อ่านพระสูตรยาวๆ จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ทางพระพุทธศาสนาบ้าง(ในที่นี้ควรมีอย่างน้อยคือพระอภิธัมมัตถสังคหะ)
ตัวอย่างเช่นพระสูตรนี้ครับ
มีกล่าวถึง สามัญญผลสูตร(อันนี้ต้องไปหาอ่านอีกที) และ กล่าวถึงอุปาทายะรูป 24(อันนี้มีสอนในพระอภิธัมมัตถสังคหะ)
มจร.ฯ กล่าวถึง กัมมัฏฐาน 38 ประการ(อันนี้จำได้ว่ามีในพระอภิธัมมัตถสังคหะ แต่ว่ามี 40 ประการต้องกลับไปหาอ่านอีกที)
และพระอรรถกถาจารย์จะมีอธิบายไว้หรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไร(อ่านแล้วก็ได้ส่วนขยายความมากมายกว่าเนื้อหาในพระสูตรเยอะเลย ชอบอ่านครับ)
ในคำตอบของพระพุทธเจ้าตอนท้ายมีคำว่า จริมกวิญญานบ้าง กับ อภิสังขารวิญญานบ้าง (จริมกวิญญานไม่รู้คืออะไร แต่อภิสังขารวิญญานเคยเห็นมีในพระอภิธัมมัตถสังคหะในบทเรื่องปฏิจจสมุปบาท)
แม้ว่าจะมีความรู้อย่างน้อยพระอภิธัมมัตถสังคหะแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถอ่านเข้าใจได้หรือเปล่า ซึ่งบางทีก็ต้องถามท่านกัลยาณมิตรในที่นี้ครับ ซึ่งก็ได้รับความเมตตากรุณาเป็นอย่างดีมากโดยเสมอมาครับ
นึกถึงตอนแรกๆที่เข้าใจด้วยการได้ยินและบอกต่อมาจากหลายท่านที่เคารพกราบไหว้นับถือว่าไม่ต้องหรอกไม่จำเป็นหรอก แต่เมื่อมันมีคำถามมากมายที่ต้องรอตอบไม่ไหว ก็ต้องค้นหาคำตอบเอง จึงต้องฝ่ากระแสความเชื่อของตนเองที่ว่าไม่จำเป็นหรอก จนกระทั่งเรียนพระอภิธัมมัตถสังคหะจบในรอบแรกด้วยอาจารย์คนธรรมดาในยูตู๊ป กลับร่ำร้องในใจว่า นี่แหละ นี่แหละ ของแทร่ๆๆ และด้วยความที่ดี ความชอบใจ จึงได้เรียนในรอบที่สอง และจดบันทึกทุกคำของอาจารย์คนธรรมดาในยูตู๊ป และก็ฟังจบบันทึกในสมุดเล่มโตๆหลายๆเล่มจบในรอบที่สอง แม้จะจบในรอบที่สองแล้วก็ยังจำไม่ค่อยได้นะครับ แต่มีความพึงพอใจมากกว่าสิ่งดีๆที่เคยได้รับมาในอดีต ผลงานดีๆที่เคยทำมาก่อนๆในอดีต แต่กลับมีความนิยมอยู่ในใจว่าชอบแล้วเริ่มต้นถูกทางแล้วแม้จะแก่ไปหน่อยแต่ก็ยินดีปิติจนมาถึงปัจจุบัน
----
ไม่รู้อะไรยังไงกะใคร เพียงวันไหนได้มีความอยากอ่านพระสูตร เช่นพระสูตรนี้ แล้วได้อ่านทำความเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ชีวิตชราเรี่ยวแรงน้อยก็มีความสุขครับ และเมื่อเจอกับคำถามที่จะหาคำตอบก็ได้ หรือขี้เกียจไม่หาต่อก็ได้ ก็ยิ่งทำให้เพลิดเพลินเจริญใจอย่างยิ่ง มิน่าเขาถึงบอกว่าคนแก่อย่างผม 64 ปี เหมาะกับเข้าวัดฟังธรรมมะ สำหรับผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
---
ตอนอ่านพระสูตรเรื่อง อปทานของพระสารีบุตร นึกถึงพวกเดียรถีย์ที่ชอบตำหนิต่อว่าพระสารีบุตร จึงมีเรื่องราวอปทานของท่านทิ้งไว้มาจนถึงบัดนี้เพื่อกำราปพวกเดียร์ถีย์เหล่านี้ในกาลนี้
---
ตอนอ่านพระสูตร อ่านไปพิจารณาไป จิตก็เป็นมหากุศลญานสัมปยุตดวงที่ 1 ดวงที่ 2 บ้าง มีทุกวันแหละครับ






