เราอายุ21ปีแล้ว มีลูกตอนอายุ18 เลิกรากับพ่อน้อง และไม่มีการติดต่อ และเลี้ยงดูอะไร
แต่วันนี้ที่อยากระบายคือ เราทะเลาะกับแม่ ขอบอกก่อนค่ะว่าเรากับแม่ รู้สึกว่าเวลาทะเลสะกับแม่ต่างคนต่างไม่ค่อยยอมกันเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับนะคะ ว่าแม่เป็นคนเก่งคนนึงเลย แม่มีลูกสาว3คน พ่อเสียตอนเราเกือบจะ2ขวบ แต่แกก็เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของแกมาโดยตลอด แต่บางทีเราก็รู้สึกน้อยใจ ทำไมไม่มีพ่อ ความรู้สึกแบบนี้ มันพึ่งมามีตอนที่เรามีลูกแต่แยกทางกับพ่อน้อง คือเราคิดว่าพี่สาวเราทั้งสอง คงได้รับความอบอุ่นจากแม่และพ่อเพียงพอ เราเคยเจอคลิปนึงในตต.เขาบอกในความเป็นเด็ก จะมีความต้องการจากเพศตรงข้าม ซึ่งพ่อจะให้ได้ เราฟังแล้วเราจุกๆยังไงไม่รู้ แล้วเท่าที่จำความได้ เวลาที่พี่เราดื้อ แม่จะด่า ตามจิก บ่น ตีจนด้ามไม้กวาดหักก็มี ตอนนั้นเราก็ไม่ชอบพี่เรานะ ทำไมดื้อได้ขนาดนี้ แล้วจะมีช่วงที่พี่เคยบอกว่าหมั่นไส้เรา เพราะแม่ตามใจ
แต่มีบางช่วงที่ทำไมเราไม่เข้าใจแม่ ตอนเด็กๆ กี่ขวบจำไม่ได้ เราอยากได้อะไรสักอย่าง แต่แม่ไม่ซื่อให้ แม่ก็หยิกเรา ตีพี่ต่อหน้าเรา เราเลยกลัวมาตลอดว่า ถ้าทำตัวเหมือนพี่ แม่ต้องโมโหร้ายแน่ๆ
พอโตมา พี่ทำงานได้เงินดี เราก็เห็นแม่ยินดีกับพี่ เวลาคุยก็พูดเพราะ อวยพรอย่างดี พอลับหลังบางที แม่เราก็มาเล่าเรื่องไม่ดีของพี่ให้เราฟัง ทำให้เรารู้สึกว่า ขนาดคนในครอบครัว ทำดีมา100ครั้ง พอมีเรื่องไม่ดี ยังมานินทากันได้ ว่าพี่ไม่ดีก็ตอนที่เขาไม่ส่งเงินมาให้ใช้
พอเราเข้าสู่วัยรุ่น ปัญหาต่างๆที่เจอ กลับกลายเป็นไม่กล้าปรึกษาแม่ ไม่กล้าเล่าอะไรให้ฟัง แต่แม่ก็จะชอบบอกตลอดนะว่านี่ คนนี้ทำอย่างงี้แล้วเกิดเรื่องแบบนั้น แม่เคยทำเรื่องนี้แล้วโดนแบบนี้ ลูกอย่าไปทำนะ แม่จะพูดทีละเล็กทีละน้อย แต่จะพูดเรื่อยๆ คือห้ามเราเป็นนัยๆ กลัวเราไปทำอะไรประมาณนี้ เราเลยเป็นคนที่ทำอะไรไม่บอก เป็นบุคลิกดื้อเงียบไปเลย เวลามีกิจกรรมที่โรงเรียน อยากทำอะไร ก็รู้สึก ไม่กล้าทำเต็มที่ ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา เวลามีหนังกลางแปลงมาฉายที่วัดแถวบ้าน เราไปยังไม่ถึงชั่วโมง แม่ตามไปดึงหูเราให้กลับบ้าน ละก็มาบอกว่าสมัยแม่ไปดูไม่ได้เลยนะ ถ้าแอบไป ยายรู้ ยายก็จะโยนเสื้อผ้าแม่ให้แม่ออกจากบ้านไปเลย คือทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นวัยรุ่น ไม่ค่อยอิสระเลย ความเด็กอีสาน ตอนม.ต้น มีหมอลำใกล้บ้าน เราเลยลองขอแม่ไป แต่แม่เราไม่ให้ไป แต่แม่เราก็บอกดีๆนะ ว่าไม่ต้องไปหรอก เราเลยแอบร้องไห้เสียใจ พอแม่รู้ว่าเราร้องไห้ แม่ก็ตะคอกเลย ก็ไปสิ ถ้าไม่คิดว่ากูจะตามกลับบ้าน ไปเลย แล้วไม่ต้องมาอยู่กับกู เราก็ไม่ไปหรอกค่ะ แต่ต้องอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ก่อนนอน มันโคตรเสียใจเลยนะ
