ธงทอง ชี้ ส.ว.แต่งตั้งควรหมดได้แล้ว แนะ ส.ว.ต้องมีคุณภาพก่อนหากหวังได้องค์อิสระมีคุณภาพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4489377
ธงทอง ชี้ ส.ว.แต่งตั้งควรหมดได้แล้ว แนะ ส.ว.ต้องมีคุณภาพก่อนหากหวังได้องค์อิสระมีคุณภาพ เหตุอำนาจผูกกับ ส.ว.
จากกรณี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องเตรียมความพร้อมลุยสนาม ส.ว. ที่รัฐสภา วันที่ 24 มีนาคมนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มีนาคม นาย
ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกฯ บรรยายในหัวข้อ “
สว. มีไว้ทำไม?” ตอนหนึ่งว่า ห้วงเวลาเกือบ 100 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเมื่อดูรัฐธรรมนูญทุกฉบับแล้ว เรามีวุฒิสภาเกิดขึ้นควบคู่กับสภาผู้แทนราษฎรเสมอ โดยรัฐธรรมนูญก่อนปี 40 วุฒิสภาหน้าตาเหมือนกันหมดคือ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่พระราชอำนาจโดยดุลยพินิจอิสระ แต่มีผู้รับผิดชอบนำความขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งก็คือนายกฯ ที่มีสิทธิเสนอชื่อคนที่จะเป็น ส.ว.ได้ ทั้งนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเกิดขึ้นและทำรัฐธรรมนูญในปี 2517 จะมีคำถามเกิดขึ้นทุกครั้งในการร่างรัฐธรรมนูญว่าทำไมควรมีวุฒิสภา เหตุผลที่ตอบกันมาตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงวันนี้ เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากพื้นที่การเลือกตั้งตามจังหวัดต่างๆ และมีพรรคการเมืองเป็นผู้สนับสนุน ความเป็นการเมืองมาก จึงเป็นธรรมชาติของสภาฯ ที่ว่าหากพรรคเราเสนอพรรคอื่นก็ต้องไม่เข้าท่า กระทั่งมีข้อกังวลว่าอาจละเลยเหตุผลที่แท้จริงจึงต้องมีวุฒิสภาอยู่
นาย
ธงทอง กล่าวว่า กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ เปิดให้มีการเสนอชื่อส.ว. ซึ่งมาจากหลากหลายมากขึ้นทั้งพรรคการเมือง และหลากหลายสาขาอาชีพ ดังนั้นในปี 39 ส.ว.จึงมีความหลากหลายมากขึ้น เมื่อมาถึงปี 40 ที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตนเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้น ซึ่งปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอในเวลาทำร่างรัฐธรรมนูญคือควรมีวุฒิสภาหรือไม่ ทุกคนตอบว่ามีแต่เมื่อถามว่ามาจากไหน เสียงส่วนใหญ่ตอบว่าควรมีที่มาจากการเลือกตั้ง จึงเกิดการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกในปี 40 และรัฐธรรมนูญ 40 ได้ติดอาวุธชิ้นใหม่ให้กับส.ว.คือก่อให้เกิดองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น แล้วแปะอำนาจนี้ไว้ที่ส.ว. เพราะเราหลอกตัวเองมาตั้งแต่ต้นว่าส.ว.ไม่มีการเมือง เพราะเห็นว่าไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่สุดท้ายแล้วข้อปฏิบัติที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่เห็นจะจริงอย่างที่ว่า องค์กรอิสระก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อิสระ ศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นหลักได้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ได้ตามความคาดหวัง เพราะเอาอำนาจไปผูกไว้กับส.ว.
