หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ลุงกะป้าพายายแฝดเที่ยว : วัย 50+ ขอสักครั้งที่จีน 7-19 มีนาคม2567 2567 ตอนที่ 3
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
13 มีนาคม 2567
วันนี้ต้องกลับเข้าสนามบินเพื่อบินต่อไปยังสนามบินต้าวเฉิง-ย่าติง ซึ่งก็ลุ้น ๆ กันอยู่ว่าจะลำบากแค่ไหน เพราะป้าไม่ได้ทำการบ้านในส่วนนี้ลุงเป็นคนทำ (เราแบ่งกันป้าทำ 4 ดรุณี-ลุงทำย่าติง) ตอนเที่ยง ก็อุทิศให้การเดินทางอีก 1 วันไปเลย ก็ดูจะไม่มีปัญหาใด ๆ นะ จนกระทั่งไปนั่งรอในเล้าจน์ของเฉสวนแอร์ไลน์ ก็สังเกตว่าเป้ลุงหายไปไหน เอาละสิงานเข้าละทีนี้ทุกอย่างอยู่ในนั้น ยกเว้นพาสปอร์ตและโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ที่สำคัญสุด ๆ คือยาที่ลุงต้องทานทุก ๆ วัน และกระเป๋าตังค์ที่ไม่ค่อยมีตังค์มีแต่บัตรต่าง ๆ นอกนั้นก็เป็น มาม่าคัพ+กล้วย+ขวดน้ำเปล่า ประเด็นคือเราผูกอารีเพลไว้กับบัตรพวกนั้น จะอายัตก็ไม่ได้ ปวดตับเลยทีนี้ ลุงให้ป้านั่งรอตรงนั้นเพราะป้าช้าและก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากจะเป็นห่วงรู้ว่าอยู่ที่ปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วง..... ส่วนลุงหาคนคุยที่รู้เรื่องคือพนักงานสายการบินนั้นแหละ น้องดีมากพาไปที่ที่คิดว่าจะหาย พาไปแจ้งความ ทำโน้นนี่นั่น แล้วก็นัดกันว่าวันที่พวกเรากลับเข้ามาสนามบินอีกครั้งค่อยตามเรื่อง (เราเองไม่มีเวลาด้วยเครื่องจะออกอยู่อีกไม่กี่นาทีแล้วด้วย ถ้าตามเรื่องเลยไม่ไปต่อก็อาจจะได้เรื่องวันนั้นเลย) สรุปคือน้องพนักงานก็บอกลุงว่าให้รีบๆ ทานข้าวจะให้เวลา 5 นาทีที่เหลือ อึกอักละทีนี้ขึ้นเครื่องเป็น 2 คนสุดท้ายเลย ก็เดินทางกันด้วยความไม่สบายใจสุด ๆ เหมือนกัน แต่ก็ต้องตัดใจให้เร็วที่สุดเพื่อไปต่อให้ได้ พอถึงสนามบินเราก็เจอทหารหรือตำรวจไม่รู้ เดินมาขอดูพาสปอร์ต ที่พัก เบอร์โทร เอาละเริ่ม ยังไงละนะ (ความรู้สึกมันบอก) แต่ก็ไม่มีอะไรเราก็เลยถามว่าเราจะนั่งรถบัสไปต้าวเฉิงได้ที่ไหน ด้วยวิธีแปลภาษา เขาก็พาเรามาขึ้นรถแล้วก็บอกคนขับว่าถึงจุดหมายเราค่ารถบัสมาต้าวเฉิงคนละ 35 หยวน (ตอนขั้นรถบัสลงมาจากสนามบินจะมีด่านด้วย ต่างชาติต้องลงทะเบียนที่พัก ไปไหน ถ่ายรูปพาสปอร์ตด้วยนะ ) แต่ เราต้องต่อด้วยแท็กซี่ไปย่าติงอีกประมาณ 75 กม. ซึ่งตรงนี้แหละปัญหาบังเกิดอีก ที่อ่านมาคือ 50 หยวน แต่จริง ๆ นั่นคือราคาที่มีคนแชร์ด้วย ถ้าเหมาก็ 200 หยวน อันนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยประทับใจมาก ๆ เพราะพอลงจากรถบัส แท็กซี่พวกนี้ก็เหมือนแร้งลงยังไงไม่รู้ (ไม่รู้คิดไปเองไหมนะ และก็คิดว่าน่าจะเป็นกับบางคันเท่านั้นไม่ได้เหมารวมนะ) มันอึดอัดมากทั้งความลุมของพวกเขา ความพูดกันไม่รู้เรื่อง ความ ที่เราเจอเหตุการณ์มาก่อนหน้านั้นคือ ตึงไปหมด ลุงพร้อมบวกมากตอนนี้ และก็เหมือนจะโชคดีน้องที่นั่งรถอีกคันที่รอคนแชร์เหมือนกันพูดภาษาอังกฤษได้ ตกลงเราก็ไปราคา 70 หยวนต่อคน แต่ก็นั่นแหละเมื่อมันเป็นธุรกิจไปแล้วน้องเขาก็ดูพูดมากเหมือนเขาตกลงกันที่เราฟังไม่ออกกับคนขับ สรุปเราจ่ายไป 2 คน 150 แล้วก็ยังมีการมาบอกอีกว่าขากลับให้เรียกเขา (อยากจะบอกว่ากูเบื่อโคตร ๆเลย...แค่คิดในใจนะ) เขายังไม่พอใจนะไปคุยกับน้องที่โรงแรมที่เราพักอีกขอดูเที่ยวบินขากลับด้วย อึ่ม (ขอกูไปถึงก่อนเต๊อะน่อ) เผลอ ๆ นะน้องนั่นไม่จ่ายสักบาทเป็นล่ามให้เขาแล้วนี่