พอขึ้นม.ปลาย แม่ก็เหมือนจะให้ไปบ้าง แต่ก็ยังมีบ่นๆปนด่าด้วย เวลาเรากลับบ้านดึกแล้วตื่นสายแล้วป่วย แม่ก็จะพูดว่า นั่นไง ไปอีกนะ ไปให้มันป่วยกลับมาหากู คนที่ดูแลคือใคร ลำบากกูอีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าไป ไปแล้วเป็นแบบนี้ตลอด บอกอะไรไม่เคยฟัง ก็จะเหมารวมไปเลย ว่าพูดอะไรแล้วเราไม่ฟังแม่ พอโตปัจจุบัน เราก็คิดตามนะ ถ้าแม่พูดแบบไหนบ่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นอย่างที่แม่พูด แต่ตอนนั้นก็รู้สึกผิดและน้อยใจไปเลยว่าเราไม่ดี เป็นลูกที่ไม่ดี พูดอะไรก็ไม่เคยทำตามแม่ รู้สึกอกตัญญูโดยอัตโนมัติ
เรื่องงานบ้าน ช่วงวัยม.ต้นจะขึ้นม.ปลาย ตอนอยู่บ้าน ถ้าเราอารมณ์ดี จะชอบทำงานบ้าน เก็บกวาดต่างๆอย่างดี และถามแม่ว่าชอบมั้ยที่ลูกืำแบบนี้ แม่ก็ชมไป พอมาม.ปลาย เรารู้สึกว่าช่วงไหนที่อยากทำเราค่อยทำ เช่นแบบ ถ้วยจานค่อยล้าง เพราะตอนกินเสร็จเราอิ่ม เราอยากนั่งพัก แม่ก็เริ่มถามละ ทำไมไม่ล้างทันที ห้ามทำแบบนี้นะ มันไม่ดี ซึ่งตอนนั้นสงสัย ไม่ดีตรงไหน เดือดร้อนใคร เราเลยไม่ทำซะเลย แม่ก็เริ่มใช้เสียงที่ดัง และอารมณ์ที่โกรธ โยนข้าวของใส่พื้นด้วยความโมโหเรา เราเลยไปทำ แล้วมันก็ทำให้แม่พูดมาตลอดและเหมือนเข้าใจมาตลอดเลยว่า แม่ต้องพูดต้องสั่งเท่านั้น เราถึงจะทำ เหมือนเราต้องคอยคำสั่งจากแม่ ทั้งๆที่เราจะทำ แต่แม่ก็มาสั่งก่อนแล้วเข้าใจไปเองว่าแม่มีอำนาจมาก แม่สั่งถึงทำได้
แล้วเวลาที่โมโห ก็มักจะบอกว่า แม่เป็นโรคเบาหวาน มันทำให้อารมณ์เสียง่าย อย่ามาทำให้แม่โมโหเด็ดขาด
แล้วมีช่วงนึง เราจำไม่ได้ว่าเราอยู่ช่วงม.ไหน แม่พูดเหมือนอยากให้เข้าใจแม่ว่า แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกมาตั้ง3คน มีคนมาจีบแม่ แม่ก็ไม่เอา กลัวเขาทำร้ายลูก ไม่มีพ่อช่วยเลี้ยง ไม่มีพ่อมาใช้หนี้เก่าช่วย ลูกน่าจะเป็นคนที่ฟังแม่ เข้าใจแม่บ้าง หาเงินมาใช้หนี้ให้บ้าง ในส่วนนี้เราก็เห็นใจ แต่ในใจเรามันคิดขึ้นมาว่า แล้วเราสามารถบอกแม่ได้มั้ยล่ะว่า ทำไมพ่อต้องตาย รู้มั้ยว่าพ่อตาย ลูกเลยไม่มีความสัมพันธ์หรือความทรงจำ การอยู่ร่วมกัน การเข้าใจกับเพศตรงข้ามเลย ซึ่งแม่ให้ไม่ได้ แต่เราก็ไม่พูด แต่เท่าที่จำได้ เวลาเราพฤติกรรมบางอย่างให้แม่ไม่พอใจ แม่ก็มักจะบอกว่าเหมือนพ่อเลยเนอะ ทำไมไม่ได้เชื้อจากครอบครัวแม่บ้าง ชอบทำงานบ้านดึกๆ เสียงดังรบกวนคนอื่น เหมือนพ่อไม่มีผิด ในใจก็เอ้า ก็ลูกพ่อไง ถ้าไม่รักละมีหนูมาทำไม เพราะเรื่องนิสัยด้านบวกของพ่อ เรามักจะถามพี่สาว และญาติฝั่งพ่อมากกว่า