นาย
ธงทอง กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงรัฐธรรมนูญปี 50 ก็ยังมีคำถามกันอีกว่าจะให้ ส.ว.มาแบบไหน หากเลือกตั้งแบบเดิมก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นแต่งตั้งก็วนกลับไปที่เดิมว่าใครเป็นคนตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 50 ต้องลงประชามติก่อนประกาศใช้ ดังนั้นส.ว.จึงมีทั้งเลือกตั้งและแต่งตั้งทำงานด้วยกัน ซึ่งจากการสังเกตการ ส.ว.กลายเป็นปลาสองน้ำโดยปลาสำลักน้ำทุกตัว ไม่สามารถฟังก์ชั่นอะไรดีๆ ได้ มาถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่กำลังจะต้องมีส.ว.ชุดใหม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าองค์กรอิสระจำนวนไม่น้อยเป็นองค์กรที่ไม่อิสระเลย ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นที่พึ่งในทางหลักการประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง ดังนั้นหากเราหวังว่าในอนาคตคนที่จะมาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระจะเป็นคนมีคุณภาพ ส.ว.ของเราต้องมีคุณภาพก่อน ต้องชัดเจนว่าตัวเองจะเข้าไปทำหน้าที่อะไร สิ่งเหล่านี้เป็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญ
“
ผมมองว่า ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งน่าจะหมดได้แล้ว ส่วนส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง หากวันหนึ่งจะมีการเลือกตั้งทั้งหมด การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรหากใช้เขตพื้นที่เป็นเขตเลือกตั้งจะเป็นความซ้ำซ้อนกับสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ต้องตอบคำถามให้ได้ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายสำคัญ จะทำให้พัฒนาการเมืองบ้านเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง” นาย
ธงทอง กล่าว
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จัดสัมมนา ‘เตรียมความพร้อมลุยสนามส.ว.’ เผย 4 ข้อกังวลกระบวนการคัดเลือก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4489351
‘กมธ.พัฒนาการเมืองฯ’ จัดสัมมนา ‘เตรียมความพร้อมลุยสนาม สว.’ พริษฐ์ เผย 4 ข้อกังวลกระบวนการคัดเลือกอาจส่อล็อกโหวตได้-ไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญ ยก ‘มณเฑียร บุญตัน’ เป็นบุคคลตัวอย่าง บอก ภายใต้กติกาที่คดเคี้ยวบิดเบี้ยวแต่สามารถทำหน้าที่อย่างซื่อตรงได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 มีนาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธาน กมธ. จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องเตรียมความพร้อมลุยสนาม ส.ว.
โดย นาย
พริษฐ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้และให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือก ส.ว. เนื่องจากมีความกังวลและข้อสังเกตว่ากระบวนการที่ซับซ้อนอาจจะยังสร้างความสับสนให้ประชาชน ซึ่งบางส่วนเราอาจจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยในส่วนของข้อสังเกตและข้อกังวลที่เรามี คือ
1. ในเชิงระบบ ส.ว.ชุดใหม่ แม้จะมีที่มาและอำนาจแตกต่างจากชุดเดิม แต่ก็อาจจะมีโครงสร้างที่ไม่ได้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล ซึ่งหาก ส.ว.ไม่ได้มีที่มาที่ยึดโยงกับประชาชน คือมาจากการเลือกตั้ง อำนาจก็ไม่ควรสูงมากนัก
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า
2. กระบวนการที่ถูกออกแบบมานั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะไม่ตอบรับกับเป้าหมายในการได้มาซึ่งผู้ที่อาจจะมีความเชี่ยวชาญ หรือเป็นที่ยอมรับในสังคมในแต่ละสาขาอาชีพของตนเองมากที่สุด
3. กระบวนการที่ออกแบบมานั้นมีความสุ่มเสี่ยงในการล็อกโหวตแบบจัดตั้ง คือแทนที่จะเปิดให้มีการแข่งขันแบบธรรมชาติ ให้ผู้ที่สมัครเข้ามาคัดเลือกกันเองตามความสามารถ แต่กลายเป็นว่ากติกานี้อาจจะเอื้อให้ผู้สมัครบางคนไประดมคนอื่นเข้ามาเป็นผู้สมัครเป็น ส.ว.ในทุกกลุ่มอาชีพกระจายทั่วประเทศ แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้ามาสมัครเป็น ส.ว. แต่เข้ามาเลือกบุคคลนั้นเพื่อให้เข้าไปเป็น ส.ว.