กว่าจะถึงที่พักได้แทบลมจับ...พักแป๊ปปปปแล้วก็ชวนกันมาเดินดูเมืองเพื่อเป็นการปรับสภาพร่างกาย เอาละปัญหาต่อไปเรื่องอาหาร จะกินอะไรได้บ้าง ดีนะที่ยอมแบกส้มมาจากเฉิงตูและลูกแพรที่ได้มาจากสนามบิน โรงแรมไม่มีร้านอาหารด้วย ไม่งั้นก็สั่งพวกไข่ทอดไข่ดาวได้บ้าง ถูกใจร้านหนึ่ง ลองสั้งมาดูมันคือผัดผักลาดข้าวเอาแบบกล่องไปทานในห้องนอนอุ่น ๆ ดีกว่า......นั่นแหละคือต้องถ่ายรูปไว้พรุ่งนี้จะกินแบบนี้อีกแหละเพราะอื่น ๆ ไม่ไหวจริง ๆ ไม่รู้มาถึงจุดที่ต้องถ่ายรูปโชว์เขาว่าจะกินอะไร เอายังไง เพราะบางคนภาษีจีนเขายังต้องเรียกคนอื่นมาอ่านให้เพราะเขารู้แต่ภาษาทิเบต เอ่อออออออออ.....ไม่ยากมื้อต่อไปก็เอาผิดผักนี้แหละ แล้วก็หารูปข้าวสวยเปล่า ๆ ในกล่อง บอกจะเอาอย่างนี้แค่นั้นเอง ....ส่วนของโรงแรมไม่มีปัญหาใด ๆ เราจองไว้แค่คืนแรกถ้าไม่ไหวค่อยเปลี่ยนสรุปเรานอนที่เดิม 3 คืนเลย ก็บอกเขาว่าพรุ่งนี้เราจะไปย่าติงช่วยเรียกแท็กซี่ให้ด้วย ตอน 9.00 น.
สำหรับวันนี้หมดแรงแล้วจริง ๆ
14 มีนาคม 2567
วันนี้เราออกตอน 9.00 น. ด้วยแท็กซี่ เหมา 40 หยวนเข้าอุทยานตอนเย็นนัดน้องมารับด้วยตอน 17.00 น. โดยแปบให้เขาแต่น้องคนนี้ดีไม่พูดมาก ถูกจริตด้วย เดินเข้าอุทยานไปขึ้นลิฟท์ ไปชั้น 4 คือขายตั๋ว มีคนทักทายด้วยไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใครก็ทักหลายภาษานะแล้วก็สวัสดีครับชัดเจนป้าก็สวัสดีค่ะตอบเขาดีใจใหญ่เลย เราได้ตั๋วในราคา 360 หยวน สำหรับ 2 คน ทุก ๆ อย่าง (เข้าใจว่าช่วงโล น่าจะถูกกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละอะไร ๆ ก็ขึ้นราคา) เวรอีกละเจอน้องที่แชร์แท๊กซี่มาจากต้าวเฉิงด้วยกันพูดอยู่นั่นแหละอย่าลืมวันกลับให้โทรหาเขา (เรื่องไร ฉันจะต้องไปขึ้นอยู่กับเธอฉันเลือกได้ป๊ะ...คิดในใจ) ยังไม่รวมรถกะเปาะนะ แต่เจ้าหน้าที่ช่วยอย่างดีนะ อาจจะคนน้อยด้วย ขอบอกเรื่องการใช้สแกน บางที่บางอย่างอาจจะสแกนไม่ได้นะ ด้วยเราไม่มี วีแชชด้วย อารีเพลใช้ไม่ได้ไม่รู้เพราะอะไร เราต้องใช้เงินสดซื้อทั้งหมด บางที่เครื่องสแกนมันก็ให้เราสแกนหรือมันก็จะสแกนเรา *****(การใช้วิธีสแกนพวกนี้ดูเหมือนว่าถ้าเกิน 200 หยวนจะต้องมีค่าธรรมเนียมด้วยไม่รู้เรียกถูกไหม แต่ถ้าใช้ 2money ไม่ต้องจ่ายแต่ก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้น ๆ ได้เลย แล้วดูเหมือนจะใช้ได้ทุกที่ด้วย ส่วนแท็กซี่เขาใช้วีแชชเป็นส่วนมากหรือทั้งหมดเลย)*** ......อีกอย่างที่อยากจะบอกมาก ๆ สำหรับคนที่จะไปที่นี่ กรุณาเข้าห้องน้ำที่ตรงที่ขายตั๋วนี้เลยเพราะดูสะอาดกว่าที่อื่น ๆ ถ้าหวังจะไปเข้าที่อื่น ตรงที่ลงรถบัส ขอร้องมันโคตรเหม็น แล้วไม่มีน้ำด้วย อยากร้องไห้ ...............