ตอนเราท้อง ช่วงนั้นแม่ใช้เราสระผมให้ เราเลยนึกอยากพูด เท่าที่จำได้ เนื้อความประมาณว่า ที่เราท้อง เพราะแม่ที่ไม่ให้อิสระลูกบ้าง ไม่มีความเข้าใจลูก ชอบบ่นมากเกินไป ลูกอยากให้แม่เข้าใจลูกในส่วนนั้นบ้าง ทีนี้แม่ก็ระเบิดเลย จะพูดขึ้นมาทำไม ผ่านไปก็ให้มันผ่านไป อ่ะคิดมาก ไม่รู้จักปล่อยวาง ซื่อบื้อ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เราก็เสียใจนะ ตอนนั้นทั้งร้องไห้ทั้งสระผมให้แม่
ที่มาระบายวันนี้ ก็เพราะทะเลาะกันแหละค่ะ ตอนทะเลาะ มันจะมีเรื่องในอดีตที่ทำให้เจ็บใจ โผล่มาในหัวมากมาย คือเรารู้สึกเป็นคนอ่อนแอ ซื่อบื้อ ไม่พัฒนา ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง จัดการความรู้สึกไม่ได้ แค่จัดการความรู้สึกไม่ได้ จะไปแบ่งเวลาในชีวิตได้ไง คือแม่เราจะไปทำธุระ แม่ก็ชี้หน้าและคำสั่งเลย กลับมาต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านนะ อย่าให้ได้บอกอีก นี่ไง มันทำให้เรารู้สึกเบื่อมากๆ อยากให้แม่เลิกบ่น เราเลยไม่ทำ เพราะหมั่นไส้แม่ มันเป็นความรู้สึกนั้นจริงๆนะ แม่กลับมา เราเลยเอาผ้าออกจากเครื่องมาตาก แม่ก็ไม่พูดไรมาก แล้วก็หยิบตะกร้าเปล่า ที่เราคิดจะเอาไว้คว่ำจาน เราเลยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ว่าแม่จะเอาออกทำไม หนูจะเอาไว้ใส่จานอยู่ แล้วเราก็บ่นตามเสียงเบาๆว่า ละก็ไม่เอาวางไว้ที่เดิม แม่เราบอกด้วยน้ำเสียงดีๆว่า กูก็ลองดูว่าถ้าเอาไว้ตรงนี้ ตรงซิงค์ล้างจานจะสะอาดขึ้นมั้ย เห็นบอกจะทำ แต่ไม่ทำ แล้วก็โยนบีกเกอร์ กับกระป๋องนมผงของยายที่พึ่งหมดลงมา โยนแรงมาก จนบีกเกอร์พัง แล้วแม่ก็ตะโกนด้วยความโมโหตามหลังว่า ถ้ากูไม่บอก ก็ไม่ทำหรอก ดีแต่พูด ดีแต่ปาก กูไม่เห็นอะไรจะเปลี่ยนแปลงซักอย่าง น้ำยังไม่ล้างกระดูกเลย กูบอกอะไรไม่เคยได้เลย แล้วแม่ก็ไปทำธุระต่อ แล้วตอนนั้รคือเราก็ร้องไห้หนักมาก ร้องไห้จนสะอื้น ร้องไห้จนอ้วก ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะหมั่นไส้เราก็ได้นะ คือมันมีช่วงนึงที่ทำให้เราคิดว่าเราก็คงเป็นกระจกสะท้อนแม่ตัวเองมั้ง เพราะพี่สาวเคยเล่าว่า แม่เป็นคนทำอะไรไว้ ก็ไม่ทำให้แล้วเสร็จ เพราะคิดว่าลูกจะคอยทำตามแม่ตลอด เ่นปลูกผัก เลี้ยงปลา หรือทำแล้ว รู้สึกตัวเองไปไม่รอด ก็เลิกทำกลางคัน แล้วลูกก็เป็นคนตามเก็บ ในส่วนนี้น ลูกก็ไม่ได้ว่าอะไรแม่เลย
