คาถาเศรษฐี ก็เคยได้อ่านมาบ้างแล้ว
วันนี้ได้เห็น คาถาหัวใจเปรต สุ สะ นะ โส (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยบอกไว้) เลยนำมาลงให้สดับกันครับ ผลแห่งการล่วงศีลข้อที่ ๓ แม้จะได้มาด้วยเงินตราก็ตาม
...................................
ขอขอบคุณที่มา :
https://www.facebook.com/JohannesburgMeditation?mibextid=ZbWKwL
อ่านเรื่องเต็มๆ ที่ :
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=1
...................................
☀️รู้จัก"ทุ สะ นะ โส": SMS เตือนภัยจากอบายภูมิ☀️
🔊SMS หรือ ระบบการส่งข้อความสั้น ๆ มีมานานกว่า 2,600 ปีมาแล้ว ก่อนยุคที่มีไปรษณียบัตร, โทรเลข, โทรสาร, เครื่องรับข้อความอัตโนมัติ ก่อนข้อความคอลล์เซ็นเตอร์และที่น่าตะลึงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อมี SMS ลับ ๆ ถึงพระเจ้าปเสนทิโกศลส่งตรงมาจากอบายภูมิ โดยมีที่มาจากอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 เรื่องบุรุษคนใดคนหนึ่ง ดังนี้
☀️1.ประวัติความเป็นมา
เมื่อครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล “พระเจ้าปเสนทิโกศล”พระราชาผู้ครองแคว้นโกศล ได้มีความคิดล่วงเกินภรรยาของผู้อื่น และคิดว่าหากสว่างแล้วจะให้ฆ่าชายซึ่งเป็นสามีของหญิงแล้วนำหญิงคนนั้นมาเป็นภรรยาของตน ระหว่างนั้นเอง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ยินเสียง “ทุ สะ นะ โส” ดังกังวานขึ้นมาในยามราตรีอย่างน่าหวาดกลัว
รุ่งเช้าท่านจึงปรึกษากับปุโรหิต ได้ความว่าพระองค์อาจมีภัยอันตราย จึงแนะนำให้บูชายันต์ด้วยสัตว์ต่างๆ อย่างละ ๕๐๐ แล้วจะพ้นจากอันตราย เหตุนี้ทำให้ผู้คนต้องเดือดร้อนเป็นอันมาก ความนี้ได้ทราบถึงพระนางมัลลิกาๆ จึงได้พาพระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อทูลถามถึงเสียงอันน่าหวาดกลัว
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "ทุ สะ นะ โส" เป็นเสียงร้องของสัตว์นรก 4 ตน ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในชั้นโลหกุมภีนรก ถูกไฟนรกมอดไหม้ทั้งร่างกายกลิ้งไปมาอยู่ภายในหม้อทองแดงที่กำลังเดือดพล่าน จมลงไปถึงพื้นภายใต้ก้นหม้อ 3 หมื่นปี แล้วลอยขึ้นมาถึงที่ขอบปากหม้ออีก 3 หมื่นปี สัตว์นรกเหล่านั้นยกศีรษะขึ้นแลดูกันและกันแล้ว ปรารถนาเพื่อจะกล่าวคาถาตนละคาถา แต่ไม่อาจจะกล่าวได้ จึงกล่าวได้แค่ตนละอักษร แล้วหมุนกลับไปสู่โลหกุมภีอย่างเดิม
สำหรับอดีตชาติของสัตว์นรกทั้ง 4 ตน ในสมัยยังเป็นมนุษย์นั้น เกิดเป็นลูกของเศรษฐี 4 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน กินเที่ยวด้วยกัน อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งเสนอว่า พวกเราก็มีเงินมีทองใช้จนตายก็ไม่หมด เราน่าจะเสพสุขให้เต็มที่ สุขที่น่าตื่นเต้น เมื่อเพื่อนๆ ถามว่าสุขที่น่าตื่นเต้นน่ะอะไร เพื่อนคนต้นคิดกล่าวว่า “ก็เป็นชู้กับเมียเขาสิ ตื่นเต้นดี” ภรรยาคนอื่นที่สวยๆ อีก 3 คนที่เหลือเห็นดีเห็นงามด้วย จากนั้นมาบุตรเศรษฐีเพลย์บอยทั้ง 4 ก็เที่ยวจีบเมียชาวบ้าน เอาเงินหว่าน ภรรยาสาวของใครต่อใครตกเป็นเมียบำรุงบำเรอความสุขของเจ้า 4 คนนั้นมากมาย ไม่มีใครทำอะไรได้ จึงก่อกรรมชั่วโดยล่วงเกินภรรยาของผู้อื่นเป็นอาจิณ เพราะอำนาจเงินและอิทธิพลของพ่อของพวกเขา
