ชื่อเรื่อง - SPYxFAMILY CODE: White
วันที่เข้าฉาย - 14 มีนาคม 2566
แนวเรื่อง Comedy, Action

พล็อตเรื่อง - ห้องเรียนน้องอาเนียจะมีแข่งทำอาหารให้อาจารย์ใหญ่เพื่อชิงสเตลล่า ซึ่งตรงนี้สนธยาทั่นเทพของเราก็รู้อีกว่าอาจารย์ใหญ่ชอบกินอะไรเลยจะพาครอบครัวไปชิมถึงแหล่งกำเนิดเพื่อเอาสูตรมาให้น้องอาเนีย แต่เอาจริงๆ ในส่วนตรงนี้คือข้ามไปเลยก็ได้เพราะแทบไม่ใช่ประเด็นที่มีอะไรให้โฟกัสเลย ซึ่งพล็อตเรื่องก็ไม่ใช่จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่แล้ว

การดำเนินเรื่อง - จุดที่ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มียอดขายมังงะถล่มทลายและมีความนิยมสูงนั่นก็คือการเดินเรื่องและคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่อง ซึ่งใน Movie อันนี้ก็สื่อถึงความเป็น SPYxFAMILY ออกมาได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องครอบครัว(ปลอม) บทฮาๆกาวๆของตัวละครในเรื่อง หรือจะเป็นฉากแอคชั่นที่ก็ทำออกมาได้อย่างดี โดยในตอนต้นเรื่องมันจะเดินเรื่องไปแบบเนือยๆดูแล้วก็ค่อนข้างชวนหลับเหมือนกันแต่ก็จะใส่ความฮาๆกาวๆมาเป็นระยะๆ พอหนังเริ่มเข้าประเด็นหลักของเรื่องเพซในการเล่าเรื่องก็จะอัปเทมโปไปอีกขั้น การเดินเรื่องจะกระชับ น่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกขึ้นมาพอสมควรไปจนจบเรื่อง ส่วนตัวละครหลักทั้งสามคนบวกกับอีก 1 ตัว ใน Movie นี่ถือว่าเขียนบทออกมาได้อย่างดี ไม่ผิดหวังถ้าใครที่แฟนบอยตัวละครและเข้าโรงภาพยนตร์มาเพื่อมาดูตัวละครเหล่านี้โดยเฉพาะ ลอยด์ ฟอเจอร์ aka "สนธยา" ตัวละครผัวแห่งยุค สามีแห่งชาติก็ยังครองใจสาวๆได้อย่างดีไร้ที่ติ หล่อ มาดเนียบ อีกทั้งไหวพริบของยอดสปายมือหนึ่งยังได้แสดงให้คนดูเห็นในเรื่องอย่างเต็มที่ คุณยอร์ ฟอร์เจอร์ aka "เจ้าหญิงหนาม" ก็คงพูดได้แค่ว่า น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก บทนางตอนต้นเรื่องนี่คือตะมุ้ตะมิ้สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แต่กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลม ในเรื่องนางก็ปล่อยของอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก อาเนีย ฟอจ้อ aka "เด่กเวร" หรือ "เด่กเปรต" ตามแต่ทั่นๆจะเรียกขาน

ก็ยังถือว่าท็อปฟอร์ม เรียกได้ว่า ไ ม่ มี แ ผ่ ว ตลอดทั้งเรื่องทั้งความกาว ความเกรียน ความน่าเอ็นดวูและความน่าสงสาร เรียกได้ว่าน้องเป็นตัวละครที่เป็นแกนหลักของ Movie (หรือของเรื่องนี้ทั้งเรื่อง) จริงๆก็ไม่ผิด สุดท้ายน้อนนนนนนนนนบอนด์ aka "ปุกปุยสีขาวจอมโหด" คือที่สุดในความใจฟูและความน่าเอ็นดวู แอบเสียดายที่ช่วงท้ายเรื่องน้อนไม่มีบทเลยแต่ก็เข้าใจได้จากบริบทและเวลาฉายมันน้อยซึ่งอาจจะไปแย่งซีนตัวละครหลัก และใดๆเลยก็มีตัวละครที่เรียกได้ว่าออกมาแย่งซีนเบาๆอยู่คนนึง เรียกว่าเป็นตัว "โจ๊กเกอร์" ของเรื่องเลยก็ว่าได้ อันนี้จะขออุบไว้ก่อนให้ไปดูในเรื่องกันเอาเอง