แต่พอเป็นเรื่องที่ลูกทำบ้าง บางทีเรากวาดบ้านแล้วชอบกองไว้ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ กรอกน้ำไมาเสร็จ ล้างจานชามก็แค่จานชามจริงๆ หม้อไม่ล้าง แต่แม่โกรรธจนบ้านแตก ทีแรกเราก็คิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนซะบ้างนะ เพราะแก้ที่แม่ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ในช่วงที่ผ่านมา ที่เรารู้ว่า สิ่งนี้ที่เราทำแล้วไม่ดี มันสะท้อนตัวแม่เอง เราเลยสวนกลับเลย แม่ก็เคยทำแบบนี้นี่ ที่แม่ยังทำเรื่องนี้ๆๆไม่เสร็จ ลูกยังไม่ว่าเลย แม่ทำตรงนี้ไม่สะอาด ลูกยังไม่ว่าเลย แม่ก็หาว่าเราเสี้ยมสอน เราเลยเบื่อที่จะพูด บางทีก็อยากจะเปลี่ยนตัวเองไม่ให้เป็นเหมือนแม่ แต่แม่เราก็ดูใบ้อำนาจมากไป อีโก้สูง จนบางทีผิดจริง แต่ก็ไม่คิดจะขอโทษลูก เราเลยไม่อยากอธิบายตัวเอง เลยให้แม่คิดกับเราแบบนั้นซะเลย
แต่ยังไงซะ หลังๆที่ทะเลาะกับแม่ เวลาเราโกรธลูกตัวเอง เราจะพยายามพูดน้อย พยายามไม่ตี และเดินหนีลูก ค่อยกลับมาคุยกับลูกใหม่
แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกับแม่และร้องไห้ เราก็อยากทำใจยอมรับให้ได้เหมือนกันนะ ว่าแม่ทำ แต่เราห้ามทำ เพราะรู้ว่าความรู้สึกที่โดนแบบนั้น มันเสียใจมากๆ แต่สำหรับเรามันก็ยากซะเหลือเกิน จนกลายเป็นคนไม่ดีซะเอง และเคยโกรธแม่แล้วทำอะไรไม่ได้ เราเลยหยิกและดึงผมตัวเอง ดีที่ไม่ฆ่าตัวตายก่อน เพราะสงสารลูก ถ้าไม่มีลูก เราก็อยากจะตายจริงๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระทุกคนเลย ไม่มีค่ามากๆ มีคนเข้ามาคุยก็ต้องปฏิเสธเขา เพราะไม่อยากเป็นคนที่นิสัยไม่ดีให้เขาเห็น กลัวเขารับไม่ได้ เลยตัดเขาก่อนซะเลย
แต่วันนี้เราโกรธแม่สุดฤทธิ์เหมือนกัน จนทำให้เราคิดว่าอยากเดินไปดึงผมและตบแม่
เข้าขั้นโรคจิตมั้ย คนแบบเรา ควรไปพบแพทย์มั้ย หรือต้องหัดดัดสันดานเอง เหนื่อยนะ ลูกและก็เหมือนไม่มีใครเข้าใจ เพื่อนก็ไม่ห่างหาย เพราะเราไประบายกะเขาบ่อย อีกกลุ่มก็ไม่กล้ามาเล่นด้วย เพราะกลัวแม่เรา
เรารู้สึกโดดเดี่ยวนะบางที เหนื่อยจะต้องทำเป็นเข้มแข็ง ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีให้ตัวเองหลุดพ้นจากความรู้สึก

ๆนี้ซักที
จะมีมั้ยคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าอ่านถึงก็ขอบคุณมากๆนะคะ เอาจริงถ้าแนะนำอะไรมา เราก็ต้องมาปฏิบัติเองอยู่ดี แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ระบายออกมาบ้าง