พอได้ตั๋วมาแล้วก็เดินไปขึ้นรถบัสถ้าเราต่างชาติต้องลงทะเบียนและให้เบอร์โทรไว้ด้วยนะ แต่กระดาษที่ให้ลงทะเบียนเป็นภาษาจีนหมด หงะ... ต้องท่องไว้เลยอันแรกคือชื่อ เลขพาสปอร์ต เบอร์โทรก็มั่ว ๆ ไป แฮ่ๆๆ ก็เดินขึ้นรถไปเต็มก็รอคันต่อไปได้จ่อรออยู่แล้วไม่นานเมื่อคนเต็มก็ออก แต่การขับคือเอ่อเส้วเสววววววววววววไม่แน่จริงทานยาแก้เมาด้วยเด้อพี่น้อง.......................อมบ๊วยหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เรากลืนน้ำลายได้บ่อย ๆจะช่วยได้เยอะเลย พอลงรถบัส.......ไม่ปวดจริงๆไม่ต้องเข้านะห้องน้ำเมาแน่นอน.........หลังจากลงรถก็เป็นเส้นทางที่เรากำหนดเองละใครเดินไปอีก ประมาณ 500 เมตร ที่เต็มไปด้วยลิงผู้หิวโหย อันนี้คือที่ป้าไม่ปลื้มสุดๆ แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่คุมตลอดเส้นทางโดยถือหนังสติ๊กไว้ยิงพวกมัน ดูเหมือนช่วงเช้าขาขึ้นไปจะเยอะจะมีเจ้าหน้าที่บอกตลอกเพียงแต่เราฟังไม่ออก พยายามเดินไปเป็นกลุ่มแล้วกัน อย่าหาที่จะควักอะไรออกมาเชียวจมูกดีมาก ...พอเดินถึงก็เป็นทางที่เรากำหนดเองละว่าเราจะไปต่อด้วยรถกะเปาะคนละ 70 หยวนไป-กลับ หรือไม่อยากเสียตังค์ก็เดินแยกเข้าวัดไป (แต่เชื่อเถอะต้องไปทั้ง 2 รูทหมดแหละ เพียงแต่จะไปทั้ง 2 ที่ ในวันเดียวหรือ ชิล ๆ ไปที่ละวัน) ถ้าไปต่อด้วยรถเขาก็จะบอกว่าขึ้นได้ถึงไหนเพราะช่วงนี้คือเป็นช่วงปิดประจำปีเขา
เอ่อ เราลงมาช้าไป 17 นาที น้องที่นัดมารับไปไหนไม่รู้ละ ก็เข้าใจได้นะ เราก็เรียกรถคันอื่น ซึ่งก็หลีกไม่พ้นรถคนที่นั่งมาจากต้าวเฉิงแหละ เอ่อโลกแคบก็ตอนนี้อีกแหละ จ่าย 40 หยวนค่ำละขี้เกียจรอคนแชร์ คำคานพวกนี้ด้วย อยากกลับไปพัก
15 มีนาคม 2567
โรงแรมเรียกแท็กซี่คันเดินที่ไปส่งเมื่อวานให้ 40 หยวน เขาถามจะให้รอรับตอนเย็นไหม เราบอกไม่ต้องไม่รู้เราจะลงมากี่โมง (ไม่อยากผูกมัดแหละ) วันนี้เราไปวัดชงกู่ระยะทางสั้น คิดว่าแป๊ป ๆ แต่ที่ไหนได้มันไม่ได้ง่ายเลยนะ เราเลือกเดินเข้าไปทางในวัดแทนทางเดินที่สะดวกที่เขาทำไว้ให้เพราะมันดูเหมือนปีนกะไดอย่างเดียว อันนี้แล้วแต่นะว่าแต่ละคนสะดวกอย่างไร เพราะจริง ๆ มันก็จะไปเจอกันแหละ ส่วนเราเลือกเดินออกประตูหลังวัดแล้วเดินขึ้นไปทางไม่สะดวกนักแต่ป้ามีความรู้สึกว่ามันสั้นกว่า อดทนนะ เพราะทางไม่ได้เปิดตลอดเวลา ต้องไปให้ถึงเป็นจุด ๆ ไปอย่าเพิ่งถอดใจ แต่บอกเลยว่าวิวที่ได้คือวิวมหาชนที่ทุกคนไปต้องมี และถ้าไหวก็เดินต่ออีก320 เมตร ก็จะได้วิวที่คิดว่าใกล้ที่สุด อย่างสวยเลยแหละ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะถ่ายรูปกันตรงทะเลสาบ ขอร้องละให้เดินต่อรอบ ๆ ทะเลสาบมีว้าวได้อีก
ระหว่างนั้นเราได้รับแจ้งจากสายการบินว่าจะยกเลิกเที่ยวบินเที่ยวที่เราจะกลับเข้าเฉิงตูวันที่ 18 กัน ไม่รู้มันเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย ......แต่เราสามารถเปลี่ยนตั๋วได้ 1 ครั้ง เราก็เลยคุยกันว่ามันไม่มีอะไรแล้วนิ น่าจะกลับไปให้เร็ว ๆ ไม่รู้จะไปไหนต่อละงั้นเรากลับวันที่ 16 แล้วกันถ้ามันเป็นไปได้ ก็คุยผ่าน Trip.com อันนี้ขอให้คะแนนเขานะเขาดูแลเราได้ดีกว่าเจ้าอื่นจริงๆ แจ้งเราแบบไม่ต้องรอนานได้เลย ให้คะแนนแบบไม่มีหักนะ ตามนั้นจะได้มีเวลาลั้นลาที่เฉิงตูอีก 1 วันแบบชิลๆๆๆ เราแจ้งโรงแรมว่าเราจะออกวันที่ 16 เช้าเลยเพื่อไปนอนที่ต้าวเฉิงเตรียมตัวไปสนามบินเพราะเที่ยวบินเช้า (ทางไปสนามบินก็นะไกลเหลือเกิน)
