ปมครอบครัวที่ทำให้เราไม่ค่อยชอบผู้ชาย ตอนที่1 *มีต่อตอน2* พิมพ์เป็นหมื่นเลย มันไม่พอออ

ตามหัวข้อเลยค่ะ "ปมครอบครัวที่ทำให้เราไม่ค่อยชอบผู้ชาย" เราขอแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ สวัสดีค่ะ เราขอชื่อแฝงว่า ก แล้วกันนะคะ ตอนนี้เราอายุ15ปีแล้วค่ะ กระทู้นี้อยากจะมาเล่าเรื่องเพื่อระบายความในใจตลอดระยะเวลาที่เราเจอมาแล้วเหนื่อยมากๆค่ะ

เอิ่มม เริ่มจากตอนไหนก่อนดี•́⁠ ⁠ ⁠‿⁠ ⁠,⁠•̀ เล่าเรื่องคุณแม่เราก่อนก็แล้วกันค่ะ เข้าเรื่องเลยค่ะ

 

แม่ของเราค่ะ เป็นคนที่เข้มแข็งมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดูเหมือนจะเข้มแข็งตลอดเวลาค่ะ แม่เป็นคนพิการค่ะ เท้าผิดรูปตั้งแต่เกิดค่ะ แต่เดินได้ปกติ (ไม่รู้ว่าอาจจะเกี่ยวกับอะไรรึเปล่า แต่พี่สาวของแม่เราก็ปกติทุกอย่างค่ะ)

แม่มีโรคประจำตัวเป็นโรคไตค่ะ (ต้องไปฟอกไตวันเว้นวันถ้าไม่ได้ไปฟอกนานตัวจะบวมค่ะ แล้วก็ใจไม่ดี) แม่มีลูก4คน เราเป็นลูกคนที่3ค่ะ พี่สาว2คนแรกปกติดีทุกอย่างค่ะ แต่น้องสาวของเราคนที่4 เหมือนจะเป็นโรคผิวหนังค่ะ ผิวไม่เนียน ผิวลอกอ่ะค่ะ (น่าจะเกี่ยวกับการทำแท้งที่คุณตาเคยบังคับให้ทำค่ะ คุณแม่เคยเล่าไว้ค่ะ)

จริงๆ ครอบครัวฝั่งคุณแม่ของเรา เป็นครอบครัวที่รวยพอประมาณค่ะ พี่สาวของแม่จะค่อยส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน (ด้วยเรื่องการท้องตอนเรียนของแม่ทำให้แม่จบแค่ม.6ค่ะ งานก็ไม่ค่อยมีใครรับค่ะ เพราะว่าขาของแม่เราผิดรูปค่ะ) จากที่พี่สาวของแม่เราคอยส่งเงินให้ใช้ทุกเดือนใช่ไหมคะ แล้วก็มีเรื่องการโดนโกงเข้ามาค่ะ (พี่สาวของแม่เคยได้ยินว่าทำโรงสีค่ะ) ได้ยินว่าโดนโกงเป็นล้านเลยค่ะ ไม่รู้ว่ากี่ล้านแต่น่าจะเยอะมากๆค่ะ ทำให้แฟนของพี่สาวแม่บอกว่าไม่ต้องส่งเงินให้แม่เราเลยค่ะ แต่ตอนนั้นแม่เราอยู่กับคุณยายเลยไม่ค่อยเดือดร้อนอะไรมากค่ะ (ตอนที่แม่เราขาดแคลนเงินก็ขอบ้างค่ะ พี่สาวแม่เราก็แอบๆให้บ้าง)

แล้วก็มีวันนึงค่ะ อยู่ดีๆแม่เราก็ทะเลาะกับคุณยายค่ะ ไม่รู้ว่าทะเลาะเรื่องอะไรเพราะตอนนั้นเราเรียนอยู่ค่ะ ตอนเลิกเรียนมาตกใจมาก(ตอนนั้นเราน่าจะป4-5มั้งคะ) แม่เราหอบเสื้อผ้ามาแล้วก็ร้องไห้ขี่รถมาค่ะ ตอนนั้นเราลำบากมาก เงินก็ไม่มีที่อยู่ก็ไม่มี