งานภาพ - ยังคงเป็นผลงานการร่วมมือกันของสตูดิโอชื่อดังอย่าง Wit Studio และ CloverWorks ซึ่งในภาคแรกก็ได้เห็นบรรยากาศในเรื่องที่ถูกถ่ายทอดผ่านลายเส้นออกมาได้เป็นอย่างดี หรือจะในภาคสองที่ก็ได้เห็นถึงความอลังการในฉากแอคชั่นแบบเต็มรูปแบบกันไปแล้ว มาใน Movie นี่คือก็ไม่ได้ทำให้คนดูผิดหวังเลย โดยรวมคืองานภาพดีมากๆ ซึ่งเอาจริงก็แทบไม่ต่างกับเวอร์ชั่นซีรีย์ที่ฉายทางทีวีเลย ไม่ว่าจะเป็นฉากบรรยากาศฉายในเรื่องที่แบบสวยงามจริงๆ และฉากแอคชั่นที่สามารถบอกได้ว่ายกระดับจากในภาคที่สองไปอีกขั้นนึงเลยก็ว่าได้ เอาว่าแค่ไปเสพบรรยากาศกับฉากแอคชั่นในเรื่องก็สามารถเรียกได้ว่าคุ้มค่าตั๋วแล้ว

การพากย์เสียงและธีมเพลงประกอบ - ต้องขอออกตัวก่อนว่าส่วนตัวรับชมแบบพากย์ญี่ปุ่นและคงไม่ได้ตีตั๋วเข้าไปดูพากย์ไทยเลยจะไม่ได้พูดถึงในส่วนนั้น ก่อนอื่นเลยคือขออวยเสียงพากย์คุณยอร์โดยคุณ Hayami Saori aka "ไวฟุ" ก่อนเลย แค่ได้ยินเสียงก็ใจฟูละ และใน Movie นี้ก็ได้ออกแอคชั่นเสียงในรูปแบบต่างๆได้เป็นอย่างดี และต้องขอกราบการพากย์เสียงน้อนอาเนียโดยคุณ Tanezaki Atsumi aka "แม่นางพันเสียง" แบบกราบบบบบบบบบบเลย ยิ่งตอนท้ายๆเรื่องนี่คือแบบไปสุดจริงๆ และการพากย์เสียงตัวละครแย่งซีนของเรื่อง ก็ทำออกมาได้สมกับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตัว "โจ๊กเกอร์" ของเรื่อง ส่วนธีมเพลงในเรื่องก็ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน จังหวะจะโคนที่ค่อนข้างลงตัวและบิ้วบรรยากาศในเรื่องได้อย่างดี อีกทั้งเพลง OP SOULSOUP โดย Official HIGE DANdism และเพลง ED Hikari no Ato โดย Hoshino Gen ซึ่งก็ถือว่าเคยฝากผลงานไว้ในภาคแรกก่อนแล้ว

สรุปภาพรวม - ถ้าคนที่เป็นแฟนบอยหรือติดตามเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว มันคือ SPYxFAMILY ที่มีความเป็น SPYxFAMILY สูงมากจริงๆ ไปรับชมเอาในโรงภาพยนตร์เถอะไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน ส่วนคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ก็สามารถไปรับชมได้นะ ตัวเรื่องก็ได้ปูพล็อตเรื่องหลักก่อนหน้านี้มาได้ดีพอสมควร (ซึ่งเอาจริงๆมันก็ไม่ค่อยมีพล็อตอะไรมากอยู่แล้ว) แต่อาจจะมีบางจุดจริงๆที่อาจจะงงนิดหน่อยหรือพวกตัวละครรองที่ไม่รู้ที่ไปที่มา แต่มันสามารถปล่อยจอยและเสพความเพลิดเพลินที่เรื่องมอบให้เราได้อย่างสบายๆ เผลอๆคุณอาจจะโดนตัวละครในเรื่องตกเข้าด้อมอีกแน่นอน (เท่าที่เห็นมา ส่วนใหญ่ดูครั้งแรกก็โดนหมด

