวง คือร้ายเลยแหละ พื้นฐานนิสัยป้าเราไม่ใช่ผู้หญิงแกร่งแบบดร.วิกานดานี่สิ อาการน้ำตาเมียหลวงซินโดรมเลยครอบงำป้า ป้าเราชอบโทรไปหาญาติคนโน้นคนนี้ เพื่อให้นั่งฟังป้าร้องไห้ แต่พอบ่อยๆ เข้าทุกคนเริ่มเอือม ก็ขอให้ป้าหย่ากับสามี แต่ป้าก็จะยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามารั้งตัวเองไว้กับสามี อ้างหนี้สิน อ้างลูกเต้า จนตอนนี้ลูกป้าคนกลายจากที่เคยเป็นเด็กกระฉับกระเฉง กลายเป็นเด็กมีปัญหานั่งซึมไร้ชีวิตชีวาไปอีกคน ง่ายๆ คือครอบครัวป้าเราตอนนี้ toxic มากแล้วในระดับหนึ่ง 

ทีนี้มันมาเกี่ยวโยงกับยายเราตรงที่เวลาป้าที่เป็นลูกโทรมาหายายที่เป็นแม่ ยายเราจะเครียดและสงสารป้ามากค่ะ หลายครั้งที่ยายเราด่าป้ากลับว่าให้หย่าให้เลิก เห็นแก่ลูกบ้าง ทำไมไม่อยู่ทำหน้าที่แม่อย่างเดียวไป หน้าที่เมียถ้าผู้ชายมันไม่เอาแล้วก็ช่างมัน แต่ป้าก็เกือบจะได้มวยกับแม่เรา เพราะเผลอหลุดว่ายายว่ายายไม่รักเขาเลย ไม่เข้าใจเขา.. นึกออกใช่ไหมคะ แม่เราที่มองว่ายายแคร์ป้ามากกว่ามาตลอด พอได้ยินป้าบอกว่ายายไม่แคร์ตัวเอง แม่เราก็ปรี๊ดสิคะ จนแม่ด่าป้าให้ยายฟังเลย ว่าแม่รักพี่สาวนะ แต่พี่สาวดูไม่รักน้องสาวเลย ตอนที่แม่ท้องเรา ป้าก็เคยสบประมาทแม่ว่ามีลูกเร็ว ชิงสุกก่อนห่าม ตั้งแต่เด็กยายชอบบอกให้แม่ที่เป็นน้องสาวเสียสละให้ป้าที่เป็นพี่สาว เพราะป้าสุขภาพไม่ค่อยดีตอนเด็ก เรียนก็ไม่ค่อยจะทันเพื่อน หัวไม่ค่อยดีจนเรียนไม่ไหวต้องออกมาก่อน การที่แม่ได้เรียนก็เป็นเพราะป้าด้วยส่วนเล็กๆ มันเลยทำให้แม่เราแอบมีปมตรงนี้ด้วยว่าทำไมหลายสิ่งพี่สาวถึงได้รับการประคบประหงมมากกว่า แต่แม่เราก็สปอร์ตพอค่ะ คือนางเป็นผู้หญิงแข็งๆ ห้าวๆ ตามทันโลก นิสัยคือจะตรงข้ามกันกับป้าเลย

แน่นอนค่ะว่าตอนนี้สภาพครอบครัวป้าก็มาในแนวสามวันดีสี่วันไข้ วันไหนสามีผีไม่เข้าก็อยู่บ้านกับป้า ป้าก็ยิ้มหน้าบ้านเพราะวันนี้ผัวเป็นของฉัน แต่วันไหนสามีผีเข้าก็โดดไปอยู่กับเมียน้อย ป้าก็หงอยซึมเปื่อยไปทั้งวัน บอกเพิ่มค่ะว่าป้าเราไปรพ.ตรวจเจออาการซึมเศร้าเป็นครั้งคราวค่ะ คือไม่ได้เป็นตลอดเวลา จะมาเป็นประเดี๋ยวประดาวก็หาย แล้วก็มาอีกแบบนี้ค่ะ

