เมื่อครั้งที่ไปกินอาหารไทยฝีมือเชฟปิ๊ก-คณิน สินพันธ์ เจ้าของรางวัลเหรียญทอง TICC
2 ปีซ้อนจาก TICC, Thailand International Culinary Classic Thai Cuisine: Individual (professional)
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว รู้สึกประทับใจในตัวเชฟหนุ่มอายุ 37 ปี ซึ่งอาหารแต่ละจานเต็มไปด้วยเรื่องราว
ทั้งประวิติที่มาของอาหารไทยต้นตำรับจานนั้น ๆ และที่มาของวัตถุดิบที่สรรหานำมาทำอาหาร
จากแหล่งวัตถุดิบตามธรรมชาติทั่วประเทศ ได้มีโอกาสชิมฝีมือเชฟปิ๊ก 2 ครั้ง
ครั้งแรก "เที่ยวไปกินไป by laser @ เรือนนพเก้า"
https://pantip.com/topic/40056957
และครั้งที่สอง "เที่ยวไปกินไป by laser @ เรือนนพเก้า : อาหารชุดวันแม่ และชุดน้ำชายามบ่าย"
https://pantip.com/topic/40112550
ซึ่งเป็นชุดน้ำชาที่อลังการมาก ภาชนะที่ใช้จัดวางเครื่องน้ำชา
สั่งทำเป็นพิเศษตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเชฟปิ๊ก
ห่างหายไป 4 ปี ระหว่างนั้น ได้ข่าวว่าเชฟปิ๊กไปศึกษาต่อต่างประเทศ
แต่อยากลองข้าวแช่ฝีมือเชฟปิ๊ก ซึ่งข้าวและน้ำข้าวแช่ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชุดข้าวแช่
น้ำต้องใช้น้ำจากหมู่บ้านดอยงาม อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นตาน้ำแร่ธรรมชาติของชนเผ่าอาข่า
ที่สูงจากน้ำทะเลประมาณ 2,500 ฟุต ต้มเดือดร้อยองศาเป็นเวลา 15 นาที ทิ้งให้เย็นในตุ่มดินเผา 3 คืน
ก่อนลอยด้วยมะลิ กุหลาบมอญ ขมนาดและกระดังงา แล้วอบด้วยเทียนอบอีกหนึ่งคืน แต่ตอนนั้นหมดหน้าข้าวแช่แล้ว
วันอาทิตย์ที่ 3-3-24 ได้รับเชิญจากโรงแรมวินด์แฮม แบงค็อก ควีน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์
(Wyndham Bangkok Queen Convention Centre) ซึ่งตั้งอยู่ในซอยไผ่สิงโต ตรงข้ามกับศูนย์ประชุมสิริกิตติ์
ให้ไปชิมข้างแช่ ปกติชอบกินข้าวแช่อยู่แล้ว เมื่อบอกว่ารังสรรค์โดยเชฟปิ๊ก จึงตอบรับตำเชิญโดยไม่ลังเล
เดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินพร้อมแฟน ไปที่สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ออกทางด้านทางออก 4
จากนั้นเดินเข้าซอยไผ่สิงโต ซึ่งเชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 16
ประมาณร้อยเมตรข้ามคลองไผ่สิงโตไปที่โรงแรมวินด์แฮมฯ
ขึ้นลิฟท์ที่ปุ่มเลือกชั้นดูยาก เพราะไม่แสดงไฟตัวเลขที่ปุ่มกด
ไปที่ชั้น 28 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารไทย Marie Guimar (มารี กีมาร์)
หรือที่คนไทยออกเสียงไม่ถนัด เรียกเพี้ยนจากกีมาร์เป็นกีบม้า
ซึ่งมีชื่อตัวว่า มารีอา กียูมาร์ ดึ ปีญา (โปรตุเกส: Maria Guyomar de Pinha)
ภริยาของพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
ขุนนางกรีกที่รับราชการและมีบทบาทมาก ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ท้าวทองกีบม้า เป็นคริสตังเชื้อสายโปรตุเกส, เบงกอล และญี่ปุ่น
เธอมีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก
ตำแหน่ง "ท้าวทองกีบม้า" ได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส มีทองหยิบ, ทองหยอด,
ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย
อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่