รู้สึกตัวเองเป็นคนเก็บกดมากๆ อยากจะระบายให้คนในครอบครัวฟัง เราก็ไม่กล้า ขอพื้นที่ในการระบายหน่อยนะคะ
แต่วันนี้ที่อยากระบายคือ เราทะเลาะกับแม่ ขอบอกก่อนค่ะว่าเรากับแม่ รู้สึกว่าเวลาทะเลสะกับแม่ต่างคนต่างไม่ค่อยยอมกันเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับนะคะ ว่าแม่เป็นคนเก่งคนนึงเลย แม่มีลูกสาว3คน พ่อเสียตอนเราเกือบจะ2ขวบ แต่แกก็เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของแกมาโดยตลอด แต่บางทีเราก็รู้สึกน้อยใจ ทำไมไม่มีพ่อ ความรู้สึกแบบนี้ มันพึ่งมามีตอนที่เรามีลูกแต่แยกทางกับพ่อน้อง คือเราคิดว่าพี่สาวเราทั้งสอง คงได้รับความอบอุ่นจากแม่และพ่อเพียงพอ เราเคยเจอคลิปนึงในตต.เขาบอกในความเป็นเด็ก จะมีความต้องการจากเพศตรงข้าม ซึ่งพ่อจะให้ได้ เราฟังแล้วเราจุกๆยังไงไม่รู้ แล้วเท่าที่จำความได้ เวลาที่พี่เราดื้อ แม่จะด่า ตามจิก บ่น ตีจนด้ามไม้กวาดหักก็มี ตอนนั้นเราก็ไม่ชอบพี่เรานะ ทำไมดื้อได้ขนาดนี้ แล้วจะมีช่วงที่พี่เคยบอกว่าหมั่นไส้เรา เพราะแม่ตามใจ
แต่มีบางช่วงที่ทำไมเราไม่เข้าใจแม่ ตอนเด็กๆ กี่ขวบจำไม่ได้ เราอยากได้อะไรสักอย่าง แต่แม่ไม่ซื่อให้ แม่ก็หยิกเรา ตีพี่ต่อหน้าเรา เราเลยกลัวมาตลอดว่า ถ้าทำตัวเหมือนพี่ แม่ต้องโมโหร้ายแน่ๆ
พอโตมา พี่ทำงานได้เงินดี เราก็เห็นแม่ยินดีกับพี่ เวลาคุยก็พูดเพราะ อวยพรอย่างดี พอลับหลังบางที แม่เราก็มาเล่าเรื่องไม่ดีของพี่ให้เราฟัง ทำให้เรารู้สึกว่า ขนาดคนในครอบครัว ทำดีมา100ครั้ง พอมีเรื่องไม่ดี ยังมานินทากันได้ ว่าพี่ไม่ดีก็ตอนที่เขาไม่ส่งเงินมาให้ใช้
พอเราเข้าสู่วัยรุ่น ปัญหาต่างๆที่เจอ กลับกลายเป็นไม่กล้าปรึกษาแม่ ไม่กล้าเล่าอะไรให้ฟัง แต่แม่ก็จะชอบบอกตลอดนะว่านี่ คนนี้ทำอย่างงี้แล้วเกิดเรื่องแบบนั้น แม่เคยทำเรื่องนี้แล้วโดนแบบนี้ ลูกอย่าไปทำนะ แม่จะพูดทีละเล็กทีละน้อย แต่จะพูดเรื่อยๆ คือห้ามเราเป็นนัยๆ กลัวเราไปทำอะไรประมาณนี้ เราเลยเป็นคนที่ทำอะไรไม่บอก เป็นบุคลิกดื้อเงียบไปเลย เวลามีกิจกรรมที่โรงเรียน อยากทำอะไร ก็รู้สึก ไม่กล้าทำเต็มที่ ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา เวลามีหนังกลางแปลงมาฉายที่วัดแถวบ้าน เราไปยังไม่ถึงชั่วโมง แม่ตามไปดึงหูเราให้กลับบ้าน ละก็มาบอกว่าสมัยแม่ไปดูไม่ได้เลยนะ ถ้าแอบไป ยายรู้ ยายก็จะโยนเสื้อผ้าแม่ให้แม่ออกจากบ้านไปเลย คือทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นวัยรุ่น ไม่ค่อยอิสระเลย ความเด็กอีสาน ตอนม.ต้น มีหมอลำใกล้บ้าน เราเลยลองขอแม่ไป แต่แม่เราไม่ให้ไป แต่แม่เราก็บอกดีๆนะ ว่าไม่ต้องไปหรอก เราเลยแอบร้องไห้เสียใจ พอแม่รู้ว่าเราร้องไห้ แม่ก็ตะคอกเลย ก็ไปสิ ถ้าไม่คิดว่ากูจะตามกลับบ้าน ไปเลย แล้วไม่ต้องมาอยู่กับกู เราก็ไม่ไปหรอกค่ะ แต่ต้องอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ก่อนนอน มันโคตรเสียใจเลยนะ