เราก็เลยต้องไปนอนที่โรงพยาบาลอ่ะ เป็นโรงพยาบาลของรัฐ มันจะมีที่ให้นอนเฝ้าญาติอยู่ข้างนอกอ่ะค่ะ เราก็แอบๆไปนอนแฝงเป็นญาติคนไข้มานอนเฝ้าคนป่วยค่ะ  ใครถามก็โกหกไปว่ามาเฝ้าญาติค่ะ แล้วตอนนั้นอ่ะค่ะเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม่เราก็เริ่มไปทำงานกลางคืนค่ะ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าทำงานอะไรค่ะ ทำให้เราก็ต้องนอนโรงพยาบาลกับน้อง2คนค่ะ ยุงเยอะมากก (พี่สาวเรา2คนอยู่กับยายค่ะ) นั่นแหละค่ะ จริงโรงพยาบาลที่เราแอบไปนอนก็มีเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ พอนอนที่โรงพยาบาลนานเขาก็เริ่มสงสัยค่ะ เราก็ป้วนเปี้ยนอยู่โรงบาลสลับกับห้องสมุดค่ะ เพราะอยู่ใกล้กัน (ตอนนั้นเราทำเหมือนที่โรงพยาบาลเหมือนบ้านเลยค่ะ ซักผ้า อาบน้ำ นอน เล่น กลับมาจากโรงเรียนก็อยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละค่ะ)

แต่พอคุณแม่ทำงานกลางคืนที่เราไม่รู้ว่าทำงานอะไร ก็เริ่มมีเงินมาใช้กินนิดหน่อยค่ะ บางครั้งก็ได้มาน้อยบางครั้งก็ได้มาเยอะหรือบางครั้งก็อาจจะไม่ได้เลย ดีหน่อยก็ไปนอนศูนย์ค่ะ (ศูนย์ก็คือที่รับส่งมั้งคะ ที่ถ้าคนต่างจังหวัดลงรถทัวร์มาก็สามารถมาเช่าห้องอยู่ชั่วคราวได้อะค่ะ) ห้องในศูนย์ ถ้าพัดลมราคา150/1คืนค่ะ ถ้าแอร์ก็อาจจะ200-300บาทขึ้นไป /1คืน แต่เราก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นค่ะ เราก็อยู่ห้องพัดลมนี่แหละ ช่วงนั้นแหละ ช่วงที่เราไปนอนศูนย์ ทำให้เรารู้ค่ะว่าแม่ทำงานอะไร ทุกคืนค่ะ แม่จะมานั่งแต่งหน้าแล้วก็แต่งตัวไปข้างนอกค่ะ แล้วก็เคยเห็นแม่โทรคุยโทรศัพท์ค่ะ คุยกับคนที่เราไม่คุ้น แล้วก็เคยมีเพื่อนแม่ที่เคยมาคุยกับแม่ค่ะ ถ้าเราตั้งใจฟังตอนนั้นเราก็ได้ยินอะไรแขกๆ นี่แหละค่ะ

วันนึง แม่ก็แต่งหน้าแต่งตัวเหมือนเดิมค่ะ แล้วก็ออกไปข้างนอกเหมือนเดิมค่ะ เราไม่เคยได้ถามแม่เลยค่ะว่าแม่ทำงานอะไร แม่แค่บอกว่าจะไปทำงานนะ แค่นั้นเองค่ะ วันนั้นแหละค่ะ อยู่ดีๆทุกอย่างที่เราได้ยินมาได้เห็นมาก็ประติดประต่อกัน จนเป็นคำว่า " โสเภณี " ค่ะ (เราขอเรียกสั้นๆว่าโสณีแล้วกันนะคะ) ตอนนั้นเราไม่ได้ตกใจเลยค่ะ เราแค่

"อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เองสินะ เข้าใจล่ะ"  ทุกๆวันเวลาเห็นแม่แต่งหน้าแต่งตัว เราก็จะถามว่า " ไปทำงานเหรอ กลับดึกมั้ย " แล้วแม่ก็จะตอบค่ะว่า " แล้วแต่ว่าจะมีแขกมั้ย " เราก็โอเค บางวันจะได้เงินเยอะค่ะ บางวันก็ได้น้อยแต่บางวันก็ไม่ได้เลย ถ้าเป็นกรณีที่เราไม่มีเงินเราก็ไปนอนโรงพยาบาลเหมือนเดิมค่ะ 

เคยมีครั้งนึงค่ะ แม่เราก็ไปเช่าห้องอยู่ใกล้โรงเรียนเรา (เหมือนศูนย์นี่แหละค่ะ เช่าห้องชั่วคราว แต่เจ้าของที่นั่นเขาใจดีให้จ่ายค่าห้องแค่100/วันค่ะ  ห้องก็ไม่ได้ดีมาก แต่ก็อยู่ได้ ถ้าบางห้องไม่มีห้องน้ำ ก็ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมได้ค่ะ จะมี3ห้อง ถ้าแม่มีแขก แขกก็เปิดห้องใกล้ๆแล้วก็ทำธุระได้ค่ะ เสร็จแล้วก็กลับมาห้องเราตามเดิม) ความที่ห้องที่เราอยู่อ่ะค่ะ มันใกล้โรงเรียนมาก แม่ก็เลยไม่จำเป็นต้องไปส่ง/รับ เราทุกวันค่ะ เราก็เดินไปกับน้องแทบทุกวันค่ะ แต่แล้วก็มีเพื่อนร่วมห้องเราคนนึงค่ะ ไม่สนิทกัน ถือว่าเป็นคู่ปรับก็ว่าได้ค่ะ เราไม่ชอบไปยุ่งกับเขาแต่เขาชอบมายุ่งกับเราค่ะ บ้านเขาก็อยู่ใกล้ๆกับที่เราอยู่นี่แหละค่ะ (ครอบครัวเขาขายของแถวนั้นค่ะ ถือว่าเป็นบ้านเลยค่ะ)  วันนึงอยู่ดีๆเขาก็เปิดประเด็นค่ะ ว่าแบบ " เออ แม่ ก อ่ะ เป็นโสณีนะ ขายอวัยวะทางเพศ(ขอเซฟค่ะ จริงๆพูดแรงกว่านี้) " เพื่อนก็ถามๆกันอ่ะค่ะ ว่า รู้ได้ไง อะไรงี้อ่ะค่ะ เขาก็บอก " ก็ไปถามหอที่ ก อยู่แล้ว เขาก็บอกว่าแม่ ก อ่ะทำงานที่นี่ (จริงๆหอที่เราอยู่อ่ะค่ะ เป็นหอที่ ส่วนมากๆๆๆ จะเป็นหอที่แขกมาเปิดหรือโสณีเพื่อทำธุระค่ะ) " พอเขาพูดแบบนั้นเพื่อนก็หันมาหาเราแล้วก็ถามค่ะ ว่าจริงเหรอ? เราก็ไม่อยากพูดอะไรมากค่ะ พูดไปก็เหมือนแก้ตัว จากนั้นเรื่องก็เงียบไปค่ะ เพราะไม่มีใครมาสนใจอะไรเรามากหรอกค่ะ 

* ต่อจากเรื่องที่เราเล่าเรื่องเพื่อนคนนั้น การที่ใครก็ตามล้อเลียนว่าอาชีพโสณี ขายอวัยวะทางเพศ คุณไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังเขามีภาระอะไรบ้าง เขาจะแบกรับอะไร ไม่มีใครรู้เลย(ถ้าคุณไม่ได้ถามเขา) เขาอาจจะทำงานแบบนั้นก็จริง แต่ที่เขาทำ จริงๆก็เพื่อทำมาหากินทั้งนั้น เราไม่อยากให้สังคมไทยดูถูกอาชีพประเภทนี้เลยค่ะ*