16 มีนาคม 2567
โรงแรมก็ให้น้องทิเบตนั้นแหละไปส่ง จ่ายเหมา ๆ 200 หยวน แล้วโรงแรมถามว่าทำไมไม่เอาคนที่มาส่งตอนแรกพวกเราทำหน้าแบบ ซึ่งคิดว่าเขาเข้าใจก็ได้แต่หัวเราะกัน ระยะทาง 75 กม. แต่อย่างว่าระหว่างทางคือไม่เคยเห็นไม่เคยเจอสวยตลอดทาง มาถึงต้าวเฉิงน้องแท็กซี่ก็พาไปหาโรงแรมที่เราจองไว้โทรหาคุย เขาถามว่าจะให้รับไปสนามบินไหม 200 หยวนเราว่าแพงไป เดี๋ยวเราให้โรงแรมหารถให้
เมืองต้าวเฉิงที่จริงพวกเราว่าน่าอยู่นะใหญ่ เป็นเหมือนเมืองที่ผู้คนต่างเมืองเข้ามาจับจ่ายซื้อของน่าจะเป็นเมืองค้าขายของย่านนี้ แต่...แต่เราไม่โอเครกะโรงแรม น้ำเย็นตลอด (ไม่อยากจะบอกว่าพวกเราไม่อาบน้ำฮ่า ๆ ) เมืองนี้หนาว ๆ มากกว่าทุก ๆ ที่ที่ผ่านมาในครั้งนี้ละคุยกะน้องต้อนรับโรงแรมซึ่งหน้าออกจะไม่รับแขกตลอด เราขอเขาเรียกแท็กซี่ให้พรุ่งนี้ตอน 7.00 ราคา 200 เราก็ตกลงตามนั้น ลงมาเพื่อรับคำยืนยัน 2-3 ครั้งไม่เคยเจอ แอบบ่นกันว่าพรุ่งนี้
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ซินเจียงอีกครั้งประสบการณ์สำหรับที่ต้องเรียนรู้ในวัย 50 กว่า ระหว่างวันที่ 15-30 ตุลาคม 2568 (7)
27 ตุลาคม 2568 วันนี้ตื่นแต่เช้า เตรียมอาหารสำหรับเดินทาง (กาแฟ น้ำร้อน ของหวานที่พกมาด้วยคือกล้วยตาก ช่วยได้เวลาไม่มีเวลาทานข้าว ทานกับน้ำชา หรือกาแฟได้อยู่) เก็บกระเป๋า (กระเป๋าทั้งหมดเอาไว้ที่ รร.
วันใหม่1234
成都+九寨沟+黄龙 เที่ยวคนเดียวก็ฟินได้ (รีวิว) part1
สวัสดีค่าา นี่เป็นการเขียนเล่าเรื่องอะไรแบบนี้ครั้งแรกของฉัน (ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะคะ) การเดินทางครั้งนี้เกิดจากการที่ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวหลังเรียนจบกับเพื่อนๆ แต่ก็ปัญหานิดหน
สมาชิกหมายเลข 2463605
ฤดูใบไม้ร่วงที่ฮาร์บิน,ฉางชุนและฉางไป๋ซาน
เราเดินทางสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ 23-31 ตุลาคม 2568 คราวนี้เราตั้งใจไปฉางชุนครับ ภูเขาหิมะฉางไป๋ซาน .ฉางชุนเป็นเมืองเอกของมณฑลจี๋หลินซึ่งเป็นหนึ่งในสามมณฑลของภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเ
คุณหมูยอ
ปฏิวัติการขนส่งแห่งโลกอนาคต ให้เครื่องบิน,รถไฟ,รถบัสเป็นยานพาหนะสนับสนุนการเดินทางแก่กันและกัน ไม่เป็นคู่แข่งกัน
หลายคนมองว่ารถไฟความเร็วสูงเป็นคู่แข่งของรถบัส เครื่องบินก็เป็นคู่แข่งกับรถไฟความเร็วสูง ซึ่งในบางกรณี ยานพาหนะเหล่านี้ก็สามารถเป็นคู่แข่งกันได้ เพราะอย่างเครื่องบินก็สามารถเดินทางให้ถึงเป้าหมายในระยะ
สมาชิกหมายเลข 4764697
ซินเจียงอีกครั้งประสบการณ์สำหรับที่ต้องเรียนรู้ในวัย 50 กว่า ระหว่างวันที่ 15-30 ตุลาคม 2568 (3)
