ต่างกัน ระหว่างละครโรงเรียน กับ ละครสำหรับผู้ชมวัยผู้ใหญ่ โดยมืออาชีพในอุตสาหกรรมบันเทิง
แบบแรก ต้องถลึงตา 0.5 ซม ผู้ชมเด็กๆ ถึงจะรู้ว่าโกรธ ส่วนแบบหลัง แค่สายตาแข็งๆ ก็รู้ว่าโกรธ
ตอนนี้ บทนางร้าย จะวนอยู่กับการแสดงออก ที่คนดูต่างรู้สึกว่ามากไป แม้แต่แม่ค้าในตลาดที่เคยปาทุเรียนใส่นางร้ายสมัยก่อน
ก็ผลัดรุ่น กลายเป็นแม่ค้ารุ่นใหม่กันหมดแล้ว แต่วิธีสร้างตัวละครนางร้ายไทย ยังไม่เปลี่ยนเลย
ยุคใหม่ เสนอเป็น
1. ร้ายแบบแสดงออกเยอะ ต้องผลัก Genre ไปให้สุด ต้องการ comedy หรือ action drama แสดงออกเกินจริง แต่มีความเป็นอาร์ตเข้ากับ
แนวละครทั้งเรื่อง เช่น ภาพยนตร์ฟ้าทะลายโจร และ "น้ำตากามเทพ" ที่แซวขนบละครไทยได้สนุก และมีความชัดเจนตลอดเรื่อง
เกี่ยวกับรูปแบบและแนวทางที่ "เล่นใหญ่" แบบมีวัตถุประสงค์ทางศิลปะ
2. ร้ายแบบไม่กระโดดไปจากคนจริงมาก เล่นน้อยแต่มาก ไม่น่ารำคาญ ไม่จริตจนทะลักจอ เท่ากับ การทำละครให้มีรสนิยมมากขึ้น
นางร้ายมีความคิดความอ่าน มีมารยาท ก่อนที่จะร้ายออกมา หรือ ถ้าเขาจะเสียมารยาท
ก็น่าจะอยู่ในเหตุการณ์ที่สมจริง เหมาะสมกับชนชั้นที่ตัวละครสังกัด ระดับการศึกษา ภูมิหลังตัวละคร และสถานการณ์/เหตุบีบคั้นให้ตัวละครทำเช่นนั้น
3. ถ้ากำกับและเขียนบทนางร้ายได้ดี ตัวละครนี้จะน่าติดตามไม่แพ้นางเอก และนางร้ายที่เล่นดี จะออกแบบ ว่าจะร้ายออกมาอย่างไรให้มีชั้นเชิง
ยิ่งการเลือกนางร้ายที่สวยพอๆกับนางเอก ความสูสีนี้น่าจะรวมถึงคุณค่าบางอย่างที่นางร้ายมีมากกว่านางเอก ทั้งความงามภายในภายนอก
ทำให้การเลือกว่าใครเหนือกว่า ยากที่จะตัดสินใจอีกด้วย
การพัฒนาละครไทย น่าจะต้องลงทุนกับการสร้างนักเขียนนวนิยาย และนักเขียนบทละคร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ ค่าตัว ทีมเขียนบท ที่มาจากการทำวิจัยข้อมูล และการส่งเสริมด้านการศึกษาพัฒนาตัวเอง
เขาอาจจะใช้เวลาถึง 1-2 ปี เพื่อเพาะบ่มหาความรู้ให้ได้งานดีๆ ออกมา รวมถึงให้นักแสดงเรียนการแสดงหรือผ่านการยอมรับในฝีมือ
ก่อนรับบทสำคัญๆ
ไหนๆ ประเทศเราก็จะพัฒนา soft power ให้เป็นที่ยอมรับ และละครไทย หลายเรื่อง เช่น ลิขิตรัก นาคี ก็ได้รับการตอบรับในตลาดต่างประเทศ
หากมีนางร้ายแนวขนบมากเกินไปในละครยุคปัจจุบัน จะสวนทางกับระดับการศึกษา รสนิยมของคนดูพัฒนาไปอีกแบบ