และแล้ว ก็ถึงช่วงที่แม่เจอกับแฟนคนก่อนค่ะ (เราจะเล่าตามหัวข้อแล้วค่ะ) บางครอบครัวไม่มากก็น้อย อาจจะมีเรื่องการอาจจะมีเรื่องการทำร้ายร่างกายกันในครอบครัวนะคะ แฟนคนก่อนของแม่อ่ะค่ะ เป็นคนรักความสะอาดมากๆๆๆๆ (ขนาดแม่ช่วยถูบ้าน แบ่งเบาภาระยังบอกว่าไม่สะอาดเลยค่ะ ) เสื้อนักเรียนค่ะ ตอนนั้นเราไม่เคยได้ซักเองเลยค่ะ เขาซักให้ตลอด เพราะบอกว่าไม่สะอาด  เป็นคนโมโหร้ายพอสมควรค่ะ ทำงานก่อสร้าง เป็นคนไม่กินเหล้าแต่สูบบุหรี่ค่ะ ชอบเดินแก้ผ้าใส่แต่กางเกงในตัวเดียว ไม่อายเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเจอกับแม่ได้ยังไงค่ะ แต่ตอนนั้นเจอกันแล้วก็หาห้องเช่า(ในตัวเมือง)แบบห้องจริงๆอ่ะ เดือนละ1200-1500มั้งคะ จำราคาไม่ค่อยได้นานแล้ว แต่ก็ไปทำงานกลางคืนน้อยลงค่ะ (แม่ไม่เคยบอกแฟนคนก่อนค่ะว่าทำงานกลางคืน)

ด้วยความที่แฟนคนก่อนแม่ทำงานก่อสร้างอ่ะค่ะ เงินก็ได้เป็นรายเดือน บางเดือนอาจจะขัดสนมาก ไม่พอกินค่ะ ก็จะมีปากเสียงกันกับแม่บ่อยๆค่ะ ถ้ารุนแรงมากก็ทำร้ายร่างกายค่ะ (จริงๆแม่เคยมีแฟนมาเยอะมากค่ะ ก่อนจะมาเจอกับคนก่อนอีก ทะเลาะเรื่องเงินก็มากเหมือนกัน แต่แฟนคนก่อนคนนี้หนักสุดค่ะ) แฟนคนก่อนคนนี้ของแม่อ่ะค่ะ เหมือนจะหนักเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วก็มีปากเสียงค่ะ

วันนึงเรากลับจากที่โรงเรียน เขาก็เป็นคนมารับแทนแม่นี่แหละค่ะ อยู่ดีๆเขาก็พูดขึ้นมาว่า " แม่ ไปหาหมอมา " เราก็ถามว่า เอ้า ทำไม เขาก็ตอบเหมือนหัวเราะด้วยค่ะว่า

" โทรศัพท์ทุบหัว "  เราก็ คิดคำถามกับตัวเองในใจค่ะ "ทำไม ทำไมแม่ต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วยนะ "

(แม่เคยเล่าด้วยค่ะว่าตอนนั้นต้องโกหกหมอว่า ลื่นบันไดหัวฟาดพื้นค่ะ) แฟนคนก่อนคนนี้ของแม่อ่ะค่ะ วีรกรรมเยอะมาก เอะอะ ทะเลาะเรื่องเงิน บีบคอบ้าง ต่อยบ้าง เตะบ้าง 