พอขึ้นม.ปลาย แม่ก็เหมือนจะให้ไปบ้าง แต่ก็ยังมีบ่นๆปนด่าด้วย เวลาเรากลับบ้านดึกแล้วตื่นสายแล้วป่วย แม่ก็จะพูดว่า นั่นไง ไปอีกนะ ไปให้มันป่วยกลับมาหากู คนที่ดูแลคือใคร ลำบากกูอีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าไป ไปแล้วเป็นแบบนี้ตลอด บอกอะไรไม่เคยฟัง ก็จะเหมารวมไปเลย ว่าพูดอะไรแล้วเราไม่ฟังแม่ พอโตปัจจุบัน เราก็คิดตามนะ ถ้าแม่พูดแบบไหนบ่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นอย่างที่แม่พูด แต่ตอนนั้นก็รู้สึกผิดและน้อยใจไปเลยว่าเราไม่ดี เป็นลูกที่ไม่ดี พูดอะไรก็ไม่เคยทำตามแม่ รู้สึกอกตัญญูโดยอัตโนมัติ
เรื่องงานบ้าน ช่วงวัยม.ต้นจะขึ้นม.ปลาย ตอนอยู่บ้าน ถ้าเราอารมณ์ดี จะชอบทำงานบ้าน เก็บกวาดต่างๆอย่างดี และถามแม่ว่าชอบมั้ยที่ลูกืำแบบนี้ แม่ก็ชมไป พอมาม.ปลาย เรารู้สึกว่าช่วงไหนที่อยากทำเราค่อยทำ เช่นแบบ ถ้วยจานค่อยล้าง เพราะตอนกินเสร็จเราอิ่ม เราอยากนั่งพัก แม่ก็เริ่มถามละ ทำไมไม่ล้างทันที ห้ามทำแบบนี้นะ มันไม่ดี ซึ่งตอนนั้นสงสัย ไม่ดีตรงไหน เดือดร้อนใคร เราเลยไม่ทำซะเลย แม่ก็เริ่มใช้เสียงที่ดัง และอารมณ์ที่โกรธ โยนข้าวของใส่พื้นด้วยความโมโหเรา เราเลยไปทำ แล้วมันก็ทำให้แม่พูดมาตลอดและเหมือนเข้าใจมาตลอดเลยว่า แม่ต้องพูดต้องสั่งเท่านั้น เราถึงจะทำ เหมือนเราต้องคอยคำสั่งจากแม่ ทั้งๆที่เราจะทำ แต่แม่ก็มาสั่งก่อนแล้วเข้าใจไปเองว่าแม่มีอำนาจมาก แม่สั่งถึงทำได้
แล้วเวลาที่โมโห ก็มักจะบอกว่า แม่เป็นโรคเบาหวาน มันทำให้อารมณ์เสียง่าย อย่ามาทำให้แม่โมโหเด็ดขาด
แล้วมีช่วงนึง เราจำไม่ได้ว่าเราอยู่ช่วงม.ไหน แม่พูดเหมือนอยากให้เข้าใจแม่ว่า แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกมาตั้ง3คน มีคนมาจีบแม่ แม่ก็ไม่เอา กลัวเขาทำร้ายลูก ไม่มีพ่อช่วยเลี้ยง ไม่มีพ่อมาใช้หนี้เก่าช่วย ลูกน่าจะเป็นคนที่ฟังแม่ เข้าใจแม่บ้าง หาเงินมาใช้หนี้ให้บ้าง ในส่วนนี้เราก็เห็นใจ แต่ในใจเรามันคิดขึ้นมาว่า แล้วเราสามารถบอกแม่ได้มั้ยล่ะว่า ทำไมพ่อต้องตาย รู้มั้ยว่าพ่อตาย ลูกเลยไม่มีความสัมพันธ์หรือความทรงจำ การอยู่ร่วมกัน การเข้าใจกับเพศตรงข้ามเลย ซึ่งแม่ให้ไม่ได้ แต่เราก็ไม่พูด แต่เท่าที่จำได้ เวลาเราพฤติกรรมบางอย่างให้แม่ไม่พอใจ แม่ก็มักจะบอกว่าเหมือนพ่อเลยเนอะ ทำไมไม่ได้เชื้อจากครอบครัวแม่บ้าง ชอบทำงานบ้านดึกๆ เสียงดังรบกวนคนอื่น เหมือนพ่อไม่มีผิด ในใจก็เอ้า ก็ลูกพ่อไง ถ้าไม่รักละมีหนูมาทำไม เพราะเรื่องนิสัยด้านบวกของพ่อ เรามักจะถามพี่สาว และญาติฝั่งพ่อมากกว่า