https://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวทองกีบม้า_(มารี_กีมาร์)
ทางร้านจึงนำชื่อของท่านมาใช้เป็นชื่อร้าน เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ
ในฐานะผู้มีคุณูปการกับวัฒนธรรมอาหารไทย ตังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อก้าวออกจากลิฟท์ จะพบกับโตมไฟระย้าแบบจีนหลายดวง
แสงจากโคมไฟขับสีเขียวของบานไม้ประดับผนังลวดลายแบบชิโน-โปรตุกีส
เป็นการปรับสายตาก่อนเลี้ยวขวาไปสู่ความสดใสที่ออกแบบอย่างหรูหรา
ในสไตล์ชิโน-โปรตุกีสของห้องอาหาร Marie Guimar
ซึ่งใช้โทนสีหลักด้วยสีเขียวสบายตา ที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ
ตัดกับสีฟ้าและสีขาวจากวอลล์เปเปอร์ลายใบไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษ
โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวิถีเมืองแห่งสายน้ำ ของผู้คนในสมัยกรุงศรีอยุธยาในการออกแบบ
มีการแยกสัดส่วนของมุมนั่งคอยและตัวห้องอาหาร ด้วยผนังชั้นกรุกระจก
ซึ่งจัดวางด้วยเครื่องกระเบื้องสีเขียวหลากหลายแบบดูสวยงามมีรสนิยม
ตัวห้องอาหารแบ่งออกเป็นสองส่วน
ประกอบด้วยด้านในร้านปรับอากาศเย็นสบายเหมาะกับช่วงกลางวัน
ได้แสงส่องผ่านกระจกช่วยให้ถ่ายรูปได้สวยงามทั้งคนและอาหาร
และด้านนอกรับลมธรรมชาติ เหมาะกับบรรยากาศช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตก
ด้านทิศตะวันตกมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
ด้านทิศเหนือมองเห็นศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สวนเบญจกิตติ
และถนนรัชดาภิเษกเชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4
ด้านทิศตะวันออกมองเห็นความเจริญของเมือง ที่เต็มไปด้วยอาคารสูง ตัดกับบ้านเรือนดั้งเดิม
โต๊ะที่จัดให้ชิมข้าวแช่อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง
มุมที่ติดกับห้องครัว จัดแสดงของว่างคลายร้อนเรียกน้ำย่อย ข้าวแช่ และของหวาน
ของว่างคลายร้อนเรียกน้ำย่อย คือ "แตงโมหน้าปลาแห้ง"
ชุดข้าวแช่กลับบ้านสำหรับ 2 คน บรรจุในกล่องสั่งทำพิเศษ
ชุดละ 1,299++ บาท รวมขนมทองมารี 1 กล่อง
ด้านซ้ายเป็นโอ่งดินสำหรับลอยดอกไม้หอมอบควันเทียนทำน้ำข้าวแช่
ดอกไม้ที่นำมาลอยทำน้ำข้าวแช่ประกอบด้วยดอกไม้ 4 ชนิด
ที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ปราศจากยาฆ่าแมลง
คือ ดอกชมนาด ดอกมะลิและดอกกระดังงาสงขลา จากจังหวัดสระบุรี
และกลีบกุหลาบมอญสีชมพู จากจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากนำมาลอยน้ำข้าวแช่แล้ว
ยังใช้แต่งหน้าแตงโมหน้าปลาแห้งและข้าวสวยข้าวแช่
หอมสำหรับอบควันเทียนน้ำข้าวแช่
ขนมทองมารี ขนมในชุดที่ระลึกจากทางร้าน ในการมาชิมข้าวแช่วันนี้
เช่นเดียวกับยาดมสมุนไพรสูตรเชฟปิ๊ก
ชุดข้าวแช่ที่จะมาชิมวันนี้
ส่วนของหวาน คือ ส้มฉุนมะยงชิดลอยแก้ว
รายการอาหาร
ไม้ได้กินข้าวยำนานแล้ว
อาหารชุด
บนโตีะมีแผ่นปลิว หน้าหนึ่งบรรยายถึงข้าวแช่ตำรับร้าน "มารี กีมาร์" ปี 2567
ซึ่งประกอบด้วย 3 สำรับ คือ "แตงโมหน้าปลาแห้ง" "ชุดข้าวแช่" และ "ส้มฉุนมะยงชิด"
หน้าหลังเป็นขั้นตอนการกินข้าวแช่ตำรับร้าน "มารี กีมาร์"
เริ่มจากลูกกะปิทอด และแต่ละอย่างกินกับผักและผลไม้ชนิดใด
แต่ก่อนจะเริ่มทั้ง 3 สำรับ มีเครื่องดื่มต้อนรับ "มโนรมย์" ให้คนละแก้ว