ตอนไม่รู้ผมก็ว่ามันไม่จำเป็น พอผมรู้แล้วผมก็คิดว่าเออมันจำเป็นจริงๆนะครับ
ตัวอย่างเช่นพระสูตรนี้ครับ
มีกล่าวถึง สามัญญผลสูตร(อันนี้ต้องไปหาอ่านอีกที) และ กล่าวถึงอุปาทายะรูป 24(อันนี้มีสอนในพระอภิธัมมัตถสังคหะ)
มจร.ฯ กล่าวถึง กัมมัฏฐาน 38 ประการ(อันนี้จำได้ว่ามีในพระอภิธัมมัตถสังคหะ แต่ว่ามี 40 ประการต้องกลับไปหาอ่านอีกที)
และพระอรรถกถาจารย์จะมีอธิบายไว้หรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไร(อ่านแล้วก็ได้ส่วนขยายความมากมายกว่าเนื้อหาในพระสูตรเยอะเลย ชอบอ่านครับ)
ในคำตอบของพระพุทธเจ้าตอนท้ายมีคำว่า จริมกวิญญานบ้าง กับ อภิสังขารวิญญานบ้าง (จริมกวิญญานไม่รู้คืออะไร แต่อภิสังขารวิญญานเคยเห็นมีในพระอภิธัมมัตถสังคหะในบทเรื่องปฏิจจสมุปบาท)
แม้ว่าจะมีความรู้อย่างน้อยพระอภิธัมมัตถสังคหะแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถอ่านเข้าใจได้หรือเปล่า ซึ่งบางทีก็ต้องถามท่านกัลยาณมิตรในที่นี้ครับ ซึ่งก็ได้รับความเมตตากรุณาเป็นอย่างดีมากโดยเสมอมาครับ
นึกถึงตอนแรกๆที่เข้าใจด้วยการได้ยินและบอกต่อมาจากหลายท่านที่เคารพกราบไหว้นับถือว่าไม่ต้องหรอกไม่จำเป็นหรอก แต่เมื่อมันมีคำถามมากมายที่ต้องรอตอบไม่ไหว ก็ต้องค้นหาคำตอบเอง จึงต้องฝ่ากระแสความเชื่อของตนเองที่ว่าไม่จำเป็นหรอก จนกระทั่งเรียนพระอภิธัมมัตถสังคหะจบในรอบแรกด้วยอาจารย์คนธรรมดาในยูตู๊ป กลับร่ำร้องในใจว่า นี่แหละ นี่แหละ ของแทร่ๆๆ และด้วยความที่ดี ความชอบใจ จึงได้เรียนในรอบที่สอง และจดบันทึกทุกคำของอาจารย์คนธรรมดาในยูตู๊ป และก็ฟังจบบันทึกในสมุดเล่มโตๆหลายๆเล่มจบในรอบที่สอง แม้จะจบในรอบที่สองแล้วก็ยังจำไม่ค่อยได้นะครับ แต่มีความพึงพอใจมากกว่าสิ่งดีๆที่เคยได้รับมาในอดีต ผลงานดีๆที่เคยทำมาก่อนๆในอดีต แต่กลับมีความนิยมอยู่ในใจว่าชอบแล้วเริ่มต้นถูกทางแล้วแม้จะแก่ไปหน่อยแต่ก็ยินดีปิติจนมาถึงปัจจุบัน
----
ไม่รู้อะไรยังไงกะใคร เพียงวันไหนได้มีความอยากอ่านพระสูตร เช่นพระสูตรนี้ แล้วได้อ่านทำความเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ชีวิตชราเรี่ยวแรงน้อยก็มีความสุขครับ และเมื่อเจอกับคำถามที่จะหาคำตอบก็ได้ หรือขี้เกียจไม่หาต่อก็ได้ ก็ยิ่งทำให้เพลิดเพลินเจริญใจอย่างยิ่ง มิน่าเขาถึงบอกว่าคนแก่อย่างผม 64 ปี เหมาะกับเข้าวัดฟังธรรมมะ สำหรับผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
---
ตอนอ่านพระสูตรเรื่อง อปทานของพระสารีบุตร นึกถึงพวกเดียรถีย์ที่ชอบตำหนิต่อว่าพระสารีบุตร จึงมีเรื่องราวอปทานของท่านทิ้งไว้มาจนถึงบัดนี้เพื่อกำราปพวกเดียร์ถีย์เหล่านี้ในกาลนี้
---
ตอนอ่านพระสูตร อ่านไปพิจารณาไป จิตก็เป็นมหากุศลญานสัมปยุตดวงที่ 1 ดวงที่ 2 บ้าง มีทุกวันแหละครับ