ตอนเราท้อง ช่วงนั้นแม่ใช้เราสระผมให้ เราเลยนึกอยากพูด เท่าที่จำได้ เนื้อความประมาณว่า ที่เราท้อง เพราะแม่ที่ไม่ให้อิสระลูกบ้าง ไม่มีความเข้าใจลูก ชอบบ่นมากเกินไป ลูกอยากให้แม่เข้าใจลูกในส่วนนั้นบ้าง ทีนี้แม่ก็ระเบิดเลย จะพูดขึ้นมาทำไม ผ่านไปก็ให้มันผ่านไป อ่ะคิดมาก ไม่รู้จักปล่อยวาง ซื่อบื้อ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เราก็เสียใจนะ ตอนนั้นทั้งร้องไห้ทั้งสระผมให้แม่
ที่มาระบายวันนี้ ก็เพราะทะเลาะกันแหละค่ะ ตอนทะเลาะ มันจะมีเรื่องในอดีตที่ทำให้เจ็บใจ โผล่มาในหัวมากมาย คือเรารู้สึกเป็นคนอ่อนแอ ซื่อบื้อ ไม่พัฒนา ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง จัดการความรู้สึกไม่ได้ แค่จัดการความรู้สึกไม่ได้ จะไปแบ่งเวลาในชีวิตได้ไง คือแม่เราจะไปทำธุระ แม่ก็ชี้หน้าและคำสั่งเลย กลับมาต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านนะ อย่าให้ได้บอกอีก นี่ไง มันทำให้เรารู้สึกเบื่อมากๆ อยากให้แม่เลิกบ่น เราเลยไม่ทำ เพราะหมั่นไส้แม่ มันเป็นความรู้สึกนั้นจริงๆนะ แม่กลับมา เราเลยเอาผ้าออกจากเครื่องมาตาก แม่ก็ไม่พูดไรมาก แล้วก็หยิบตะกร้าเปล่า ที่เราคิดจะเอาไว้คว่ำจาน เราเลยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ว่าแม่จะเอาออกทำไม หนูจะเอาไว้ใส่จานอยู่ แล้วเราก็บ่นตามเสียงเบาๆว่า ละก็ไม่เอาวางไว้ที่เดิม แม่เราบอกด้วยน้ำเสียงดีๆว่า กูก็ลองดูว่าถ้าเอาไว้ตรงนี้ ตรงซิงค์ล้างจานจะสะอาดขึ้นมั้ย เห็นบอกจะทำ แต่ไม่ทำ แล้วก็โยนบีกเกอร์ กับกระป๋องนมผงของยายที่พึ่งหมดลงมา โยนแรงมาก จนบีกเกอร์พัง แล้วแม่ก็ตะโกนด้วยความโมโหตามหลังว่า ถ้ากูไม่บอก ก็ไม่ทำหรอก ดีแต่พูด ดีแต่ปาก กูไม่เห็นอะไรจะเปลี่ยนแปลงซักอย่าง น้ำยังไม่ล้างกระดูกเลย กูบอกอะไรไม่เคยได้เลย แล้วแม่ก็ไปทำธุระต่อ แล้วตอนนั้รคือเราก็ร้องไห้หนักมาก ร้องไห้จนสะอื้น ร้องไห้จนอ้วก ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะหมั่นไส้เราก็ได้นะ คือมันมีช่วงนึงที่ทำให้เราคิดว่าเราก็คงเป็นกระจกสะท้อนแม่ตัวเองมั้ง เพราะพี่สาวเคยเล่าว่า แม่เป็นคนทำอะไรไว้ ก็ไม่ทำให้แล้วเสร็จ เพราะคิดว่าลูกจะคอยทำตามแม่ตลอด เ่นปลูกผัก เลี้ยงปลา หรือทำแล้ว รู้สึกตัวเองไปไม่รอด ก็เลิกทำกลางคัน แล้วลูกก็เป็นคนตามเก็บ ในส่วนนี้น ลูกก็ไม่ได้ว่าอะไรแม่เลย
