ลาออกจากพนักงานรัฐ ไปทำงานอิสระจะคุ้มความเสี่ยงไหม?

ตอนนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สายวิชาการ ในองค์การมหาชน แห่งหนึ่ง 
อายุหลักสี่ ยังไม่มีครอบครัว ค่าใช้จ่ายมีแค่ผ่อนบ้านใน กทม. 

พ่อแม่เป็นข้าราชการเกษียณอยู่ ตจว. ที่ดินพ่อแม่พอมีถ้าชีวิตไปไม่รอดก็ยังกลับบ้านไปทำอะไรก๊อกแก๊กดูแลตัวเองได้ ชีวิตรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง พ่อแม่บอกว่าแล้วแต่จะตัดสินใจ ทั้งสองคนมีบำนาญและเบิกสวัดิการสุขภาพได้ ลูกอยากทำอะไร เลือกเอง เสี่ยงเอง เจ็บเอง แต่เค้าน่าจะอยู่สองคนตายายน่าได้แค่อายุ 80 ก็อาจจะต้องการคนดูแลใกล้ชิด (อีก 10 ปีข้างหน้า) คิดเผื่อเค้าด้วยก็จะขอบใจมาก

โจทย์ชีวิต
เดิมทำงานอิสระ เลยอยากกลับไปทำงานที่ได้ใช้ศักยภาพตังเองเต็มที่ ตัวเองมีทักษะทำงานได้หลากหลาย คนในสายงานค่อนข้างยอมรับ นอกนั้นเคยทำธุรกิจขายของออนไลน์รายได้ดี  ไม่ชอบมีเจ้านาย แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นนายใคร

ที่มาสมัครที่ทำงานปัจจุบัน เพราะอยากได้ความมั่นคง และคิดว่าตัวเองน่าจะใช้ความสามารถทำประโยชน์ส่วนรวมได้ดี แต่เอาเเข้าจริงพบว่าเหมือนมาอยู่ไม่ถูกที่เลยทำอะไรไม่ได้มาก ตำแหน่งของคนในมักจะตันไว  โอกาสพัฒนาตัวเองและทักษะใหม่ๆ มีไม่มาก ถ้าอยู่จนเกิน 45 ก็น่าจะหาที่ไปต่อยาก ต้องอยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆ ตามอัตภาพ

และตั้งใจว่าอยากกลับไปดูแลพ่อแม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า ก่อนกลับบ้านอยากมี profile สายบริหาร และตั้งใจจะรับงานที่ปรึกษา เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกกับการดูแลผู้สูงอายุมากกว่างานประจำ สามารถเลือกที่ทำงาน เลือกเวลาทำงาน ไป-มา ตจว. - กทม. ได้ แม้อายุมากขึ้น แต่ประสบการณ์สูงก็ยังน่าจะมีงานเรื่อยๆ จนอยากหยุดไปเอง

งานปัจจุบัน
ข้อดี: ทำงานใกล้ชิดผู้ใหญ่ระดับนโยบาย เงินเดือนดี อัตราขึ้นเงินเดือนสูง สวัสดีการดี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสมทบอัตราที่สูงมาก ที่นี่ถือว่าเข้าทำงานยาก เงินเดือนและสวัสดิกาดีมากหากเทียบกับหน่วยงานที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน ปัจจุบันทำงานได้ดี ทีมดี ผลงานดี ได้โอกาสทำงานสำคัญ โอกาสก้าวหน้าสูง ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร 

ข้อเสีย: งานหนักมาก และกดดันมาก ถ้าช่วงงานด่วนทุกคนจะต้อง standby ตอบไลน์นายตั้งแต่ตีห้ายันตีสอง (นายหลายคน หลายระดับชั้นบังคับบัญชา) ทำงานไม่มี OT เสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยได้พัก บางเดือนทำงานหรือลงพื้นที่ติดต่อกัน 3 สัปดาห์หรือไม่ได้พักเลยตลอดทั้งเดือน มักถูกนัดประชุมด่วนไม่เป็นเวลา ห้ามรับงานนอก ห้ามทำอาชีพเสริมที่กระทบเวลางาน เช่น ห้ามของออนไลน์ในเวลางาน (อันที่จริง ถึงจะแอบทำก็ทำไม่ได้ดีทั้งงานนอกงานใน เสียงานเปล่าๆ เพราะเวลาจะนอนยังหายากเลย...)

หน้างานเครียดและอึดอัด ที่สำคัญคือถึงมีความรู้ความสามารถก็ไม่ค่อยได้แสดงบทบาท หรือมีโอกาสแสดงความเห็นเกี่ยวกับงานที่ตัวเองทำ ส่วนมากคือการทำตามคำสั่ง หิ้วคอมตามนายไปพบผู้ใหญ่ สรุปประชุม รวบรวมงาน เขียนรายงาน ทำสไลด์ ซึ่งสำหรับคนสายวิชาการที่เคยทำงานแบบอิสระ พูดแล้วมีคนฟัง พออยู่หน้างานแบบนี้นานขึ้นๆ มันรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ... คนอื่นๆ เค้าก็อยู่ได้ แต่ตัวเรากลับอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ 

ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าถ้าเทียบกับบรรดาคนที่นั่งในวงประชุม ตำแหน่งเราก็เล็กจิ๋วเท่าผงฝุ่น พูดอะไรผิดไปก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้ คิดว่าถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป น่าจะได้แค่หิ้วกระเป๋าวิ่งตามนายไปอีกหลายปีกว่าจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ หรือถ้าอยากลาออกก่อนเกษียณ หรือทำจนเกษียณก็จะกลายเป็นพนักงานรัฐที่มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรวมกับเงินเก็บอีกไม่น่าจะเกิน 2-3 ล้าน หิ้วกลับบ้านนอก ก็อาจจะโอเค แต่ที่น่ากลัวคืออาจจะไม่มีทักษะอื่นใดไปรับงาน หรือทำงานอื่นๆ ได้อีกหลังจากนั้น (พนักงานรัฐไม่มีบำเน็จ บำนาญ สะสมเงินไว้ใช้หลังเกษียณได้เท่าไหนก็เท่านั้น)

งานที่อยากเปลี่ยนไปทำ
แต่ระหว่างที่ทำงานนี้ ก็มีเครือข่ายเดิมทาบทามไปทำงานหลายที่ ทั้งงานวิชาการ  งานบริหาร อาจารย์ ฯลฯ
ตอนนี้สนใจตำแหน่งผู้บริหารองค์กรอิสระเล็กๆ แห่งหนึ่ง พนักงานประจำแค่หลักสิบ เงินหมุนต่อปีไม่มาก แต่ก็เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงในวงการ มีระดับความน่าเชื่อถือที่สั่งสมต่อเนื่องยาวนานพอสมควร

ข้อเสีย
เงินเดือนน้อยกว่าเดิมเกือบหมื่นบาท และไม่มีระบบขึ้นเงินเดือน ยกเว้นหากเขียนขอทุนทำโครงการได้ ก็จะได้ส่วนแบ่งจากค่าบริหารจัดการโครงการมาเพิ่มเป็นเงินเดือน สวัสดิการสุขภาพต้องกลับไปใช้ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะต้องจ่ายสะสมต่อเอง ต้องสำรองเงินเผื่อตกงาน และกันเงินไว้เพิ่มทุนประกันสุขภาพอีกหลายหมื่นต่อปี จุดนี้เป็นจุดที่เจ้านายปัจจุบันเตือนให้คิดดูดีๆ เพราะอายุเข้าเลขสี่แล้ว หากมีปัญหาสุขภาพ เป็นพนักงานรัฐก็ถือว่าอยู่ในเซฟโซนมากๆ และจะยอมรับความเสี่ยงเรื่ององค์กรอิสระที่อาจจะไม่มั่นคงเท่าองค์กรรัฐได้ไหม?

ข้อดี
แต่ก็น่าจะได้ทำอะไรที่อยากทำ ได้เพิ่มทักษะงานบริหารเต็มที่ (ไม่ต้องรอโปรโมทอีกกี่ปีก็ไม่รู้) และน่าจะรับทำงานวิจัย หรืองานที่ปรึกษาที่เดิมเคยทำได้เรื่อยๆ (ที่นี่อนุญาตให้รับงานนอก หากส่งมอบงานตามที่ตกลงกับองค์กรได้) ซึ่งตอนนี้ แค่เกริ่นๆ ว่าจะลาออกจากที่เดิม ก็มีคนเสนองานนอกมารอให้ทำแล้วหลายงาน เพราะปฏิเสธไม่รับงานนอกมาหลายปี
คิดว่าเงินเดือนที่หายไปหมื่นบาท น่าจะหามาเติมได้สบาย ถ้าทุกอย่างลงตัว รายได้ต่อเดือนอาจจะสูงกว่าปัจจุบันเกิน 2 เท่า มีโอกาสเลือกงานที่ถนัดและสามารถต่อยอด connection ใหม่ๆ ได้ด้วย

แพลนว่าเปลี่ยนงาน คงจะทำสักพัก แล้วขยับไปสายบริหารในองค์กรที่ใหญ่ขึ้น พร้อมกับรับงานสายงานที่ปรึกษาไปด้วย จนอายุสัก 50-55 จะกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ และรับงานที่ปรึกษาพร้อมกับลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน ในช่วงที่สุขภาพตัวเองยังพอทำไหว อันนี้มองบวกมาก เหมือนเดินในทุ่งลาแวนเดอร์ รู้ว่าเสี่ยงแต่ต้องขอลอง

เรื่องที่ทำให้ลังเล
อันที่จริง ใจเอนไปงานใหม่ 70% แต่เสียดายสวัสดิการและความมั่นคง งานปัจจุบันก็ไปได้ดีมากๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทีมก็ดีมาก โอกาสก้าวหน้าดี 

ส่วนงานใหม่มีความเสี่ยงสูงมากทุกทาง ทั้งหน้างานบริหาร ทั้งเรื่องคนและการหาทุนหมุนให้องค์กรไปต่อได้ เงินเดือนลดลงเยอะ ถ้าไม่มีงานเสริม น่าจะตึงมือพอสมควร แต่ก็อิสระมาก มีโอกาสสร้าง profile ใหม่ๆ  เหมาะกับแพลนชีวิตที่วางไว้ในอนาคต

กับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเลือกเปลี่ยนงาน ถือว่าตัดสินใจถูกไหม ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่