แต่ทำไมแม่ถึงยังเข้มแข็งและทนอยู่ต่อไปได้(คำนี้นอนคิดแล้วก็ร้องไห้เลยค่ะ) เคยมีครั้งนึงที่เขาเกือบจะฆ่าเลยค่ะ แต่ ญาติพี่น้องแม่เขามาห้ามไว้ (ณ ตอนนั้น  ย้ายไปอยู่บ้านเขาค่ะ บ้านที่เขาเกิดและเติบโตมา จังหวัดเดิม แต่ย้ายอำเภอค่ะ ) ณ ตอนที่อยู่กับเขา แม่ก็ไปทำงานกลางคืนบ้างนะคะ เขาเข้าใจว่าแม่ไปล้างจานร้านก๋วยเตี๋ยวค่ะ (จนถึงเลิกกันแม่ก็ไม่เคยบอกเขาเลยค่ะว่าทำงานอะไร ไม่เคยบอกค่ะว่าเคยลำบากอะไรมา ) 

จนมาถึงครั้งที่แม่เลิกกันกับแฟนคนก่อนคนนั้น ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรค่ะ (เขาก็มีคนใหม่แล้ว) ตอนที่รู้ว่าเลิกเราโล่งใจมากค่ะ เหมือนได้หลุดจากนรกเลย ตอนนั้นเราคิดเลยค่ะ

ต่อให้เลิกกันแล้วย้ายออกไปลำบากเหมือนเดิม ยังดีกว่าทนอยู่กับเขาเลยค่ะ 

และแล้วก็มาเจอกับคนปัจจุบันของแม่ ณ ตอนนี้ก็ยังคบอยู่ค่ะ ตอนที่เรารู้ว่าแม่มีคนปัจจุบันครั้งแรก คือตอนที่อยู่ศูนย์แล้ว เขาคุยโทรศัพท์กันอ่ะค่ะ เราก็คิดในใจค่ะ " อีกแล้วเหรอ แล้วคนนี้จะหนักเหมือนคนก่อนรึเปล่า " ก็ไม่หนักเท่าคนก่อนค่ะ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเยอะขนาดคนก่อน

คนปัจจุบัน ทำงานก็ขยันอยู่ค่ะ มีงานก็ทำ ตอนแรกทำงานก่อสร้าง ตอนนี้ทำงานเป็นเอกชนเก็บขยะอ่ะ ที่เป็นรถเก็บขยะ เดือน1หมื่นถ้วน สูบบุหรี่ค่ะ แต่ส่วนมากสูบพอตไฟฟ้าค่ะ(ที่ชาร์จได้อ่ะค่ะ)เพราะไม่มีเงินซื้อบุหรี่ตลอดค่ะ พอตไฟฟ้าก็เก็บมาจากการทำงานเป็นรถเก็บขยะได้ค่ะ ของใช้ในบ้านส่วนมากจะเป็นของที่เก็บมาได้ แล้วใช้ได้ค่ะ เป็นคนที่ไม่ได้สะอาดค่ะ ของที่เก็บมาก็มารกห้อง ทำกับข้าวก็ไม่เคยเก็บ หกเลอะตลอด เราก็เป็นคนเดียวนี่แหละค่ะที่เก็บ༎ຶ⁠‿⁠༎ຶ ส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่สกปรกและ เลอะเทอะค่ะ เลยขัดใจ แต่ต้องกัดฟันไว้

มาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเราบ้างค่ะ เป็นเรื่องที่เราเริ่มอคติกับเขาค่ะ เราค่ะเป็นเด็กที่ จบแค่ ป.6 ค่ะ ถ้านับ ณ ตอนนี้ถ้าเราเรียนอยู่ เราตอนนี้น่าจะกำลังจะขึ้น ม.3 ค่ะ เหตุผลที่ไม่ได้เรียนเพราะแฟนคนปัจจุบันของแม่นี่แหละค่ะ เราค่ะเป็นเด็กที่ เรียนดีค่ะ เป็นเด็กทุน ทุนนี้อ่ะค่ะ ถ้าเราเรียนสูงขึ้นเราก็จะได้ทุนเพิ่มขึ้นไปอีก (อย่างถ้าเราป.6 ขึ้นม.1 สมมุติจาก7,000 ก็จะขึ้นเป็น10,000 แบบนี้ค่ะ แต่ต้องไปเบิกกับครูที่คอยรับหน้าที่ดูแลเรื่องทุนเรา ต้องเขียนรายรับรายจ่ายส่งให้คนให้ทุนเราด้วยค่ะ) พอเราจบป.6ค่ะ แม่เลยตัดสินใจให้เราเบิก9,000 เลยค่ะ คือหมดธนาคารแล้ว เพราะเรียนสูงขึ้นค่าใช้จ่ายก็เยอะขึ้นค่ะ เรื่องนี้แหละค่ะที่ทำให้เราไม่ได้เรียนต่อ แฟนคนปัจจุบันของแม่เราอ่ะค่ะ เขาเป็นคนเล่นสล็อตค่ะ (เค้าเคยบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเงินเราด้วยค่ะ แต่ก็ยังยุ่ง) เขาเอาเงินเราไปเล่นสล็อตหมดเลยค่ะ 

ตอนที่เงินใกล้จะหมด แม่ก็พยายามพูดห้ามแบบว่า " กุข้อร้องเถอะ ลูกกูต้องเรียน กุไหว้ล่ะ " เขาก็ไม่พูดอะไรค่ะ  แล้วก็ไม่รู้ยังไงค่ะ เช้ามาก็เห็นโทรศัพท์แม่แตกค่ะ โทรศัพท์ที่ต้อง กดถอนเงินจากโทรศัพท์ แต่กดไปก็เท่านั้นค่ะ เงินไม่เหลือแล้ว ตอนนั้นเราคิดว่ายังมีโอกาสค่ะ แม่ก็ทักไปขอเงินพี่สาวแม่ค่ะ เขาก็ให้นะคะ แต่ผ่านยายค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เงินถึงไปอยู่ที่ยายได้ เพราะปกติที่แม่ขอเงิน (เวลาต้องการจริงๆ) พี่สาวแม่ก็จะโอนให้เลยค่ะ แต่ครั้งนี้เงินไปอยู่ที่ยาย แล้วยายก็ไม่โอนให้ค่ะ ด้ายโอกาสเส้นสุดท้ายเรา ขาดลงค่ะ... ตอนนั้นจำได้ว่าเสียใจมากค่ะ คิดว่าทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งแบบนี้ หรือว่าเราเคยไปทำอะไรไว้ในชาติไหนรึเปล่า ตอนนั้นเราแอบนอนร้องไห้เกือบทุกวันเลย ทุกๆวันก็จะเห็นคนอื่นไปโรงเรียนกันตลอด

เสียใจมากค่ะ(จริงๆเรามีความฝันนะคะ เรามีความฝันว่าเราอยากจะเรียนจบสูงๆ จะได้หางานทำ หาเงินให้แม่ แม่จะได้ไม่ต้องลำบาก แต่ความฝันนี้เราคงจะทำไม่ได้แล้ว เสียใจที่สุดเลยค่ะ) พอไม่ได้เรียน ไม่มีเงินเข้าเรียน แม่ก็บอกเดี๋ยวค่อยไปเรียน กศน ก็ได้ ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้เรียนเลยค่ะ ไม่รู้สิคะ ทุกเรื่องที่เราเจอมามันทำให้เรารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ทุกเรื่องที่เจอมามันทำให้เราเหนื่อย จนเคยคิดคำถามในหัวว่า " เรายังอยากเรียนอยู่มั้ย ถ้ามีโอกาส " แต่พอถามตัวเองไป ก็มีแต่คำว่า เหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อย ผุดขึ้นมาค่ะ ไม่แน่ค่ะ ถ้าเรามีโอกาสเราอาจจะยังอยากเรียนก็ได้  *  พิมพ์เป็นหมื่นแล้ว กดโปรอ่านตอน2

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่