คนเราคุยกันกี่เดือนถึงจะตกลงเป็นแฟนกันได้ / คิดยังไงกับความสัมพันธ์ของเรา ?

เรื่องราวของเรา เราเป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยคิดมาก น้อยใจ เป็นคนจริงจังเกี่ยวกับความรัก แต่ทุกอย่างที่เราคิดมากหรือน้อยใจล้วนมีสาเหตุเสมอ  ตอนนี้เราอายุ 25 ปี อยู่ในช่วงที่เราต้องวางแผนชีวิต และพร้อมที่จะจริงจังกัยอนาคตข้างหน้า  เราเป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียล มียอดฟอลในติ๊กต๊อก 60 K  ส่วนมากคนจะติดตามเราเพราะชอบที่เราขายของ ขยัน คุยเก่ง และสีผิว มีคนผ่านเข้ามชีวิตมากมายในช่วงเวลานั้น แต่เราโฟกัสแค่เรื่องขายของอย่างเดียวและสร้างมิตรภาพจากโลกติ๊กต๊อก จนวันหนึ่งมีผช. คนหนึ่งแอดเฟสมา เรารับแอดเขาเพราะเราชอบเขา ชอบเพราะรูปเดียว แต่เราไม่เคยทำให้เขารับรู้ว่าเราชอบ เราเก็บเงียบมาตลอด จนระยะเวลาผ่านไป 2 ปี  เราเลิกขายของออกมาทำงานที่ กทม.คนเดียว ช่วงนั้นอยู่ในช่วงอกหักและทำใจ 4 ตค 2566  เราเลยตัดสินใจ ไปย้อมผมครักแรกในชีวิตคิดแค่ว่าอยากเริ่มชีวิตใหม่ เราอัพรูปลงสตรอรรี่เฟสไม่ถึง 1 นาที ผช คนที่เราชอบเมื่อ 2ปีที่แล้วคนนั้นทักเรามาว่า... ผมสวยจังครับ  เอาจริงตอนนั้นเราโครตดีใจมากๆ เพราะเขาเป็นคนที่เราเคยแอบชอบ  เมื่อ 2ปีที่แล้ว  เราคุยกันไม่ถึง 5 นาทีก็จบบทสนทนา จนเวลาผ่านไปสักพัก 26 ตค 2566 เขาแอดไอจีมาคุยกับเรา มาหยอดเรา เขาอายุ 24  ห่างกับเรา 1ปี  คุยไปคุยมาเราถึงรู้ว่าเขาอยู่ห่างจากเราไม่ไกลมากนัก ห่างกัน 13 KK เขาทำงานวิศวะ เขามีโรคส่วนตัวคือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ (สาเหตุเกิดจากการที่เขาคิดมาก) เราก็ศึกษาดูใจกันมาตลอด มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีเรื่อยๆ เหมือนเขาเป็นเซฟโซนให้กับเราและเราก็เป็นเซฟโซนให้กับเขา จนวันหนึ่งเราคุยโทรศัพท์กัน ก็คุยไปเรื่อยๆ จนเขาบอกเราว่าเขาเคยไปที่นั้นนะ เคยมีเเฟนอยุ่ที่นั้น เราก็ไม่ได้อะไรก็คิดว่าเออ เขาคงเล่าผ่านๆให้เราฟังเฉยๆ เขาก็ลงลึกถึงขั้นว่า เคยมีอะไรกัน ผญ หลอกว่าท้อง จนเขากลัว แฟนเก่าผญ โทรมา พ่อแม่เขาจะเอาเรื่องๆ จนเราคนฟังรู้สึกเริ่มนอย เขาก็ต่ออีกว่าเมื่อวานคนเก่าก็ทักเฟสมา แล้วล้างชื่อเฟส เราก็แบบเออนอยไปอีกจะเล่าให้ฟังทำไมว่ะ ฟิลตอนนั้นแบบคุณเข้ามาจีบเรานะเว่ย พอเขามารู้ทีหลังว่าเรานอย เขาบอกก็เขาสบายใจที่จะเล่าให้เราฟัง เขาไม่ได้อะไรกับคนเก่าแล้ว  แล้วแบบนี้เขาจะกล้าเล่าอะไรให้เราฟังได้ เราแบบใจหนึ่งดีใจนะที่เล่าให้ฟัง