เป็นน้ำแดงรสสละ ที่เพิ่มกลิ่นหอมและความเป็นไทยด้วยน้ำใบเตย
ให้ดื่มระหว่างฟังการบรรยายจากเชฟปิ๊ก
ข้าวแช่ที่จะชิมกันในวันนี้ เป็นการผสมระหว่างข้าวแช่คนกรุงเทพ และข้าวแช่คนเพชรบุรี
ตนกรุงเทพฯ ไม่ชอบข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร เพราะคนกรุงเทพฯ บอกว่า
ข้าวแช่ของคนเมืองเพชรจะแข็ง กินแล้วท้องอืด ส่วนคนเมืองเพชรบอกว่าข้าวแช่ของคนกรุงเทพฯ จะหุงนุ่ม
เวลาใส่น้ำข้าวแช่แล้วจะแฉะ จึงเอาสองตำรับมาปรับรวมกัน โดยครึ่งหนึ่งมาจากห้องอาหารศาลาริมน้ำ
โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล ซึ่งเชพปิ๊กเคยเรียนที่นั่น ส่วนอีกครึ่งมาจากตำรับของ
ผศ.กอบแก้ว นาจพินิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย จากโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
https://www.facebook.com/matichonbook/photos/a.134217036642989/959780180753333/?type=3
เสริมด้วยข้าวแช่ตำรับวังบูรพาภิรมย์ ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ คือ พริกชี้ฟ้าแห้งยัดไส้ปลาแห้ง
ข้าวแช่ที่จะได้กินวันนี้ จึงเป็นข้าวแช่สูตร 3 ตำรับเครื่องเคียง 8 อย่าง มี 3 สำรับในชุด
ด้วยราคา 999++ บาท มีให้กินความอร่อยคลายร้อนหน้าร้อน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคมเท่านั้น
เชฟปิ๊กเป็นเชฟคนที่สองที่ได้กินอาหารจากลูกศิษย์ห้องอาหารศาลาริมน้ำ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทย
อีกคน คือ เชฟง้วน แห่งร้าน Chef House ซอยลำลูกกา 53 ซึ่งทำอาหารฝรั่งได้อร่อยมาก แต่ยังไม่ได้เขียนถึง
[SR] เที่ยวไปกินไป by laser @ Marie Guimar : ข้าวแช่
2 ปีซ้อนจาก TICC, Thailand International Culinary Classic Thai Cuisine: Individual (professional)
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว รู้สึกประทับใจในตัวเชฟหนุ่มอายุ 37 ปี ซึ่งอาหารแต่ละจานเต็มไปด้วยเรื่องราว
ทั้งประวิติที่มาของอาหารไทยต้นตำรับจานนั้น ๆ และที่มาของวัตถุดิบที่สรรหานำมาทำอาหาร
จากแหล่งวัตถุดิบตามธรรมชาติทั่วประเทศ ได้มีโอกาสชิมฝีมือเชฟปิ๊ก 2 ครั้ง
ครั้งแรก "เที่ยวไปกินไป by laser @ เรือนนพเก้า" https://pantip.com/topic/40056957
และครั้งที่สอง "เที่ยวไปกินไป by laser @ เรือนนพเก้า : อาหารชุดวันแม่ และชุดน้ำชายามบ่าย"
https://pantip.com/topic/40112550
ซึ่งเป็นชุดน้ำชาที่อลังการมาก ภาชนะที่ใช้จัดวางเครื่องน้ำชา
สั่งทำเป็นพิเศษตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเชฟปิ๊ก
ห่างหายไป 4 ปี ระหว่างนั้น ได้ข่าวว่าเชฟปิ๊กไปศึกษาต่อต่างประเทศ
แต่อยากลองข้าวแช่ฝีมือเชฟปิ๊ก ซึ่งข้าวและน้ำข้าวแช่ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชุดข้าวแช่
น้ำต้องใช้น้ำจากหมู่บ้านดอยงาม อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นตาน้ำแร่ธรรมชาติของชนเผ่าอาข่า
ที่สูงจากน้ำทะเลประมาณ 2,500 ฟุต ต้มเดือดร้อยองศาเป็นเวลา 15 นาที ทิ้งให้เย็นในตุ่มดินเผา 3 คืน
ก่อนลอยด้วยมะลิ กุหลาบมอญ ขมนาดและกระดังงา แล้วอบด้วยเทียนอบอีกหนึ่งคืน แต่ตอนนั้นหมดหน้าข้าวแช่แล้ว
วันอาทิตย์ที่ 3-3-24 ได้รับเชิญจากโรงแรมวินด์แฮม แบงค็อก ควีน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์