และ 4. กระบวนการที่ซับซ้อนอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมา ก็อาจจะไม่สามารถไขข้อสงสัยหรือให้ความกระจ่าง ความชัดเจนในรายละเอียดได้ เช่น กรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตเรื่องการรณรงค์หรือการแนะนำตัวผู้สมัครแต่ละคนที่อยากจะแนะนำตัวและประสบการณ์ที่ตนเองเคยมีให้บุคคลอื่นได้รับทราบนั้น จะสามารถทำได้มากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งระเบียบในส่วนนี้ยังไม่ได้คลอดหรือหากคลอดออกมาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเอื้อในส่วนนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
นาย
พริษฐ์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนอยากสื่อสารไปถึงบุคคล 4 กลุ่ม ที่ตนคิดว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญมากในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน กลุ่มแรกคือ กกต. แม้ตนจะเห็นใจที่ กกต.ไม่ได้ออกแบบกติกานี้มา แต่ในเชิงปฏิบัติก็อาจจะมีหลายอย่างที่ทำให้ กกต.ทำงานลำบากพอสมควร จึงอยากฝากว่าให้ออกระเบียบในการเอื้อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด และไม่อยากให้ออกระเบียบที่ปิดกั้นการรณรงค์ให้ผู้สมัครแต่ละคนสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้ กลุ่มที่สองคือประชาชน อยากสื่อสารให้ช่วยเป็นหูเป็นตา เป็นปากเป็นเสียงให้กระบวนการเหล่านี้เยอะที่สุด ว่ากระบวนการเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยความโปร่งใสหรือไม่
นาย
พริษฐ์กล่าวอีกว่า กลุ่มที่สามคือ กลุ่มคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถสมัคร ส.ว.ได้ อยากเชิญชวนให้เข้ามาสมัครกันเยอะๆ ซึ่งยิ่งสมัครเข้ามาเยอะเท่าไหร่ การแข่งขันเยอะเท่าไหร่ ตนเชื่อว่าคนที่เข้ามาจะยิ่งมีคุณภาพ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือ คนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ว. อยากให้ตระหนักว่าแม้อำนาจที่มีอาจจะมากกว่าอำนาจที่ควรมี ในฐานะที่อาจจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามหลักประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าหากใช้อำนาจหน้าที่ตรงนั้นด้วยความรับผิดชอบ เป็นธรรม ปกป้องประชาธิปไตย สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประโยชน์ประเทศ แม้อาจจะเป็นการลดอำนาจของตัวเองก็ตาม รวมถึงตรวจสอบฝ่ายบริหารทุกฝ่ายอย่างเข้มข้นด้วยมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งหากท่านใช้อำนาจหน้าที่ของท่านตามที่ตนกล่าวไป ตนเชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนการทำหน้าที่ของพวกท่านเช่นกัน
“
ความจริงบุคคลที่ดีที่สุดที่ควรจะมาสื่อสารเรื่องนี้ และเป็นบุคคลหนึ่งที่ผมนับถือ และเป็นบุคคลที่ผมนึกถึงเป็นคนแรกๆ ตอนที่จะจัดกิจกรรมครั้งนี้ ผมโทรไปหาท่านและท่านก็ตอบรับทันที แต่วันนี้ท่านไม่สามารถมาร่วมงานได้ นั่นคืออดีต ส.ว.มณเฑียร บุญตัน อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตัดสินใจและผลงานของนายมณเฑียร เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ภายใต้ระบบที่อาจจะยังคดเคี้ยวบิดเบี้ยวอยู่บ้าง แต่ท่านก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างซื่อตรงต่อประชาชน และยืนตรงต่อกติกาที่ควรจะเป็นธรรม ซึ่งก็หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ ส.ว.จะเอาผลงานและการกระทำของนายมณเฑียรเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการปฎิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมือง” นาย
พริษฐ์กล่าว
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน จับตา 3 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
https://www.prachachat.net/finance/news-1528195
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน ที่ระดับ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่หุ้นไทยยังคงปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.พ. ของไทย
วันที่ 24 มีนาคม 2567
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับภาพรวมการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุนในช่วงก่อนการประชุมเฟด ซึ่งถูกคาดหมายว่า อาจมีการปรับทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามค่าเงินเยน หลังผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด (ทั้งในส่วนของการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นมาที่กรอบ 0.0-0.1% การยุติ Yield Curve Control และการยกเลิกการเข้าซื้อ ETFs และ J-REITs) ขณะที่สัญญาณจากผู้ว่าการ BOJ สะท้อนว่า BOJ จะยังไม่ปรับท่าทีไปในเชิงคุมเข้มทันทีในระยะเวลาอันใกล้นี้
เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ หลังผลการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตามคาด แต่มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายผ่าน Dot plot ยังคงสะท้อนโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งไว้ตามเดิม
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของของธนาคารกลางอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ปรับลดดอกเบี้ยเหนือการคาดการณ์ของตลาด และธนาคารกลางอังกฤษที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 22 มี.ค. 2567 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 36.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 มี.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 18-22 มี.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 37,762 ล้านบาท และ 15,497 ล้านบาท ตามลำดับ
JJNY : ธงทองแนะ ส.ว.ต้องมีคุณภาพก่อน│กมธ.เผย 4 ข้อกังวลกระบวนการคัดเลือก│เงินบาทอ่อนค่ารอบ 5 ด.│ยูเครนโต้รัสเซียโยนบาป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4489377
ธงทอง ชี้ ส.ว.แต่งตั้งควรหมดได้แล้ว แนะ ส.ว.ต้องมีคุณภาพก่อนหากหวังได้องค์อิสระมีคุณภาพ เหตุอำนาจผูกกับ ส.ว.