แต่ใจหนึ่งมันอดนอยไม่ได้ คือฟิลแบบเล่าได้นะ แต่ไม่ต้องเล่าลึกอะไรขนาดนั้น ก็เกิดการทะเลาะและนอยกัน ปรับความเข้าใจกัน  ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ 12 พย 2566 เรานัดเจอกันครั้งแรก นัดกินก๋วยเตี๋ยวกัน คือเราโอเคกับเขา เขาโอเคกับเรา  13พย 2566  เขาชวนเราไปเที่ยวทะเลที่ชลบุรีแบบกระทันหัน ไปเช้าเย็นกลับวันนั้นเรามีความสุขมากๆ เราได้เป็นตัวเอง ไปไหนไปกัน เราดูแผนที่ดูทางให้กับเขา  เขาพยายามถามเราถ่ายรูปไหม  มุมนี้สวยไปยืนตรงนี้ ถ่ายอีกไหม คอยถามไถ่ตลอด เรารู้สึกแบบเออทำไมผช. คนนี้อบอุ่นจัง จน 21 พย 2566 เราไปลอยกระทงกับเขา เขาพาเราไปที่ที่เราอยากไปมาก เขาขับรถมอไซค์กลับ 60-70 KK ได้   ถ้าพูดง่ายๆเขาคือผู้ชายคนแรกที่เราลอยกระทงด้วย  หลังจากนั้นความสัมพันธ์ก้ดีขึ้นเรื่องเขาชวนเราไปกินเข้าหลังเลิกงาน สัปดาห์หนึ่ง 2-3 ครั้ง บ้านพักที่เราอยู่ถ้าพูดง่ายๆ เป็ฯทางผ่านที่ทำงานเขา ฟิลแบบ ทีทำงานเขา-บ้านพักเรา- บ้านเขา   คือเขาจะเเวะหาเราตอนไหนก็ได้ ถ้าพูดงง่ายๆเลย แต่ส่วนมากจะเป็นฟิลแบบมาถึงหน้าหมู่บ้านแล้วเขาจะโทรถาม ว่าไปหาของกินกันไหม ทั้งที่เราไม่ได้ทันตั้งตัวหรือ้รียกง่ายๆคือไม่ได้บอกนัดกันก่อนล่วงหน้าจะเป็นแบบนี้ตลอด ต้องเกิ่นเรื่องก่อนว่าช่วงกลางเดือน พย 2566 เขาได้ชวนเราไปงานรับปริญญาเขา เดือน ธค 2566 เราก็จองลางานให้เขาเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวไปงานเขา ระบะเวลาของก่อนที่จะถึงวันรับปริญญาเราก็เตรียมเสื้อผ้าของเราเพื่อไปงานเขา เตรียมซื้อของที่ที่จะไปให้เขา  จนวันหนึ่งเขาไปซื้อของที่ห้างเขาโทรมาบอกเรา เราก็ถามไปตามมารยาทไปกับใคร   เขาบอกไปกับพี่รหัส เราก็ถามไปกัน 2 คนหรอ  เขาบอกว่าใช่  เราก็ถามผช.หรอ แต่จริงๆเรารู้อยุ่แล้วว่าเป็ฯผญ เขาตอบ ผญ เราก็แบบเอ้าทำไมไปกันสองคน เขาก็บอกก็ให้มาช่วยเลือกซื้อของ เขาเลือกไม่เป็น เขาไม่รุ้เรื่องนี้เลยให้พี่รหัสมาช่วยเลือก แต่ในใจเราตอนนั้นคือมันเวลา 18.00-19.นน  ทำไมมานัดกันอะไรตอนนี้ เราเลยพูดว่าโอเคไม่กวนแล้ว เขาบอกเอ้า เดี๋ยวไปหาของกินกัน ชวนเราไปหาของกินหลังนัดพี่เขาเสร็จเราก็ไป ตอนนั้นเราก็รุ้สึกแปลกๆหลายเรื่อง  (แต่ในใจเรามีเซ้นนานแล้วเรื่องพี่รหัสเขาคนนี้แต่เขาไม่เคยรับรู้ว่าเรารู้ ว่าคนนี้น่าจะไม่ใช่แค่พี่รหัสแน่นอน)  ผ่านไป 4-5 วัน เราไปกินหมาล่ากัน  เราก็ถามเขาวันรับปริญญาของเขาว่ามีใครไปบ้าง เขาก็บอกมีคริบครัวเขาและเรา เราบอกอ่าวทำไมชวนไปน้อย เขาพูด ความจริงต้องมีพี่รหัสด้วยแต่เขามาไม่ได้ เขาน้อใจที่พี่รหัสมาไม่ได้ทั้งที่พี่รหัสรับปากว่าจะมาให้ได้  (ในใจเราแบบยิ้มพี่รหัสอีกล่ะ นี่ไงกุไปให้ได้ จะไปนอยเขาทำไมว่ะ แต่เราก็พยายามใจเย็นคุมสติตัวเองให้มากที่สุด) เราก็บอกเขาเขาไม่ว่างหรือป่าว  เขาบอกแต่เขาบอกพี่รหัสก่อนล่วงหน้าเดือนหนึ่งแล้วนะ  2 ปีที่แล้วพี่รหัสก็รับปากว่าจะมาให้ได้ เขาก็บอกพี่รหัสลางานไปเที่ยวปีใหม่ แต่มางานเขาไม่ได้ ไอ้เราก้พยายามปลอบเออถ้าเป็นเราเราก็จะไปงานปีใหม่นะ แล้วค่อยส่งของย้อนหลังมาให้ แต่เขาบอกเขาน้อยใจ เคยไปช่วยพี่รัหสไปซื้อของขายขนมปังเขาไม่เอาค่าน้ำมันจากพี่รหัสเลย พาไปนู้นนี่นั้น เหมือนคนในครอบครัว แต่สุดท้ายพี่รหัสเอาขนมปังมาขายให้เขาและคิดเงิน แต่สุดท้ายพี่รหัสมาขอโทษ  เขาก็บอกเขาน้อยใจที่ช่วยเหลือพี่รหัส พอเขารับปริญญาพี่รหัสกับมาไม่ได้ ตอนนั้นเราแบบโครตเฟลโครตน้อยใจ เราเลยบอกเขาไปว่า ทำไมเคยชอบพี่รหัสหรอ เขาอึ้งและเงียบ และบอกเราเคยชอบแต่นานเเล้ว ตอนนี้ไม่ได้ชอบเเล้ว เคยชอบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนอายุ 15 เขาบอกเนี่ยเขาเลยเล่าเรื่องเราให้พี่รหัสฟัง เราเป็นดาวติ๊อกนะ ต่างๆนาๆจนเราพูดไปว่าแล้วจะไปเล่าให้เขาฟังทำไม ความรุ้สึกเราตอนนั้นโครตแย่ จะร้องไห้ แต่ร้องไม่ได้ เพราะอยู่ในร้านหมาล่า เขาพยายามถามเราเป็นอะไรตลอด แต่ตอนเราคือแบบเฟลสุดๆ หลังจากนนั้น เราทะเละากันประมาณ 1 อาทิตยเรื่องพี่รหัสเขาบอกเราเขาไม่ได้อะไรกับพี่รหัสแล้ว แค่เราเพราะสบายใจเลยเล่าให้เราฟัง เราก็ขอให้เขาเซฟคำพูดไม่ต้องเล่าลึกอะไรขนาดนี้ก้ได้  เขาบอกแล้วยังไงงี้เขาจะเล่าอะไรให้เราฟังเรื่องผญ ก็คือเราจะนอยน้อยใจตลอดเลยใช่ไหม เราก็บอกเล่าได้ แต่ควรคิดก่อนพูด เขาก็ว่าเราคิดมาก เขารู้จักับพี่รหัสมา 10ปีก่อนหน้าที่จะรุ้จักเราอีก จะให้ทำยังไง จะให้ตัดพี่รหัสออกเขาทำไม่ได้ เราก็บอกเข้าใจเขานะ แต่ขอให้คิดก่อนพูดสักนิด  หลังจากนั้นก็ปรับความเข้าใจกัน เราก็คิดในใจว่าเออถ้าเราจะเลือกคุยกับเขาต่อเราต้องรับเรื่องนี้ให้ได้ มองไปว่าเขาไม่ได้อะไรกับพี่รหัสแล้ว แต่ถ้ามีอะไรลึกซึ้งหรือเรามาร็ทีหลังเราจะเลิกคุย  หลังจากนั้นความสัมพันธ์มันก็ละหองละแหง เพราะเราแอบกลัวด้วย พอวันที่ 24 ธค 2566 เขารับปริญญาเราก็ไป คือทุกอย่างมันโอเคและดีขึ้นมากๆ เขาพาเราไปแนะนำให้คนรอบตัวเขารู้จัก รวมถึงเพื่อนสนิท เราดีใจมากๆที่เขาพาไปเเนะนำจนพี่คนหนึ่งถามเขาว่าแฟนหรอ  เขาบอกใช่ครับ แต่ตอนนั้นเราต่างคนต่างร็ว่าเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน หลังจากนั้นวันนั้นเขาก็พาเราเเวะไปที่บ้านเราก็ไปเจอพ่อแม่เขา พ่อแม่เขาก็ถามไถ่เราเราก็โอเค ไม่ว่าจะเป็นฐานนะ หน้าี่การงาน การวางตัวของทางบ้านเขา  พอวันที่ 29 ธค  2566 เรามีแฟลนจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ เขาก็บอกให้เรากลับกับเขา เดี๋ยวเขาเเวะส่งเพราะเป็นทางผ่านทางไปบ้านเขาพอดี  วันที่ไปก็มีเขา น้องเขา แม่เขา และเรา นั่งรถไปด้วยกัน 4 คน เราก็ชวนเขาเเวะกินข้าวที่บ้าน เขาก็เจอครอบครัวเราทั้งหมดเลย ระยะเวลาตอนนั้นความสัมพันธ์มันก็โอเคไปหมด แต่มันไม่มีสถานะ   จน 5 มค 2567 ช่วงนั้นเราก็คุยกันได้ประมาณ 2 เดือนเราก้เลยตัดสินใจถามเขาเรื่องสถานะ เขาบอกค่อยๆดูกันไปเรื่อยๆก่อน ไม่ต้องรีบ คนที่เขาคุยๆมาส่วนมากเขาคุย 5-6เดือน บางคนก็เกือบปี  แต่บอกไม่ได้นะว่าจะได้คบไหม เราก็ถามว่ากำหนดเวลาได้ไหม ว่าให้คำตอบไม่ได้ ถ้าเขาพูดไปแล้วถึงตอนนั้นเขาบอกไม่ได้จะให้ทำยังไง เราก็บอกอ่าวยังงี้เราจะโดนเทเมื่อไหร่ก้ได้อะดิ้ เขาบอกอ่าวแล้วเราคุยก็ต่างฝ่ายต่างคุยกันคนเดียวไม่ใช่หรอ  เราก็บอกว่าเขาทำทุกอย่างเหมือนแฟนทำไมไม่คบกันไปเลย จะมารอทำไม เขาก็บอกว่าคนคุยก็ต้องทำตัวเหมือนแฟนไหม ถ้าก่อนจะคบหรือเป็นเเฟนกัน เขาบอกเราใจร้อน เร่งรีบ ตอนนั้นเราสับสนไปหมดว่าเราเร่งรีบ หรือใจร้อนไปหรอ ทั้งที่เราไปไหนด้วยกีนตลอดพ่อแม่รับรู้ ไปกินข้าว ไปเที่ยวทะเล ไปลอยกระทง ไปงานรับปริญญา ไปเจอพ่อแม่เขา  เขามาเจอพ่อแม่เราที่บ้าน เราก็แบบถึงขั้นขนาดนี้แล้วนะ หลังจากนั้นเราก็ระหองระแหงกัน เริ่มไม่มั่นใจในตัวเขา อีกใจก็คิดว่าตัวเองอาจคิดมาก หรือเร่งรีบใจร้อนมากเกินไปตามที่เขาบอก ตอนนั้นผช.อยู่ในช่วงตักพ้อหลายรอบมากที่จะจบความสัมพันธ์กัน เราเรียกเขามาคุยที่ห้องคุยกันไม่รุ้เรื่องเขาพยายามจะกลับบ้าน เราบอกเขาอย่าพึ่งกลับคุยกัยให้รุ้เรื่องเขานพยายามจะออกนอกห้อง แต่เราไม่ให้ออก ก็เกิดการดันและดึงกันอยุ่แบบนัน้ 5-10 นาที จนเขารีบคว้ารถกลับบ้าน ความเราอยากให้เข้าใจกันเราก็ขับรถตามเขาไป ตอนนั้นเขาโกรธเรามากและพูดว่าขนาดเรายังไม่เป็นแฟนกันยังขนาดนี้เลย ถ้าเป็นแฟนกันจะขนาดไหน ส่วนเราไม่ชอบคนหนีไปหา ฟิลราคือต้องเคลียกันให้รุ้เรื่องก่อน ไม่ใช่ตัดจบคว้ารถกลับบ้านแบบนี้ เราถียงกันจนเขาพูดมาว่มีเรืองจะบอก ถ้าบอกเราจะรับได้ไหม เราถามเรื่องอะไรเขาบอกเรื่องผญ เราคิดไว้แล้วล่ะต้องเกี่ยวกับพี่รหัสแน่ๆ แล้วก็ใช่จริงๆ เขาบอกว่าอีกไม่นานเขาจะไปกินหมุกระกับพี่รหัสเร็วนี้ เราก้แล้วไงต่อ เขาบอกเอ้าไม่โกรธอหรอ เราก็บอกจะโกรธทำไมก็เคยพูดไปแล้วว่าเข้าใจ ไม่ได้อะไรเเล้ว เคลียไปแล้ว เขาก็บอกทำไมตอนนั้นเราไม่พูดแบบนี้ เราบอกว่าเราพูดไปแล้ว แต่เขาไม่เชื่อเราเอง เขาเลยเงียบ หลังจากนั้นความสัมพันธ์เรามันก็เริ่มโอเคขึ้นเีขึ้นทีละนิด จนเดือนกพ 2566 เราก็เริ่มพูดกับเขา เรานอยที่เขาออนเฟสแต่เขาไม่อ่านเเชทเรา ไม่ตอบแชทเรา เพระาเรารอที 8-9 ชมกว่าเขาจะมาตอบเพราะเขาทำงานวิศวะ แต่เรานอยตรงที่เข้ามาตอบแปปหนึ่งก้ได้เราทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยกันพอสมควร เราเลยสึกเขาไม่ค่อยใส่ใจเรา หรือสนใจเราเท่าไหร่   จนเขาบอกเราว่ารอให้ผ่านหลังบวชไปก่อนได้ไหม เขามีเเพลนต้องบวช ต้นเดือน มีค 2567 เราก็บอกโอเค  จน 10 กพ 2567 เขาบอกเขามีปํญหากับเพื่อนร่วมงาน เราก็รับฟังเขา ว่าเรืองมันเป็นมายังไง เขาบอกพี่คนหนึ่งที่ทำงานเขากำลังมีแพลนจะลาออกกำลังหาที่ทำงานใหม่ทำอยุ่ และเขาก้ไปทักแซวคนนั้นว่า ฮั่นแน่... จะไปทำงานที่ทำงานใหม่แล้วหรอ  ได้งานใหม่แล้วหรอ อะไรทำนองนี้ พี่ที่ทำงานเขาก็ว่าเขากลับว่า ต่อไปนี้น้องไม่ควรมาคุยกับพี่อีกแล้วนะ และพอตอนเย้นที่ทำงานเขามีประชุมกันและมีถามรายคนส่วนตัวเรื่องปัญหา เรื่องงาน คุยกันตัวต่อตัว และเขาก้ไปถามพี่คนนั้นอีกว่าพี่ครับเขาถามพี่ว่าอะไรบ้าง  พี่คนนั้นเลยว่ากลับ ต่อหน้าคนทั้งบรษัท 20-30 คนว่า พี่บอกน้องไปแล้วไงว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมาคุยกับพี่ น้องเป็นไฟ พี่เป็นน้ำมันเราเข้ากันไม่ได้  ต่อไปนี้น้องไม่ต้องมาคุยกับพี่อีก ไม่ต้องมายุ่งกับพี่อีก แล้วเขาบอกเราเกิดมาเขาไม่เคยเจอใครว่าเขาแรงแบบนี้  เราก็เลยบอกโอเคเราเข้าใจเขานะ เข้าใจมุมมองของเขาว่าเเซวเขา ไม่ได้คิดอะไร และเราก็เข้าใจพี่คนนั้น เขาไม่อยากให้ใครมายุ่งเรื่องของเขาหรือล้ำเซ้นของเขา  เราบอกว่างั้นต่อไปนี้ไม่ต้องไปอะไรกับเขาแล้ว จะพูดอะไรจะทำอะไรก้คิดดีๆก่อนพูด คำพูดมันสื่อได้หลายความหมาย เราก็พูดว่าเออมุมมองเขาอาจะมองมุมเดียว ที่เราพูดเพราะเตือนเขาไม่อยากให้คนอื่นเลิกคบกับเขาเพราะคำพูดของเขาที่ไม่คิดอะไร เขาก็บอกว่าเขาก้แค่บอกว่าเขาทำถูกแล้ว แต่เาก็บอกว่าเราพูดแบบนั้นไม่ได้ เราพูดได้ว่าเออเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย และเขาบอกเขาก็พูดให้เราฟังคนเดียวไหมล่ะ เราก็บอกว่าก็ใช่ไง เพราะเขาพูดให้เราฟังแค่คนเดียวเราก้สามารถเตือนเขาได้แค่คนเดียว เขาเลยเงียบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่