) แต่ใดๆเลย เรื่องมันก็ถือว่ามีความไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลอยู่ประมาณนึงเลย ถ้าใครที่แบบซีเรียสหน่อยๆมันอาจจะค่อนข้างขัดใจอยู่บ้าง (หรืออาจจะแบบน่าหงุดหงิดเลย) แต่ส่วนตัวก็คิดว่าในเมื่อมันเป็นอนิเมะแก็กก็ควรจะวางเรื่องซีเรียสลงไปบ้างแล้วเสพความฮากับความกาวที่ตัวเรื่องจะมอบให้เราดีกว่า

คะแนนโดยรวมของเรื่องนี้ ให้ที่ 8.5/10 ครับ
ปล. ตัวหนังมีเอนเครดิต 1 ตัว หลังฉายจบนั่งฟังเพลง ED และ OP จนจบก่อนนะครับ
Cr. ขอขอบคุณภาพจากทาง
Warner Bros. Pictures และ
TOHO animation มา ณ ที่นี้ด้วย
[CR] SPYxFAMILY CODE: White (ไม่ Spoil เนื้อหาภายในเรื่อง)
ชื่อเรื่อง - SPYxFAMILY CODE: White
วันที่เข้าฉาย - 14 มีนาคม 2566
แนวเรื่อง Comedy, Action
พล็อตเรื่อง - ห้องเรียนน้องอาเนียจะมีแข่งทำอาหารให้อาจารย์ใหญ่เพื่อชิงสเตลล่า ซึ่งตรงนี้สนธยาทั่นเทพของเราก็รู้อีกว่าอาจารย์ใหญ่ชอบกินอะไรเลยจะพาครอบครัวไปชิมถึงแหล่งกำเนิดเพื่อเอาสูตรมาให้น้องอาเนีย แต่เอาจริงๆ ในส่วนตรงนี้คือข้ามไปเลยก็ได้เพราะแทบไม่ใช่ประเด็นที่มีอะไรให้โฟกัสเลย ซึ่งพล็อตเรื่องก็ไม่ใช่จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่แล้ว
การดำเนินเรื่อง - จุดที่ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มียอดขายมังงะถล่มทลายและมีความนิยมสูงนั่นก็คือการเดินเรื่องและคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่อง ซึ่งใน Movie อันนี้ก็สื่อถึงความเป็น SPYxFAMILY ออกมาได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องครอบครัว(ปลอม) บทฮาๆกาวๆของตัวละครในเรื่อง หรือจะเป็นฉากแอคชั่นที่ก็ทำออกมาได้อย่างดี โดยในตอนต้นเรื่องมันจะเดินเรื่องไปแบบเนือยๆดูแล้วก็ค่อนข้างชวนหลับเหมือนกันแต่ก็จะใส่ความฮาๆกาวๆมาเป็นระยะๆ พอหนังเริ่มเข้าประเด็นหลักของเรื่องเพซในการเล่าเรื่องก็จะอัปเทมโปไปอีกขั้น การเดินเรื่องจะกระชับ น่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกขึ้นมาพอสมควรไปจนจบเรื่อง ส่วนตัวละครหลักทั้งสามคนบวกกับอีก 1 ตัว ใน Movie นี่ถือว่าเขียนบทออกมาได้อย่างดี ไม่ผิดหวังถ้าใครที่แฟนบอยตัวละครและเข้าโรงภาพยนตร์มาเพื่อมาดูตัวละครเหล่านี้โดยเฉพาะ ลอยด์ ฟอเจอร์ aka "สนธยา" ตัวละครผัวแห่งยุค สามีแห่งชาติก็ยังครองใจสาวๆได้อย่างดีไร้ที่ติ หล่อ มาดเนียบ อีกทั้งไหวพริบของยอดสปายมือหนึ่งยังได้แสดงให้คนดูเห็นในเรื่องอย่างเต็มที่ คุณยอร์ ฟอร์เจอร์ aka "เจ้าหญิงหนาม" ก็คงพูดได้แค่ว่า น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก บทนางตอนต้นเรื่องนี่คือตะมุ้ตะมิ้สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แต่กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลม ในเรื่องนางก็ปล่อยของอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก อาเนีย ฟอจ้อ aka "เด่กเวร" หรือ "เด่กเปรต" ตามแต่ทั่นๆจะเรียกขาน