ซึ่งเรื่องของเรื่องทั้งหมดเลยคือ เราคิดว่าแม่จะโดนยายเรากับพวกญาติพี่น้องตั้งอคติไว้สูงว่าเป็นคนชิงสุกก่อนห่าม ใจแตก มีเราเร็ว เป็นคนพูดมากกว่าทำ ดีแต่ปาก ซึ่งถึงแม้เรื่องจะผ่านมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว แต่เหมือนแม่ก็ยังโดนอคติไม่เลิก มันเลยเป็นปมที่ว่ายายเราไม่เคยเชื่อใจแม่เราเลยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ส่วนป้าเรา เป็นลูกสาวที่อยู่ในครรลองคลองธรรมมาตลอด แต่อ่อนต่อโลกเกินไปจนไม่มีภูมิคุ้มกัน พอเจอปัญหาหนักๆ ทีสภาพจิตใจป้าเลยพังพินาศ ไม่สามารถสอนให้ลูกเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งพิงได้ มิหนำซ้ำกลายเป็นตัวตลกในสายตาพวกญาติๆ อีก ด้วยเหตุนี้มั้งคะ เราเลยคิดว่ายายเลยรู้สึกเห็นใจป้ามากกว่าแม่ เพราะขนาดเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ยายอยากมั่งมีกับเขาบ้างในช่วงบั้นปลาย แม่ที่เป็นคนส่งเงินให้มาตลอด กับรู้สึกว่าตัวเองทำเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจแม่ แต่นานทีปีหน ป้าจะเจียดเงินให้แม่ตัวเองสัก 1,000-2,000 ยายเรานี่ดีใจจนเนื้อเต้น ซาบซึ้งในลูกสาวคนใหญ่เหลือเกิน ขนาดช่วงโควิด เราเรียนอยู่กรุงเทพ แม่ก็อยู่กรุงเทพกับสามี คนกทม.โดนล็อคตัวห้ามออกจากกรุงเทพ แต่ยายเรากำลังจะฉีดวัคซีน เรากับแม่กลัวเรื่องผลข้างเคียงยาในคนแก่ ได้แต่โทรถามยายแทบตลอดเวลาว่าอาการเป็นไง  ซึ่งอันที่จริง ป้าเราสามารถหยุดขายของมาดูอาการยายได้นะคะ เพราะคนตจว.ยังไปไหนมาไหนข้ามจังหวัดกันได้อยู่ แต่สิ่งที่ได้รับคือป้าเราบอกว่าขายของยุ่งไม่ว่าง แถมต้องดูวัวในคอกอีก ซึ่งมันทำให้ทั้งเราทั้งแม่แอบรู้สึกโมโหค่ะ ว่าทำไมแค่วันสองวัน จังหวัดก็อยู่ติดๆ กันถึงมาดูแลยายไม่ได้ สุดท้ายต้องไหว้วานให้คนรู้จักช่วยดูแลยายให้ แต่สุดท้ายยายก็ไม่เคยบ่นน้อยใจอะไรป้าเลย แถมยังแสดงท่าทีเข้าอกเข้าใจว่าป้าต้องขายของดูแลวัว ทั้งที่ญาติฝ่ายสามีป้าอยู่บ้านหลังใกล้ๆ กันเป็นสิบๆ คนทำไมไม่วานให้ช่วยดูแลให้ แม่เราเคยบอกว่าป้าเราอ่ะ ทีญาติฝ่ายผัวเนี่ยไปค้ำชูดูแลเขาได้เช้าค่ำ ทำอย่างกับแต่งเข้าบ้านคนจีน แต่กับแม่ตัวเองที่เหลืออยู่คนเดียวกลับไม่คิดจะมาจุนเจือดูแล ถ้าวันไหนยายเราไม่อยู่แล้วคนที่เสียใจที่สุดจะเป็นป้าเรา อีกอย่างคือหลังเมษานี้ไปเราเองก็ต้องเข้ากรุงเทพไปทำงานแล้วค่ะ เท่ากับว่ายายก็จะต้องอยู่บ้านคนเดียวไปสักพักใหญ่เลย บทจะให้แกขึ้นไปอยู่กรุงเทพ แกบอกแกไม่เอา ไม่ชอบอยู่ป่าตึกป่าคอนกรีต (ยายเรายังช่วยเหลือตัวเองได้นะคะ ยังมีงานมีรายได้พิเศษ ขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ค่ะ) บทจะให้ยายไปอยู่กับป้า เรากับแม่นี่เห็นพ้องต้องกันเลยว่ายายไปอยู่กับป้าไม่ได้แน่นอน เพราะป้าขายของเลิกดึกตี1-2 บ้านช่องห้องหับไม่มีเวลาเก็บทำความสะอาดจนรกไปหมด แถมยายเองก็ไม่ได้รู้จักคนที่นั่นเลยสักคน

แต่ก็นะคะ.. เราเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะเราเองถึงยายจะเลี้ยงเราหมือนลูก  (เราเป็นหลานคนเดียวที่ได้อยู่กับยายมาตั้งแต่เกิด คือเราก็มองว่ายายเป็นแม่ ส่วนยายก็เลี้ยงเราเหมือนลูกคนสุดท้อง)  สุดท้ายเราก็เป็นแค่หลาน เราเลยบอกไม่ถูก แถมเราเองก็เป็นลูกคนเดียวอีก ไม่รู้ว่าเวลาพ่อแม่รักลูกลำเอียงมันเป็นแบบไหน สุดท้ายอยากจะถามควาเมห็นจากทุกคนค่ะ ว่าสิ่งที่ยายเราเป็นอยู่มันถือว่าเป็นการรักลำเอียงไหมคะ หรือเป็นแค่การห่วงใครคนหนึ่งมากกว่า เราไม่ได้มีเจตนาว่ายายนะคะ แค่อยากลองทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของแม่ลูกบ้านนี้น่ะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่