ที่ประเทศมาเลเซีย ทางด่วนสายชายฝั่งทะเลตะวันตก หรือ The West Coast Expressway (WCE) หมายเลข E32 ตอน 11 ช่วงไทปิง เซลาตัน (Taiping Selatan) ถึงเบรูวัส (Beruas) รัฐเปรัก (Perak) ระยะทาง 35.5 กิโลเมตร เปิดให้สัญจรอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ดับบลิวซีอี โฮลดิ้งส์ (WCE Holdings) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางด่วนสายดังกล่าว ยังได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ช่วงไทปิง เซลาตัน ถึงเบรูวัส เป็นเวลา 2 เดือน ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 หลังจากนั้นจะคิดค่าผ่านทางในอัตรา 0.16 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 1.22 บาทต่อกิโลเมตร นับเป็นการเปิดใช้ทางด่วนตลอดช่วงที่ผ่านรัฐเปรักเลยทีเดียว
อธิบายสำหรับคนที่ขับรถจาก ทางด่วนเหนือ-ใต้ (North-South Expressway หรือ NSE) หมายเลข E1 จากด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ออกด่านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดาห์แล้ว ตรงไปเรื่อยๆ เสียเงินด่านแรกที่ ด่านจิตรา (Jitra) จากนั้นตรงไปอีก 191 กิโลเมตร มีทางออก 146 เสียเงินอีกครั้งที่ ด่านจังกัต เจอริง (Changkat Jering หรือ Cgpt. Jering)
สำหรับทางด่วนสายดับบลิวซีอี ของมาเลเซีย สร้างขึ้นเพื่อแบ่งเบาการจราจรทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1 ที่เป็นทางด่วนสายหลักของมาเลเซีย เชื่อมต่อท่าเรือหลักฝั่งตะวันตก ได้แก่ ท่าเรือกลัง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ท่าเรือลูมุต รัฐเปรัก ท่าเรือปีนัง (Penang Port) รัฐปีนัง และท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์
โครงการนี้มีระยะทางรวม 314.5 กิโลเมตร มีทางเข้า-ออก 21 จุด เริ่มต้นจาก ด่านบันติ้ง (Banting) รัฐสลังงอร์ ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ 27 กิโลเมตร ขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่านเมืองชาห์ อลัม (Shah Alam) เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ตามด้วยเมืองตันจุงการัง (Tanjung Karang) เข้าสู่รัฐเปรักที่เมืองฮูตัง เมลินตัง
ผ่านเมืองเตลุก อินตาน (Teluk Intan) เซริมันจุง (Seri Manjung) เบรูวัส และไทปิง โดยแนวเส้นทางบางส่วนขนานไปกับทางหลวงสหพันธ์มาเลเซียหมายเลข 5 เดิมเป็นถนน 2 ช่องจราจร ก็พัฒนาเป็น 4 ช่องจราจร สิ้นสุดที่ทางด่วนเหนือ-ใต้ ด่านไทปิง เซลาตัน ไปออกทางด่วนเหนือ-ใต้หมายเลข E1 ที่มี พลัส (PLUS) เป็นผู้ให้บริการ
เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2557 แต่การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า นับถึงตอนนี้ช่วงที่ผ่านรัฐเปรัก ช่วงฮูตัง เมลินตัง ถึงไทปิง เซลาตัน รวม 99.2 กิโลเมตร เสร็จหมดแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านรัฐสลังงอร์ ตั้งแต่บันติ้ง ถึงตันจุง การัง รวม 93.8 กิโลเมตร เปิดให้สัญจรแล้ว 2 ตอน แต่อีก 5 ตอนกำลังก่อสร้าง ช้าที่สุดคือตอน 7 คืบหน้า 69% เท่านั้น
สิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ป้าย VMS โทรศัพท์ฉุกเฉินทุก 2 กิโลเมตร ลานพักรถบริเวณด่านเก็บเงิน ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ที่หลบฝนสำหรับรถจักรยานยนต์ กล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ระบบบริการจัดการการจราจร ตู้เติมเงินบัตร Touch N'Go และบริการฉุกเฉินทางรถยนต์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ กำลังพัฒนาจุดพักรถ (Rest and Relax Area) รวม 12 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร ห้องละหมาด (Surau) สำหรับชาวมุสลิม และร้านสะดวกซื้อ เช่นเดียวกับทางด่วนสายหลักอื่นๆ
ปัจจุบันการก่อสร้างทางด่วนอีก 4 ตอน เชื่อมทางด่วนหุบเขากลังใต้ (SKVE) ทางด่วนชาห์ อลัม (SAE) ทางด่วนหุบเขากลังสายใหม่ (NKVE) และทางด่วนบายพาสหุบเขากลังตอนเหนือสายใหม่ (NNKSB) คืบหน้าไปแล้วประมาณ 85-99% โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการบางส่วนกลางปี 2567 ยังเหลือตอน 7 ที่ยังคืบหน้าเพียง 69%
แหล่งอ้างอิง และอ่านเพิ่มเติม
https://mgronline.com/columnist/detail/9670000023005