เมื่อตายไปแล้วจึงต้องตกนรกในอเวจีมหานรก เมื่อหมดกรรมจากอเวจีมหานรก เศษกรรมที่เหลืออยู่ ทำให้พวกเขาต้องมาชดใช้ทนทุกข์ทรมานในชั้น โลหกุมภีนรกต่อ
จนกระทั่งถึงสมัยพุทธกาลนี้ สัตว์นรก 4 ตัวนี้ พวกเขาได้สำนึกในบาปกรรมที่ทำ และต้องการประกาศว่า หากตนได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งจะหมั่นทำแต่ความดี เลิกทำความชั่ว แต่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้พูดตามสิ่งที่ตนต้องการ เมื่อโผล่พ้นขึ้นมาจากกระทะทองแดงเพียงเสี้ยววินาที ก็พูดได้แค่ตนละคำเท่านั้น คือ
สัตว์นรกตนที่ 1 พูดคำว่า ทุ
สัตว์นรกตนที่ 2 พูดคำว่า สะ
สัตว์นรกตนที่ 3 พูดคำว่า นะ
สัตว์นรกตนที่ 4 พูดคำว่า โส
แต่ละตนพูดได้คำเดียว ก็จมลงไป
☀️2.ความหมายของ "ทุ สะ นะ โส"
ความหมายของ ทุ สะ นะ โส ที่สัตว์นรกต้องการจะกล่าวนั้นมีดังนี้
เสียงที่ 1 "ทุ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา เยสนฺโน น ททามฺห เส
วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ ทีปํ นากมฺห อตฺตโนติ ฯ
เราทั้งหลายเหล่าใด เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู่ ไม่ได้ถวายทาน ไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน พวกเราเหล่านั้น จัดว่ามีชีวิตอยู่ชั่วช้าแล้ว
เสียงที่ 2 "สะ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
สฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส
นิรเย ปจฺจมานานํ กทา อนฺโต ภวิสฺสติ
เมื่อเราทั้งหลาย ถูกไฟไหม้อยู่ในนรกครบ 6 หมื่นปี โดยประการทั้งปวง, เมื่อไร ที่สุดจักปรากฏ
เสียงที่ 3 "นะ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ มม ตุยฺหญฺจ มาริสา ฯ
ผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ที่สุดย่อมไม่มี, ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดจะไม่ปรากฏ เพราะว่ากรรมชั่ว อันเราและท่านได้กระทำไว้แล้วในกาลนั้น
เสียงที่ 4 "โส" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา โยนึ ลทฺธาน มานุสึ
วทญฺญู สีลสมฺปนฺโน กาหามิ กุสลํ พหุนฺติ ฯ
เรานั้นไปจากที่นี่แล้ว ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้รู้ ถ้อยคำที่ยาจกกล่าว ถึงพร้อมด้วยศีล ทำกุศลให้มากแน่
ส่วนสาเหตุที่พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยินเสียงร้องของสัตว์นรก พระพุทธเจ้าตรัสว่า เสียงนี้เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้เลิกทำความชั่วและทำแต่ความดี พร้อมเล่าเรื่องราวของสัตว์นรกทั้งสี่ตน ที่ต้องไปเกิดในแดนนรกเพราะเคยล่วงเกินภรรยาผู้อื่นสมัยยังเป็นมนุษย์ เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ทราบแล้ว จึงเลิกความคิดที่จะอยากได้ภรรยาผู้อื่น
☀️3.หลังฟังพระธรรมเทศนาและทราบที่มา
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้สดับความจริงแล้วทรงหวั่นพระทัย เกิดหิริ โอตตัปปะ และบังเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ที่ได้ให้ความแจ่มแจ้งในพระสุบิน
แล้วทรงกราบทูลว่า “เวลาแค่เพียงคืนเดียว ปรากฏแก่ข้าพระองค์เสมือน 2 คืน” คือ นานมาก