จากกรณี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องเตรียมความพร้อมลุยสนาม ส.ว. ที่รัฐสภา วันที่ 24 มีนาคมนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มีนาคม นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกฯ บรรยายในหัวข้อ “สว. มีไว้ทำไม?” ตอนหนึ่งว่า ห้วงเวลาเกือบ 100 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเมื่อดูรัฐธรรมนูญทุกฉบับแล้ว เรามีวุฒิสภาเกิดขึ้นควบคู่กับสภาผู้แทนราษฎรเสมอ โดยรัฐธรรมนูญก่อนปี 40 วุฒิสภาหน้าตาเหมือนกันหมดคือ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่พระราชอำนาจโดยดุลยพินิจอิสระ แต่มีผู้รับผิดชอบนำความขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งก็คือนายกฯ ที่มีสิทธิเสนอชื่อคนที่จะเป็น ส.ว.ได้ ทั้งนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเกิดขึ้นและทำรัฐธรรมนูญในปี 2517 จะมีคำถามเกิดขึ้นทุกครั้งในการร่างรัฐธรรมนูญว่าทำไมควรมีวุฒิสภา เหตุผลที่ตอบกันมาตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงวันนี้ เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากพื้นที่การเลือกตั้งตามจังหวัดต่างๆ และมีพรรคการเมืองเป็นผู้สนับสนุน ความเป็นการเมืองมาก จึงเป็นธรรมชาติของสภาฯ ที่ว่าหากพรรคเราเสนอพรรคอื่นก็ต้องไม่เข้าท่า กระทั่งมีข้อกังวลว่าอาจละเลยเหตุผลที่แท้จริงจึงต้องมีวุฒิสภาอยู่
นายธงทอง กล่าวว่า กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ เปิดให้มีการเสนอชื่อส.ว. ซึ่งมาจากหลากหลายมากขึ้นทั้งพรรคการเมือง และหลากหลายสาขาอาชีพ ดังนั้นในปี 39 ส.ว.จึงมีความหลากหลายมากขึ้น เมื่อมาถึงปี 40 ที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตนเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้น ซึ่งปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอในเวลาทำร่างรัฐธรรมนูญคือควรมีวุฒิสภาหรือไม่ ทุกคนตอบว่ามีแต่เมื่อถามว่ามาจากไหน เสียงส่วนใหญ่ตอบว่าควรมีที่มาจากการเลือกตั้ง จึงเกิดการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกในปี 40 และรัฐธรรมนูญ 40 ได้ติดอาวุธชิ้นใหม่ให้กับส.ว.คือก่อให้เกิดองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น แล้วแปะอำนาจนี้ไว้ที่ส.ว. เพราะเราหลอกตัวเองมาตั้งแต่ต้นว่าส.ว.ไม่มีการเมือง เพราะเห็นว่าไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่สุดท้ายแล้วข้อปฏิบัติที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่เห็นจะจริงอย่างที่ว่า องค์กรอิสระก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อิสระ ศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นหลักได้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ได้ตามความคาดหวัง เพราะเอาอำนาจไปผูกไว้กับส.ว.