วันที่ 19 ตุลาคม 2568 วันนี้เป็นวันเดินทาง จะออกจากคานาสเพื่อไปเหอมู่ โดยโรงแรมจัดหารถให้เป็นรถแชร์กัน เขามารับตอน 10.00 น. ขอบอกระหว่างทางคือวิวดีแบบดีมาก ถึงเหอมู่บ่าย ๆ เข้าที่พัก และเที่ยวต่อไปเ
วันใหม่1234
พักร้อนพักใจ เกาะฟูก๊วก 4 D 3 N ในงบ 10,xxx
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว BP ทุกท่าน รอบนี้จะมารีวิวทริปเกาะฟูก๊วก เราเดินทางกันเดือนสค ที่ผ่านมา รอบนี้เราใช้บริการสายการบิน Thai VietJet Air(แอบกังวลนิดนึงเป็นครั้งแรกที่บิน สกบ นี้ได้ยินว่าดีเลย์บ่อยมั๊ก
Destiny99
ซินเจียงอีกครั้งประสบการณ์สำหรับที่ต้องเรียนรู้ในวัย 50 กว่า ระหว่างวันที่ 15-30 ตุลาคม 2568 (5)
24 ตุลาคม 2568 ออกสายนิ๊ดนึ่ง วันนี้ต้องเดินทางอีกแล้วซื้อตั๋วรถไฟ ตัวดี เส้นทางอุรุมชีถึงถูลู่ฟาน เพื่อไปขึ้นเครื่องที่นั่นจุดหมายคือคัชการ์ มีเวลาทั้งวัน เมื่อวานเตร่สถานีรถไปละ วันนี้จะเตร่แถวหน้า
วันใหม่1234
ซินเจียงอีกครั้งประสบการณ์สำหรับที่ต้องเรียนรู้ในวัย 50 กว่า ระหว่างวันที่ 15-30 ตุลาคม 2568 (2)
วันที่ 18 ตุลาคม 2568 วันนี้เป็นวันที่ได้เที่ยวละ หลังจากเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 15 มีปัญหามากมายต้องแก้ไขหน้างานกันเป็นเรื่องปกติ แม้แต่เรื่องเที่ยวในวันนี้ก็ต้องขอน้องที่โรงแรมช่วยหารถให้เพราะไม่มีบ
วันใหม่1234
เที่ยวเซนได ดูใบไม้เปลี่ยนสี เขื่อนนารูโกะ กินซูชิร้านดังชิโอกามะ
เดินทางในวันที่25-31ตุลาคมนะครับ ใช้สายการบิน JAL เครื่องบินออก8.05 จากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เดินทางไปถึงสนามบินตั้งแต่6โมงเช้า เลยไปเข้าเล้าจ์ของMiracle โดยใช้สิทธิ์จากบัตร UOB premier ข้อดีของเล้าจ์
apotheker
สนามบินนราธิวาสมีแท็กซี่ไป อำเภอจะแนะ มั้ย
ขอถามหน่อยนะครับ ที่สนามบินนราธิวาส มีรถแท็กซี่ ไปอำเภอ จะแนะ มั้ยครับ ราคาค่ารถเท่าไหร่ ครับ
สมาชิกหมายเลข 9118198
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ลุงกะป้าพายายแฝดเที่ยว : วัย 50+ ขอสักครั้งที่จีน 7-19 มีนาคม2567 2567 ตอนที่ 3
วันนี้ต้องกลับเข้าสนามบินเพื่อบินต่อไปยังสนามบินต้าวเฉิง-ย่าติง ซึ่งก็ลุ้น ๆ กันอยู่ว่าจะลำบากแค่ไหน เพราะป้าไม่ได้ทำการบ้านในส่วนนี้ลุงเป็นคนทำ (เราแบ่งกันป้าทำ 4 ดรุณี-ลุงทำย่าติง) ตอนเที่ยง ก็อุทิศให้การเดินทางอีก 1 วันไปเลย ก็ดูจะไม่มีปัญหาใด ๆ นะ จนกระทั่งไปนั่งรอในเล้าจน์ของเฉสวนแอร์ไลน์ ก็สังเกตว่าเป้ลุงหายไปไหน เอาละสิงานเข้าละทีนี้ทุกอย่างอยู่ในนั้น ยกเว้นพาสปอร์ตและโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ที่สำคัญสุด ๆ คือยาที่ลุงต้องทานทุก ๆ วัน และกระเป๋าตังค์ที่ไม่ค่อยมีตังค์มีแต่บัตรต่าง ๆ นอกนั้นก็เป็น มาม่าคัพ+กล้วย+ขวดน้ำเปล่า ประเด็นคือเราผูกอารีเพลไว้กับบัตรพวกนั้น จะอายัตก็ไม่ได้ ปวดตับเลยทีนี้ ลุงให้ป้านั่งรอตรงนั้นเพราะป้าช้าและก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากจะเป็นห่วงรู้ว่าอยู่ที่ปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วง..... ส่วนลุงหาคนคุยที่รู้เรื่องคือพนักงานสายการบินนั้นแหละ น้องดีมากพาไปที่ที่คิดว่าจะหาย