(Wyndham Bangkok Queen Convention Centre) ซึ่งตั้งอยู่ในซอยไผ่สิงโต ตรงข้ามกับศูนย์ประชุมสิริกิตติ์
ให้ไปชิมข้างแช่ ปกติชอบกินข้าวแช่อยู่แล้ว เมื่อบอกว่ารังสรรค์โดยเชฟปิ๊ก จึงตอบรับตำเชิญโดยไม่ลังเล
เดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินพร้อมแฟน ไปที่สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ออกทางด้านทางออก 4
จากนั้นเดินเข้าซอยไผ่สิงโต ซึ่งเชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 16
ประมาณร้อยเมตรข้ามคลองไผ่สิงโตไปที่โรงแรมวินด์แฮมฯ
ขึ้นลิฟท์ที่ปุ่มเลือกชั้นดูยาก เพราะไม่แสดงไฟตัวเลขที่ปุ่มกด
ไปที่ชั้น 28 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารไทย Marie Guimar (มารี กีมาร์)
หรือที่คนไทยออกเสียงไม่ถนัด เรียกเพี้ยนจากกีมาร์เป็นกีบม้า
ซึ่งมีชื่อตัวว่า มารีอา กียูมาร์ ดึ ปีญา (โปรตุเกส: Maria Guyomar de Pinha)
ภริยาของพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
ขุนนางกรีกที่รับราชการและมีบทบาทมาก ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ท้าวทองกีบม้า เป็นคริสตังเชื้อสายโปรตุเกส, เบงกอล และญี่ปุ่น
เธอมีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก
ตำแหน่ง "ท้าวทองกีบม้า" ได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส มีทองหยิบ, ทองหยอด,
ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย
อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่ https://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวทองกีบม้า_(มารี_กีมาร์)
ทางร้านจึงนำชื่อของท่านมาใช้เป็นชื่อร้าน เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ
ในฐานะผู้มีคุณูปการกับวัฒนธรรมอาหารไทย ตังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อก้าวออกจากลิฟท์ จะพบกับโตมไฟระย้าแบบจีนหลายดวง
แสงจากโคมไฟขับสีเขียวของบานไม้ประดับผนังลวดลายแบบชิโน-โปรตุกีส
เป็นการปรับสายตาก่อนเลี้ยวขวาไปสู่ความสดใสที่ออกแบบอย่างหรูหรา
ในสไตล์ชิโน-โปรตุกีสของห้องอาหาร Marie Guimar
ซึ่งใช้โทนสีหลักด้วยสีเขียวสบายตา ที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ
ตัดกับสีฟ้าและสีขาวจากวอลล์เปเปอร์ลายใบไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษ
โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวิถีเมืองแห่งสายน้ำ ของผู้คนในสมัยกรุงศรีอยุธยาในการออกแบบ
มีการแยกสัดส่วนของมุมนั่งคอยและตัวห้องอาหาร ด้วยผนังชั้นกรุกระจก
ซึ่งจัดวางด้วยเครื่องกระเบื้องสีเขียวหลากหลายแบบดูสวยงามมีรสนิยม
ตัวห้องอาหารแบ่งออกเป็นสองส่วน
ประกอบด้วยด้านในร้านปรับอากาศเย็นสบายเหมาะกับช่วงกลางวัน
ได้แสงส่องผ่านกระจกช่วยให้ถ่ายรูปได้สวยงามทั้งคนและอาหาร
และด้านนอกรับลมธรรมชาติ เหมาะกับบรรยากาศช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตก
ด้านทิศตะวันตกมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
ด้านทิศเหนือมองเห็นศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สวนเบญจกิตติ
และถนนรัชดาภิเษกเชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4