ถึงเวลาปฏิรูปนางร้ายไทย
แบบแรก ต้องถลึงตา 0.5 ซม ผู้ชมเด็กๆ ถึงจะรู้ว่าโกรธ ส่วนแบบหลัง แค่สายตาแข็งๆ ก็รู้ว่าโกรธ
ตอนนี้ บทนางร้าย จะวนอยู่กับการแสดงออก ที่คนดูต่างรู้สึกว่ามากไป แม้แต่แม่ค้าในตลาดที่เคยปาทุเรียนใส่นางร้ายสมัยก่อน
ก็ผลัดรุ่น กลายเป็นแม่ค้ารุ่นใหม่กันหมดแล้ว แต่วิธีสร้างตัวละครนางร้ายไทย ยังไม่เปลี่ยนเลย
ยุคใหม่ เสนอเป็น
1. ร้ายแบบแสดงออกเยอะ ต้องผลัก Genre ไปให้สุด ต้องการ comedy หรือ action drama แสดงออกเกินจริง แต่มีความเป็นอาร์ตเข้ากับ
แนวละครทั้งเรื่อง เช่น ภาพยนตร์ฟ้าทะลายโจร และ "น้ำตากามเทพ" ที่แซวขนบละครไทยได้สนุก และมีความชัดเจนตลอดเรื่อง
เกี่ยวกับรูปแบบและแนวทางที่ "เล่นใหญ่" แบบมีวัตถุประสงค์ทางศิลปะ
2. ร้ายแบบไม่กระโดดไปจากคนจริงมาก เล่นน้อยแต่มาก ไม่น่ารำคาญ ไม่จริตจนทะลักจอ เท่ากับ การทำละครให้มีรสนิยมมากขึ้น
นางร้ายมีความคิดความอ่าน มีมารยาท ก่อนที่จะร้ายออกมา หรือ ถ้าเขาจะเสียมารยาท
ก็น่าจะอยู่ในเหตุการณ์ที่สมจริง เหมาะสมกับชนชั้นที่ตัวละครสังกัด ระดับการศึกษา ภูมิหลังตัวละคร และสถานการณ์/เหตุบีบคั้นให้ตัวละครทำเช่นนั้น
3. ถ้ากำกับและเขียนบทนางร้ายได้ดี ตัวละครนี้จะน่าติดตามไม่แพ้นางเอก และนางร้ายที่เล่นดี จะออกแบบ ว่าจะร้ายออกมาอย่างไรให้มีชั้นเชิง
ยิ่งการเลือกนางร้ายที่สวยพอๆกับนางเอก ความสูสีนี้น่าจะรวมถึงคุณค่าบางอย่างที่นางร้ายมีมากกว่านางเอก ทั้งความงามภายในภายนอก
ทำให้การเลือกว่าใครเหนือกว่า ยากที่จะตัดสินใจอีกด้วย
การพัฒนาละครไทย น่าจะต้องลงทุนกับการสร้างนักเขียนนวนิยาย และนักเขียนบทละคร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ ค่าตัว ทีมเขียนบท ที่มาจากการทำวิจัยข้อมูล และการส่งเสริมด้านการศึกษาพัฒนาตัวเอง
เขาอาจจะใช้เวลาถึง 1-2 ปี เพื่อเพาะบ่มหาความรู้ให้ได้งานดีๆ ออกมา รวมถึงให้นักแสดงเรียนการแสดงหรือผ่านการยอมรับในฝีมือ
ก่อนรับบทสำคัญๆ
ไหนๆ ประเทศเราก็จะพัฒนา soft power ให้เป็นที่ยอมรับ และละครไทย หลายเรื่อง เช่น ลิขิตรัก นาคี ก็ได้รับการตอบรับในตลาดต่างประเทศ
หากมีนางร้ายแนวขนบมากเกินไปในละครยุคปัจจุบัน จะสวนทางกับระดับการศึกษา รสนิยมของคนดูพัฒนาไปอีกแบบ