แต่พอเป็นเรื่องที่ลูกทำบ้าง บางทีเรากวาดบ้านแล้วชอบกองไว้ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ กรอกน้ำไมาเสร็จ ล้างจานชามก็แค่จานชามจริงๆ หม้อไม่ล้าง แต่แม่โกรรธจนบ้านแตก ทีแรกเราก็คิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนซะบ้างนะ เพราะแก้ที่แม่ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ในช่วงที่ผ่านมา ที่เรารู้ว่า สิ่งนี้ที่เราทำแล้วไม่ดี มันสะท้อนตัวแม่เอง เราเลยสวนกลับเลย แม่ก็เคยทำแบบนี้นี่ ที่แม่ยังทำเรื่องนี้ๆๆไม่เสร็จ ลูกยังไม่ว่าเลย แม่ทำตรงนี้ไม่สะอาด ลูกยังไม่ว่าเลย แม่ก็หาว่าเราเสี้ยมสอน เราเลยเบื่อที่จะพูด บางทีก็อยากจะเปลี่ยนตัวเองไม่ให้เป็นเหมือนแม่ แต่แม่เราก็ดูใบ้อำนาจมากไป อีโก้สูง จนบางทีผิดจริง แต่ก็ไม่คิดจะขอโทษลูก เราเลยไม่อยากอธิบายตัวเอง เลยให้แม่คิดกับเราแบบนั้นซะเลย
แต่ยังไงซะ หลังๆที่ทะเลาะกับแม่ เวลาเราโกรธลูกตัวเอง เราจะพยายามพูดน้อย พยายามไม่ตี และเดินหนีลูก ค่อยกลับมาคุยกับลูกใหม่
แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกับแม่และร้องไห้ เราก็อยากทำใจยอมรับให้ได้เหมือนกันนะ ว่าแม่ทำ แต่เราห้ามทำ เพราะรู้ว่าความรู้สึกที่โดนแบบนั้น มันเสียใจมากๆ แต่สำหรับเรามันก็ยากซะเหลือเกิน จนกลายเป็นคนไม่ดีซะเอง และเคยโกรธแม่แล้วทำอะไรไม่ได้ เราเลยหยิกและดึงผมตัวเอง ดีที่ไม่ฆ่าตัวตายก่อน เพราะสงสารลูก ถ้าไม่มีลูก เราก็อยากจะตายจริงๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระทุกคนเลย ไม่มีค่ามากๆ มีคนเข้ามาคุยก็ต้องปฏิเสธเขา เพราะไม่อยากเป็นคนที่นิสัยไม่ดีให้เขาเห็น กลัวเขารับไม่ได้ เลยตัดเขาก่อนซะเลย
แต่วันนี้เราโกรธแม่สุดฤทธิ์เหมือนกัน จนทำให้เราคิดว่าอยากเดินไปดึงผมและตบแม่
เข้าขั้นโรคจิตมั้ย คนแบบเรา ควรไปพบแพทย์มั้ย หรือต้องหัดดัดสันดานเอง เหนื่อยนะ ลูกและก็เหมือนไม่มีใครเข้าใจ เพื่อนก็ไม่ห่างหาย เพราะเราไประบายกะเขาบ่อย อีกกลุ่มก็ไม่กล้ามาเล่นด้วย เพราะกลัวแม่เรา
เรารู้สึกโดดเดี่ยวนะบางที เหนื่อยจะต้องทำเป็นเข้มแข็ง ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีให้ตัวเองหลุดพ้นจากความรู้สึก
จะมีมั้ยคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าอ่านถึงก็ขอบคุณมากๆนะคะ เอาจริงถ้าแนะนำอะไรมา เราก็ต้องมาปฏิบัติเองอยู่ดี แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ระบายออกมาบ้าง