ตามไปดูมาเลเซียเปิดทางด่วนใหม่ E32 เชื่อมฝั่งทะเลตะวันตก
ที่ประเทศมาเลเซีย ทางด่วนสายชายฝั่งทะเลตะวันตก หรือ The West Coast Expressway (WCE) หมายเลข E32 ตอน 11 ช่วงไทปิง เซลาตัน (Taiping Selatan) ถึงเบรูวัส (Beruas) รัฐเปรัก (Perak) ระยะทาง 35.5 กิโลเมตร เปิดให้สัญจรอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ดับบลิวซีอี โฮลดิ้งส์ (WCE Holdings) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางด่วนสายดังกล่าว ยังได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ช่วงไทปิง เซลาตัน ถึงเบรูวัส เป็นเวลา 2 เดือน ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 หลังจากนั้นจะคิดค่าผ่านทางในอัตรา 0.16 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 1.22 บาทต่อกิโลเมตร นับเป็นการเปิดใช้ทางด่วนตลอดช่วงที่ผ่านรัฐเปรักเลยทีเดียว
อธิบายสำหรับคนที่ขับรถจาก ทางด่วนเหนือ-ใต้ (North-South Expressway หรือ NSE) หมายเลข E1 จากด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ออกด่านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดาห์แล้ว ตรงไปเรื่อยๆ เสียเงินด่านแรกที่ ด่านจิตรา (Jitra) จากนั้นตรงไปอีก 191 กิโลเมตร มีทางออก 146 เสียเงินอีกครั้งที่ ด่านจังกัต เจอริง (Changkat Jering หรือ Cgpt. Jering)
สำหรับทางด่วนสายดับบลิวซีอี ของมาเลเซีย สร้างขึ้นเพื่อแบ่งเบาการจราจรทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1 ที่เป็นทางด่วนสายหลักของมาเลเซีย เชื่อมต่อท่าเรือหลักฝั่งตะวันตก ได้แก่ ท่าเรือกลัง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ท่าเรือลูมุต รัฐเปรัก ท่าเรือปีนัง (Penang Port) รัฐปีนัง และท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์
โครงการนี้มีระยะทางรวม 314.5 กิโลเมตร มีทางเข้า-ออก 21 จุด เริ่มต้นจาก ด่านบันติ้ง (Banting) รัฐสลังงอร์ ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ 27 กิโลเมตร ขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่านเมืองชาห์ อลัม (Shah Alam) เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ตามด้วยเมืองตันจุงการัง (Tanjung Karang) เข้าสู่รัฐเปรักที่เมืองฮูตัง เมลินตัง
ผ่านเมืองเตลุก อินตาน (Teluk Intan) เซริมันจุง (Seri Manjung) เบรูวัส และไทปิง โดยแนวเส้นทางบางส่วนขนานไปกับทางหลวงสหพันธ์มาเลเซียหมายเลข 5 เดิมเป็นถนน 2 ช่องจราจร ก็พัฒนาเป็น 4 ช่องจราจร สิ้นสุดที่ทางด่วนเหนือ-ใต้ ด่านไทปิง เซลาตัน ไปออกทางด่วนเหนือ-ใต้หมายเลข E1 ที่มี พลัส (PLUS) เป็นผู้ให้บริการ
เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2557 แต่การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า นับถึงตอนนี้ช่วงที่ผ่านรัฐเปรัก ช่วงฮูตัง เมลินตัง ถึงไทปิง เซลาตัน รวม 99.2 กิโลเมตร เสร็จหมดแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านรัฐสลังงอร์ ตั้งแต่บันติ้ง ถึงตันจุง การัง รวม 93.8 กิโลเมตร เปิดให้สัญจรแล้ว 2 ตอน แต่อีก 5 ตอนกำลังก่อสร้าง ช้าที่สุดคือตอน 7 คืบหน้า 69% เท่านั้น
สิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ป้าย VMS โทรศัพท์ฉุกเฉินทุก 2 กิโลเมตร ลานพักรถบริเวณด่านเก็บเงิน ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ที่หลบฝนสำหรับรถจักรยานยนต์ กล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ระบบบริการจัดการการจราจร ตู้เติมเงินบัตร Touch N'Go และบริการฉุกเฉินทางรถยนต์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ กำลังพัฒนาจุดพักรถ (Rest and Relax Area) รวม 12 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร ห้องละหมาด (Surau) สำหรับชาวมุสลิม และร้านสะดวกซื้อ เช่นเดียวกับทางด่วนสายหลักอื่นๆ
ปัจจุบันการก่อสร้างทางด่วนอีก 4 ตอน เชื่อมทางด่วนหุบเขากลังใต้ (SKVE) ทางด่วนชาห์ อลัม (SAE) ทางด่วนหุบเขากลังสายใหม่ (NKVE) และทางด่วนบายพาสหุบเขากลังตอนเหนือสายใหม่ (NNKSB) คืบหน้าไปแล้วประมาณ 85-99% โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการบางส่วนกลางปี 2567 ยังเหลือตอน 7 ที่ยังคืบหน้าเพียง 69%
แหล่งอ้างอิง และอ่านเพิ่มเติม
https://mgronline.com/columnist/detail/9670000023005