นายธงทอง กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงรัฐธรรมนูญปี 50 ก็ยังมีคำถามกันอีกว่าจะให้ ส.ว.มาแบบไหน หากเลือกตั้งแบบเดิมก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นแต่งตั้งก็วนกลับไปที่เดิมว่าใครเป็นคนตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 50 ต้องลงประชามติก่อนประกาศใช้ ดังนั้นส.ว.จึงมีทั้งเลือกตั้งและแต่งตั้งทำงานด้วยกัน ซึ่งจากการสังเกตการ ส.ว.กลายเป็นปลาสองน้ำโดยปลาสำลักน้ำทุกตัว ไม่สามารถฟังก์ชั่นอะไรดีๆ ได้ มาถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่กำลังจะต้องมีส.ว.ชุดใหม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าองค์กรอิสระจำนวนไม่น้อยเป็นองค์กรที่ไม่อิสระเลย ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นที่พึ่งในทางหลักการประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง ดังนั้นหากเราหวังว่าในอนาคตคนที่จะมาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระจะเป็นคนมีคุณภาพ ส.ว.ของเราต้องมีคุณภาพก่อน ต้องชัดเจนว่าตัวเองจะเข้าไปทำหน้าที่อะไร สิ่งเหล่านี้เป็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญ
“ผมมองว่า ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งน่าจะหมดได้แล้ว ส่วนส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง หากวันหนึ่งจะมีการเลือกตั้งทั้งหมด การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรหากใช้เขตพื้นที่เป็นเขตเลือกตั้งจะเป็นความซ้ำซ้อนกับสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ต้องตอบคำถามให้ได้ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายสำคัญ จะทำให้พัฒนาการเมืองบ้านเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง” นายธงทอง กล่าว
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จัดสัมมนา ‘เตรียมความพร้อมลุยสนามส.ว.’ เผย 4 ข้อกังวลกระบวนการคัดเลือก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4489351
‘กมธ.พัฒนาการเมืองฯ’ จัดสัมมนา ‘เตรียมความพร้อมลุยสนาม สว.’ พริษฐ์ เผย 4 ข้อกังวลกระบวนการคัดเลือกอาจส่อล็อกโหวตได้-ไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญ ยก ‘มณเฑียร บุญตัน’ เป็นบุคคลตัวอย่าง บอก ภายใต้กติกาที่คดเคี้ยวบิดเบี้ยวแต่สามารถทำหน้าที่อย่างซื่อตรงได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 มีนาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธาน กมธ. จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องเตรียมความพร้อมลุยสนาม ส.ว.
โดย นายพริษฐ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้และให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือก ส.ว. เนื่องจากมีความกังวลและข้อสังเกตว่ากระบวนการที่ซับซ้อนอาจจะยังสร้างความสับสนให้ประชาชน ซึ่งบางส่วนเราอาจจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยในส่วนของข้อสังเกตและข้อกังวลที่เรามี คือ
1. ในเชิงระบบ ส.ว.ชุดใหม่ แม้จะมีที่มาและอำนาจแตกต่างจากชุดเดิม แต่ก็อาจจะมีโครงสร้างที่ไม่ได้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล ซึ่งหาก ส.ว.ไม่ได้มีที่มาที่ยึดโยงกับประชาชน คือมาจากการเลือกตั้ง อำนาจก็ไม่ควรสูงมากนัก
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า
2. กระบวนการที่ถูกออกแบบมานั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะไม่ตอบรับกับเป้าหมายในการได้มาซึ่งผู้ที่อาจจะมีความเชี่ยวชาญ หรือเป็นที่ยอมรับในสังคมในแต่ละสาขาอาชีพของตนเองมากที่สุด
3. กระบวนการที่ออกแบบมานั้นมีความสุ่มเสี่ยงในการล็อกโหวตแบบจัดตั้ง คือแทนที่จะเปิดให้มีการแข่งขันแบบธรรมชาติ ให้ผู้ที่สมัครเข้ามาคัดเลือกกันเองตามความสามารถ แต่กลายเป็นว่ากติกานี้อาจจะเอื้อให้ผู้สมัครบางคนไประดมคนอื่นเข้ามาเป็นผู้สมัครเป็น ส.ว.ในทุกกลุ่มอาชีพกระจายทั่วประเทศ แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้ามาสมัครเป็น ส.ว. แต่เข้ามาเลือกบุคคลนั้นเพื่อให้เข้าไปเป็น ส.ว.