งานภาพ - ยังคงเป็นผลงานการร่วมมือกันของสตูดิโอชื่อดังอย่าง Wit Studio และ CloverWorks ซึ่งในภาคแรกก็ได้เห็นบรรยากาศในเรื่องที่ถูกถ่ายทอดผ่านลายเส้นออกมาได้เป็นอย่างดี หรือจะในภาคสองที่ก็ได้เห็นถึงความอลังการในฉากแอคชั่นแบบเต็มรูปแบบกันไปแล้ว มาใน Movie นี่คือก็ไม่ได้ทำให้คนดูผิดหวังเลย โดยรวมคืองานภาพดีมากๆ ซึ่งเอาจริงก็แทบไม่ต่างกับเวอร์ชั่นซีรีย์ที่ฉายทางทีวีเลย ไม่ว่าจะเป็นฉากบรรยากาศฉายในเรื่องที่แบบสวยงามจริงๆ และฉากแอคชั่นที่สามารถบอกได้ว่ายกระดับจากในภาคที่สองไปอีกขั้นนึงเลยก็ว่าได้ เอาว่าแค่ไปเสพบรรยากาศกับฉากแอคชั่นในเรื่องก็สามารถเรียกได้ว่าคุ้มค่าตั๋วแล้ว
การพากย์เสียงและธีมเพลงประกอบ - ต้องขอออกตัวก่อนว่าส่วนตัวรับชมแบบพากย์ญี่ปุ่นและคงไม่ได้ตีตั๋วเข้าไปดูพากย์ไทยเลยจะไม่ได้พูดถึงในส่วนนั้น ก่อนอื่นเลยคือขออวยเสียงพากย์คุณยอร์โดยคุณ Hayami Saori aka "ไวฟุ" ก่อนเลย แค่ได้ยินเสียงก็ใจฟูละ และใน Movie นี้ก็ได้ออกแอคชั่นเสียงในรูปแบบต่างๆได้เป็นอย่างดี และต้องขอกราบการพากย์เสียงน้อนอาเนียโดยคุณ Tanezaki Atsumi aka "แม่นางพันเสียง" แบบกราบบบบบบบบบบเลย ยิ่งตอนท้ายๆเรื่องนี่คือแบบไปสุดจริงๆ และการพากย์เสียงตัวละครแย่งซีนของเรื่อง ก็ทำออกมาได้สมกับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตัว "โจ๊กเกอร์" ของเรื่อง ส่วนธีมเพลงในเรื่องก็ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน จังหวะจะโคนที่ค่อนข้างลงตัวและบิ้วบรรยากาศในเรื่องได้อย่างดี อีกทั้งเพลง OP SOULSOUP โดย Official HIGE DANdism และเพลง ED Hikari no Ato โดย Hoshino Gen ซึ่งก็ถือว่าเคยฝากผลงานไว้ในภาคแรกก่อนแล้ว
สรุปภาพรวม - ถ้าคนที่เป็นแฟนบอยหรือติดตามเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว มันคือ SPYxFAMILY ที่มีความเป็น SPYxFAMILY สูงมากจริงๆ ไปรับชมเอาในโรงภาพยนตร์เถอะไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน ส่วนคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ก็สามารถไปรับชมได้นะ ตัวเรื่องก็ได้ปูพล็อตเรื่องหลักก่อนหน้านี้มาได้ดีพอสมควร (ซึ่งเอาจริงๆมันก็ไม่ค่อยมีพล็อตอะไรมากอยู่แล้ว) แต่อาจจะมีบางจุดจริงๆที่อาจจะงงนิดหน่อยหรือพวกตัวละครรองที่ไม่รู้ที่ไปที่มา แต่มันสามารถปล่อยจอยและเสพความเพลิดเพลินที่เรื่องมอบให้เราได้อย่างสบายๆ เผลอๆคุณอาจจะโดนตัวละครในเรื่องตกเข้าด้อมอีกแน่นอน (เท่าที่เห็นมา ส่วนใหญ่ดูครั้งแรกก็โดนหมด
คะแนนโดยรวมของเรื่องนี้ ให้ที่ 8.5/10 ครับ
ปล. ตัวหนังมีเอนเครดิต 1 ตัว หลังฉายจบนั่งฟังเพลง ED และ OP จนจบก่อนนะครับ
Cr. ขอขอบคุณภาพจากทาง Warner Bros. Pictures และ TOHO animation มา ณ ที่นี้ด้วย