ด้านทิศตะวันออกมองเห็นความเจริญของเมือง ที่เต็มไปด้วยอาคารสูง ตัดกับบ้านเรือนดั้งเดิม
โต๊ะที่จัดให้ชิมข้าวแช่อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง
มุมที่ติดกับห้องครัว จัดแสดงของว่างคลายร้อนเรียกน้ำย่อย ข้าวแช่ และของหวาน
ของว่างคลายร้อนเรียกน้ำย่อย คือ "แตงโมหน้าปลาแห้ง"
ชุดข้าวแช่กลับบ้านสำหรับ 2 คน บรรจุในกล่องสั่งทำพิเศษ
ชุดละ 1,299++ บาท รวมขนมทองมารี 1 กล่อง
ด้านซ้ายเป็นโอ่งดินสำหรับลอยดอกไม้หอมอบควันเทียนทำน้ำข้าวแช่
ดอกไม้ที่นำมาลอยทำน้ำข้าวแช่ประกอบด้วยดอกไม้ 4 ชนิด
ที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ปราศจากยาฆ่าแมลง
คือ ดอกชมนาด ดอกมะลิและดอกกระดังงาสงขลา จากจังหวัดสระบุรี
และกลีบกุหลาบมอญสีชมพู จากจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากนำมาลอยน้ำข้าวแช่แล้ว
ยังใช้แต่งหน้าแตงโมหน้าปลาแห้งและข้าวสวยข้าวแช่
หอมสำหรับอบควันเทียนน้ำข้าวแช่
ขนมทองมารี ขนมในชุดที่ระลึกจากทางร้าน ในการมาชิมข้าวแช่วันนี้
เช่นเดียวกับยาดมสมุนไพรสูตรเชฟปิ๊ก
ชุดข้าวแช่ที่จะมาชิมวันนี้
ส่วนของหวาน คือ ส้มฉุนมะยงชิดลอยแก้ว
รายการอาหาร
ไม้ได้กินข้าวยำนานแล้ว
อาหารชุด
บนโตีะมีแผ่นปลิว หน้าหนึ่งบรรยายถึงข้าวแช่ตำรับร้าน "มารี กีมาร์" ปี 2567
ซึ่งประกอบด้วย 3 สำรับ คือ "แตงโมหน้าปลาแห้ง" "ชุดข้าวแช่" และ "ส้มฉุนมะยงชิด"
หน้าหลังเป็นขั้นตอนการกินข้าวแช่ตำรับร้าน "มารี กีมาร์"
เริ่มจากลูกกะปิทอด และแต่ละอย่างกินกับผักและผลไม้ชนิดใด
แต่ก่อนจะเริ่มทั้ง 3 สำรับ มีเครื่องดื่มต้อนรับ "มโนรมย์" ให้คนละแก้ว
เป็นน้ำแดงรสสละ ที่เพิ่มกลิ่นหอมและความเป็นไทยด้วยน้ำใบเตย
ให้ดื่มระหว่างฟังการบรรยายจากเชฟปิ๊ก
ข้าวแช่ที่จะชิมกันในวันนี้ เป็นการผสมระหว่างข้าวแช่คนกรุงเทพ และข้าวแช่คนเพชรบุรี
ตนกรุงเทพฯ ไม่ชอบข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร เพราะคนกรุงเทพฯ บอกว่า
ข้าวแช่ของคนเมืองเพชรจะแข็ง กินแล้วท้องอืด ส่วนคนเมืองเพชรบอกว่าข้าวแช่ของคนกรุงเทพฯ จะหุงนุ่ม
เวลาใส่น้ำข้าวแช่แล้วจะแฉะ จึงเอาสองตำรับมาปรับรวมกัน โดยครึ่งหนึ่งมาจากห้องอาหารศาลาริมน้ำ
โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล ซึ่งเชพปิ๊กเคยเรียนที่นั่น ส่วนอีกครึ่งมาจากตำรับของ
ผศ.กอบแก้ว นาจพินิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย จากโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
https://www.facebook.com/matichonbook/photos/a.134217036642989/959780180753333/?type=3
เสริมด้วยข้าวแช่ตำรับวังบูรพาภิรมย์ ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ คือ พริกชี้ฟ้าแห้งยัดไส้ปลาแห้ง
ข้าวแช่ที่จะได้กินวันนี้ จึงเป็นข้าวแช่สูตร 3 ตำรับเครื่องเคียง 8 อย่าง มี 3 สำรับในชุด
ด้วยราคา 999++ บาท มีให้กินความอร่อยคลายร้อนหน้าร้อน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคมเท่านั้น
เชฟปิ๊กเป็นเชฟคนที่สองที่ได้กินอาหารจากลูกศิษย์ห้องอาหารศาลาริมน้ำ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทย
อีกคน คือ เชฟง้วน แห่งร้าน Chef House ซอยลำลูกกา 53 ซึ่งทำอาหารฝรั่งได้อร่อยมาก แต่ยังไม่ได้เขียนถึง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้