และ 4. กระบวนการที่ซับซ้อนอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมา ก็อาจจะไม่สามารถไขข้อสงสัยหรือให้ความกระจ่าง ความชัดเจนในรายละเอียดได้ เช่น กรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตเรื่องการรณรงค์หรือการแนะนำตัวผู้สมัครแต่ละคนที่อยากจะแนะนำตัวและประสบการณ์ที่ตนเองเคยมีให้บุคคลอื่นได้รับทราบนั้น จะสามารถทำได้มากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งระเบียบในส่วนนี้ยังไม่ได้คลอดหรือหากคลอดออกมาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเอื้อในส่วนนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
นายพริษฐ์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนอยากสื่อสารไปถึงบุคคล 4 กลุ่ม ที่ตนคิดว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญมากในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน กลุ่มแรกคือ กกต. แม้ตนจะเห็นใจที่ กกต.ไม่ได้ออกแบบกติกานี้มา แต่ในเชิงปฏิบัติก็อาจจะมีหลายอย่างที่ทำให้ กกต.ทำงานลำบากพอสมควร จึงอยากฝากว่าให้ออกระเบียบในการเอื้อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด และไม่อยากให้ออกระเบียบที่ปิดกั้นการรณรงค์ให้ผู้สมัครแต่ละคนสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้ กลุ่มที่สองคือประชาชน อยากสื่อสารให้ช่วยเป็นหูเป็นตา เป็นปากเป็นเสียงให้กระบวนการเหล่านี้เยอะที่สุด ว่ากระบวนการเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยความโปร่งใสหรือไม่
นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า กลุ่มที่สามคือ กลุ่มคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถสมัคร ส.ว.ได้ อยากเชิญชวนให้เข้ามาสมัครกันเยอะๆ ซึ่งยิ่งสมัครเข้ามาเยอะเท่าไหร่ การแข่งขันเยอะเท่าไหร่ ตนเชื่อว่าคนที่เข้ามาจะยิ่งมีคุณภาพ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือ คนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ว. อยากให้ตระหนักว่าแม้อำนาจที่มีอาจจะมากกว่าอำนาจที่ควรมี ในฐานะที่อาจจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามหลักประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าหากใช้อำนาจหน้าที่ตรงนั้นด้วยความรับผิดชอบ เป็นธรรม ปกป้องประชาธิปไตย สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประโยชน์ประเทศ แม้อาจจะเป็นการลดอำนาจของตัวเองก็ตาม รวมถึงตรวจสอบฝ่ายบริหารทุกฝ่ายอย่างเข้มข้นด้วยมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งหากท่านใช้อำนาจหน้าที่ของท่านตามที่ตนกล่าวไป ตนเชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนการทำหน้าที่ของพวกท่านเช่นกัน
“ความจริงบุคคลที่ดีที่สุดที่ควรจะมาสื่อสารเรื่องนี้ และเป็นบุคคลหนึ่งที่ผมนับถือ และเป็นบุคคลที่ผมนึกถึงเป็นคนแรกๆ ตอนที่จะจัดกิจกรรมครั้งนี้ ผมโทรไปหาท่านและท่านก็ตอบรับทันที แต่วันนี้ท่านไม่สามารถมาร่วมงานได้ นั่นคืออดีต ส.ว.มณเฑียร บุญตัน อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตัดสินใจและผลงานของนายมณเฑียร เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ภายใต้ระบบที่อาจจะยังคดเคี้ยวบิดเบี้ยวอยู่บ้าง แต่ท่านก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างซื่อตรงต่อประชาชน และยืนตรงต่อกติกาที่ควรจะเป็นธรรม ซึ่งก็หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ ส.ว.จะเอาผลงานและการกระทำของนายมณเฑียรเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการปฎิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมือง” นายพริษฐ์กล่าว
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน จับตา 3 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
https://www.prachachat.net/finance/news-1528195
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน ที่ระดับ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่หุ้นไทยยังคงปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.พ. ของไทย
วันที่ 24 มีนาคม 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับภาพรวมการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุนในช่วงก่อนการประชุมเฟด ซึ่งถูกคาดหมายว่า อาจมีการปรับทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามค่าเงินเยน หลังผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาด (ทั้งในส่วนของการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นมาที่กรอบ 0.0-0.1% การยุติ Yield Curve Control และการยกเลิกการเข้าซื้อ ETFs และ J-REITs) ขณะที่สัญญาณจากผู้ว่าการ BOJ สะท้อนว่า BOJ จะยังไม่ปรับท่าทีไปในเชิงคุมเข้มทันทีในระยะเวลาอันใกล้นี้
เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ หลังผลการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตามคาด แต่มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายผ่าน Dot plot ยังคงสะท้อนโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งไว้ตามเดิม
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของของธนาคารกลางอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ปรับลดดอกเบี้ยเหนือการคาดการณ์ของตลาด และธนาคารกลางอังกฤษที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 22 มี.ค. 2567 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือนที่ 36.48 ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 36.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 มี.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 18-22 มี.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 37,762 ล้านบาท และ 15,497 ล้านบาท ตามลำดับ