พาไปแจ้งความ ทำโน้นนี่นั่น แล้วก็นัดกันว่าวันที่พวกเรากลับเข้ามาสนามบินอีกครั้งค่อยตามเรื่อง (เราเองไม่มีเวลาด้วยเครื่องจะออกอยู่อีกไม่กี่นาทีแล้วด้วย ถ้าตามเรื่องเลยไม่ไปต่อก็อาจจะได้เรื่องวันนั้นเลย) สรุปคือน้องพนักงานก็บอกลุงว่าให้รีบๆ ทานข้าวจะให้เวลา 5 นาทีที่เหลือ อึกอักละทีนี้ขึ้นเครื่องเป็น 2 คนสุดท้ายเลย ก็เดินทางกันด้วยความไม่สบายใจสุด ๆ เหมือนกัน แต่ก็ต้องตัดใจให้เร็วที่สุดเพื่อไปต่อให้ได้ พอถึงสนามบินเราก็เจอทหารหรือตำรวจไม่รู้ เดินมาขอดูพาสปอร์ต ที่พัก เบอร์โทร เอาละเริ่ม ยังไงละนะ (ความรู้สึกมันบอก) แต่ก็ไม่มีอะไรเราก็เลยถามว่าเราจะนั่งรถบัสไปต้าวเฉิงได้ที่ไหน ด้วยวิธีแปลภาษา เขาก็พาเรามาขึ้นรถแล้วก็บอกคนขับว่าถึงจุดหมายเราค่ารถบัสมาต้าวเฉิงคนละ 35 หยวน (ตอนขั้นรถบัสลงมาจากสนามบินจะมีด่านด้วย ต่างชาติต้องลงทะเบียนที่พัก ไปไหน ถ่ายรูปพาสปอร์ตด้วยนะ ) แต่ เราต้องต่อด้วยแท็กซี่ไปย่าติงอีกประมาณ 75 กม. ซึ่งตรงนี้แหละปัญหาบังเกิดอีก ที่อ่านมาคือ 50 หยวน แต่จริง ๆ นั่นคือราคาที่มีคนแชร์ด้วย ถ้าเหมาก็ 200 หยวน อันนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยประทับใจมาก ๆ เพราะพอลงจากรถบัส แท็กซี่พวกนี้ก็เหมือนแร้งลงยังไงไม่รู้ (ไม่รู้คิดไปเองไหมนะ และก็คิดว่าน่าจะเป็นกับบางคันเท่านั้นไม่ได้เหมารวมนะ) มันอึดอัดมากทั้งความลุมของพวกเขา ความพูดกันไม่รู้เรื่อง ความ ที่เราเจอเหตุการณ์มาก่อนหน้านั้นคือ ตึงไปหมด ลุงพร้อมบวกมากตอนนี้ และก็เหมือนจะโชคดีน้องที่นั่งรถอีกคันที่รอคนแชร์เหมือนกันพูดภาษาอังกฤษได้ ตกลงเราก็ไปราคา 70 หยวนต่อคน แต่ก็นั่นแหละเมื่อมันเป็นธุรกิจไปแล้วน้องเขาก็ดูพูดมากเหมือนเขาตกลงกันที่เราฟังไม่ออกกับคนขับ สรุปเราจ่ายไป 2 คน 150 แล้วก็ยังมีการมาบอกอีกว่าขากลับให้เรียกเขา (อยากจะบอกว่ากูเบื่อโคตร ๆเลย...แค่คิดในใจนะ) เขายังไม่พอใจนะไปคุยกับน้องที่โรงแรมที่เราพักอีกขอดูเที่ยวบินขากลับด้วย อึ่ม (ขอกูไปถึงก่อนเต๊อะน่อ) เผลอ ๆ นะน้องนั่นไม่จ่ายสักบาทเป็นล่ามให้เขาแล้วนี่
กว่าจะถึงที่พักได้แทบลมจับ...พักแป๊ปปปปแล้วก็ชวนกันมาเดินดูเมืองเพื่อเป็นการปรับสภาพร่างกาย เอาละปัญหาต่อไปเรื่องอาหาร จะกินอะไรได้บ้าง ดีนะที่ยอมแบกส้มมาจากเฉิงตูและลูกแพรที่ได้มาจากสนามบิน โรงแรมไม่มีร้านอาหารด้วย ไม่งั้นก็สั่งพวกไข่ทอดไข่ดาวได้บ้าง ถูกใจร้านหนึ่ง ลองสั้งมาดูมันคือผัดผักลาดข้าวเอาแบบกล่องไปทานในห้องนอนอุ่น ๆ ดีกว่า......นั่นแหละคือต้องถ่ายรูปไว้พรุ่งนี้จะกินแบบนี้อีกแหละเพราะอื่น ๆ ไม่ไหวจริง ๆ ไม่รู้มาถึงจุดที่ต้องถ่ายรูปโชว์เขาว่าจะกินอะไร เอายังไง เพราะบางคนภาษีจีนเขายังต้องเรียกคนอื่นมาอ่านให้เพราะเขารู้แต่ภาษาทิเบต เอ่อออออออออ.....ไม่ยากมื้อต่อไปก็เอาผิดผักนี้แหละ แล้วก็หารูปข้าวสวยเปล่า ๆ ในกล่อง บอกจะเอาอย่างนี้แค่นั้นเอง ....ส่วนของโรงแรมไม่มีปัญหาใด ๆ เราจองไว้แค่คืนแรกถ้าไม่ไหวค่อยเปลี่ยนสรุปเรานอนที่เดิม 3 คืนเลย ก็บอกเขาว่าพรุ่งนี้เราจะไปย่าติงช่วยเรียกแท็กซี่ให้ด้วย ตอน 9.00 น.
สำหรับวันนี้หมดแรงแล้วจริง ๆ
14 มีนาคม 2567
วันนี้เราออกตอน 9.00 น. ด้วยแท็กซี่ เหมา 40 หยวนเข้าอุทยานตอนเย็นนัดน้องมารับด้วยตอน 17.00 น. โดยแปบให้เขาแต่น้องคนนี้ดีไม่พูดมาก ถูกจริตด้วย เดินเข้าอุทยานไปขึ้นลิฟท์ ไปชั้น 4 คือขายตั๋ว มีคนทักทายด้วยไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใครก็ทักหลายภาษานะแล้วก็สวัสดีครับชัดเจนป้าก็สวัสดีค่ะตอบเขาดีใจใหญ่เลย เราได้ตั๋วในราคา 360 หยวน สำหรับ 2 คน ทุก ๆ อย่าง (เข้าใจว่าช่วงโล น่าจะถูกกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละอะไร ๆ ก็ขึ้นราคา) เวรอีกละเจอน้องที่แชร์แท๊กซี่มาจากต้าวเฉิงด้วยกันพูดอยู่นั่นแหละอย่าลืมวันกลับให้โทรหาเขา (เรื่องไร ฉันจะต้องไปขึ้นอยู่กับเธอฉันเลือกได้ป๊ะ...คิดในใจ) ยังไม่รวมรถกะเปาะนะ แต่เจ้าหน้าที่ช่วยอย่างดีนะ อาจจะคนน้อยด้วย ขอบอกเรื่องการใช้สแกน บางที่บางอย่างอาจจะสแกนไม่ได้นะ ด้วยเราไม่มี วีแชชด้วย อารีเพลใช้ไม่ได้ไม่รู้เพราะอะไร เราต้องใช้เงินสดซื้อทั้งหมด บางที่เครื่องสแกนมันก็ให้เราสแกนหรือมันก็จะสแกนเรา *****(การใช้วิธีสแกนพวกนี้ดูเหมือนว่าถ้าเกิน 200 หยวนจะต้องมีค่าธรรมเนียมด้วยไม่รู้เรียกถูกไหม แต่ถ้าใช้ 2money ไม่ต้องจ่ายแต่ก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้น ๆ ได้เลย แล้วดูเหมือนจะใช้ได้ทุกที่ด้วย ส่วนแท็กซี่เขาใช้วีแชชเป็นส่วนมากหรือทั้งหมดเลย)*** ......อีกอย่างที่อยากจะบอกมาก ๆ สำหรับคนที่จะไปที่นี่ กรุณาเข้าห้องน้ำที่ตรงที่ขายตั๋วนี้เลยเพราะดูสะอาดกว่าที่อื่น ๆ ถ้าหวังจะไปเข้าที่อื่น ตรงที่ลงรถบัส ขอร้องมันโคตรเหม็น แล้วไม่มีน้ำด้วย อยากร้องไห้ ...............พอได้ตั๋วมาแล้วก็เดินไปขึ้นรถบัสถ้าเราต่างชาติต้องลงทะเบียนและให้เบอร์โทรไว้ด้วยนะ แต่กระดาษที่ให้ลงทะเบียนเป็นภาษาจีนหมด หงะ... ต้องท่องไว้เลยอันแรกคือชื่อ เลขพาสปอร์ต เบอร์โทรก็มั่ว ๆ ไป แฮ่ๆๆ ก็เดินขึ้นรถไปเต็มก็รอคันต่อไปได้จ่อรออยู่แล้วไม่นานเมื่อคนเต็มก็ออก แต่การขับคือเอ่อเส้วเสววววววววววววไม่แน่จริงทานยาแก้เมาด้วยเด้อพี่น้อง.......................อมบ๊วยหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เรากลืนน้ำลายได้บ่อย ๆจะช่วยได้เยอะเลย พอลงรถบัส.......ไม่ปวดจริงๆไม่ต้องเข้านะห้องน้ำเมาแน่นอน.........หลังจากลงรถก็เป็นเส้นทางที่เรากำหนดเองละใครเดินไปอีก ประมาณ 500 เมตร ที่เต็มไปด้วยลิงผู้หิวโหย อันนี้คือที่ป้าไม่ปลื้มสุดๆ แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่คุมตลอดเส้นทางโดยถือหนังสติ๊กไว้ยิงพวกมัน ดูเหมือนช่วงเช้าขาขึ้นไปจะเยอะจะมีเจ้าหน้าที่บอกตลอกเพียงแต่เราฟังไม่ออก พยายามเดินไปเป็นกลุ่มแล้วกัน อย่าหาที่จะควักอะไรออกมาเชียวจมูกดีมาก ...พอเดินถึงก็เป็นทางที่เรากำหนดเองละว่าเราจะไปต่อด้วยรถกะเปาะคนละ 70 หยวนไป-กลับ หรือไม่อยากเสียตังค์ก็เดินแยกเข้าวัดไป (แต่เชื่อเถอะต้องไปทั้ง 2 รูทหมดแหละ เพียงแต่จะไปทั้ง 2 ที่ ในวันเดียวหรือ ชิล ๆ ไปที่ละวัน) ถ้าไปต่อด้วยรถเขาก็จะบอกว่าขึ้นได้ถึงไหนเพราะช่วงนี้คือเป็นช่วงปิดประจำปีเขา
เอ่อ เราลงมาช้าไป 17 นาที น้องที่นัดมารับไปไหนไม่รู้ละ ก็เข้าใจได้นะ เราก็เรียกรถคันอื่น ซึ่งก็หลีกไม่พ้นรถคนที่นั่งมาจากต้าวเฉิงแหละ เอ่อโลกแคบก็ตอนนี้อีกแหละ จ่าย 40 หยวนค่ำละขี้เกียจรอคนแชร์ คำคานพวกนี้ด้วย อยากกลับไปพัก
15 มีนาคม 2567
โรงแรมเรียกแท็กซี่คันเดินที่ไปส่งเมื่อวานให้ 40 หยวน เขาถามจะให้รอรับตอนเย็นไหม เราบอกไม่ต้องไม่รู้เราจะลงมากี่โมง (ไม่อยากผูกมัดแหละ) วันนี้เราไปวัดชงกู่ระยะทางสั้น คิดว่าแป๊ป ๆ แต่ที่ไหนได้มันไม่ได้ง่ายเลยนะ เราเลือกเดินเข้าไปทางในวัดแทนทางเดินที่สะดวกที่เขาทำไว้ให้เพราะมันดูเหมือนปีนกะไดอย่างเดียว อันนี้แล้วแต่นะว่าแต่ละคนสะดวกอย่างไร เพราะจริง ๆ มันก็จะไปเจอกันแหละ ส่วนเราเลือกเดินออกประตูหลังวัดแล้วเดินขึ้นไปทางไม่สะดวกนักแต่ป้ามีความรู้สึกว่ามันสั้นกว่า อดทนนะ เพราะทางไม่ได้เปิดตลอดเวลา ต้องไปให้ถึงเป็นจุด ๆ ไปอย่าเพิ่งถอดใจ แต่บอกเลยว่าวิวที่ได้คือวิวมหาชนที่ทุกคนไปต้องมี และถ้าไหวก็เดินต่ออีก320 เมตร ก็จะได้วิวที่คิดว่าใกล้ที่สุด อย่างสวยเลยแหละ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะถ่ายรูปกันตรงทะเลสาบ ขอร้องละให้เดินต่อรอบ ๆ ทะเลสาบมีว้าวได้อีก
ระหว่างนั้นเราได้รับแจ้งจากสายการบินว่าจะยกเลิกเที่ยวบินเที่ยวที่เราจะกลับเข้าเฉิงตูวันที่ 18 กัน ไม่รู้มันเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย ......แต่เราสามารถเปลี่ยนตั๋วได้ 1 ครั้ง เราก็เลยคุยกันว่ามันไม่มีอะไรแล้วนิ น่าจะกลับไปให้เร็ว ๆ ไม่รู้จะไปไหนต่อละงั้นเรากลับวันที่ 16 แล้วกันถ้ามันเป็นไปได้ ก็คุยผ่าน Trip.com อันนี้ขอให้คะแนนเขานะเขาดูแลเราได้ดีกว่าเจ้าอื่นจริงๆ แจ้งเราแบบไม่ต้องรอนานได้เลย ให้คะแนนแบบไม่มีหักนะ ตามนั้นจะได้มีเวลาลั้นลาที่เฉิงตูอีก 1 วันแบบชิลๆๆๆ เราแจ้งโรงแรมว่าเราจะออกวันที่ 16 เช้าเลยเพื่อไปนอนที่ต้าวเฉิงเตรียมตัวไปสนามบินเพราะเที่ยวบินเช้า (ทางไปสนามบินก็นะไกลเหลือเกิน)
16 มีนาคม 2567
โรงแรมก็ให้น้องทิเบตนั้นแหละไปส่ง จ่ายเหมา ๆ 200 หยวน แล้วโรงแรมถามว่าทำไมไม่เอาคนที่มาส่งตอนแรกพวกเราทำหน้าแบบ ซึ่งคิดว่าเขาเข้าใจก็ได้แต่หัวเราะกัน ระยะทาง 75 กม. แต่อย่างว่าระหว่างทางคือไม่เคยเห็นไม่เคยเจอสวยตลอดทาง มาถึงต้าวเฉิงน้องแท็กซี่ก็พาไปหาโรงแรมที่เราจองไว้โทรหาคุย เขาถามว่าจะให้รับไปสนามบินไหม 200 หยวนเราว่าแพงไป เดี๋ยวเราให้โรงแรมหารถให้
เมืองต้าวเฉิงที่จริงพวกเราว่าน่าอยู่นะใหญ่ เป็นเหมือนเมืองที่ผู้คนต่างเมืองเข้ามาจับจ่ายซื้อของน่าจะเป็นเมืองค้าขายของย่านนี้ แต่...แต่เราไม่โอเครกะโรงแรม น้ำเย็นตลอด (ไม่อยากจะบอกว่าพวกเราไม่อาบน้ำฮ่า ๆ ) เมืองนี้หนาว ๆ มากกว่าทุก ๆ ที่ที่ผ่านมาในครั้งนี้ละคุยกะน้องต้อนรับโรงแรมซึ่งหน้าออกจะไม่รับแขกตลอด เราขอเขาเรียกแท็กซี่ให้พรุ่งนี้ตอน 7.00 ราคา 200 เราก็ตกลงตามนั้น ลงมาเพื่อรับคำยืนยัน 2-3 ครั้งไม่เคยเจอ แอบบ่นกันว่าพรุ่งนี้