ฝ่ายสามีของหญิงนั้น ได้ตรงนั้นด้วย กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ระยะเพียงโยชน์เดียว ปรากฏแก่ข้าพระองค์เหมือน 2โยชน์ พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “คืนหนึ่งยาวนานสำหรับคนนอนไม่หลับ โยชน์หนึ่งยาวไกลสำหรับคนเมื่อยล้า แต่วัฏสงสารยาวนานสำหรับเหล่าคนเขลาผู้ไม่รู้พระสัทธรรม”
เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระราชาทรงเกิดความสลดสังเวชพระทัยในการกระทำของพระองค์ จึงไม่ประสงค์จะได้หญิงนั้นมาครอบครองอีก จึงปล่อยสามีของเขาไปและสามีของหญิงนั้นได้บรรลุโสดาปัตติผลด้วย
☀️4.สรุป: เพราะฉะนั้น โลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นโลกที่มีไว้สร้างบารมี จึงควรทำแต่กุศลกรรมกันอย่างเดียว บาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยอย่าได้ทำ
เมื่อเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลย่อมสำคัญว่าบาปนั้นเป็นเหมือนน้ำผึ้งมีรสหวาน แต่เมื่อใดที่บาปให้ผล เขาจะได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส แม้จะมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมายก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นหมู่ญาติ หรือบุคคลยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถช่วยได้ ใครทำกรรมใดไว้ ตนจะต้องรับผลของกรรมนั้น
เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ไม่นานนัก แต่เวลาในปรโลกนั้น ยาวนานกว่าเวลาในโลกมนุษย์นี้อย่างเทียบกันไม่ได้ ดังนั้น ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้ สร้างบุญบารมีให้เต็มที่ เพราะมีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่จะติดตัวเราไปในภพเบื้องหน้า ผู้ที่ฉลาดควรรีบสั่งสมแต่บุญกุศล ให้ตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายกันให้ได้ เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์และก้าวไปข้างหน้าสู่ทางมรรคผลนิพพาน
☀️ถ้าหากไม่มี SMS ลึกลับมาเตือนภัย และหากไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบังเกิดขึ้นเพื่อเฉลยคำตอบที่ชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลอาจจะพลาดพลั้งทำบาปกรรมจนกระทั่งรับวิบากกรรมตกนรกหมกไหม้อย่างหนักหน่วงสาหัสในภายภาคหน้า
แต่แม้ไม่มี SMS ทุ สะ นะ โส พร้อมกับคำอธิบายเรื่องบาปบุญคุณโทษส่งมาถึงตัวถึงที่ในสมาร์ทโฟนของเราเหมือนกับพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นอกาลิโก ใช้ได้ทุกกาลเวลา ล้ำค่าและล้ำยุค เป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องการให้ทาน, การรักษาศีลและการฝึกฝนจิตใจด้วยการทำสมาธิภาวนา เป็น Soft Power ที่ตรงและใช่ และพร้อมนำมาใช้เป็นหลักการทำงานและการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์ที่จะนำพามนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายข้ามพ้นวัฏสงสารที่ยาวนานนี้ไปได้อย่างปลอดภัย, มีความสุข ความเจริญและสมปรารถนาอย่างแน่นอน,
🔰ที่มา: อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 เรื่องบุรุษคนใดคนหนึ่ง
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=1
☀️รู้จัก"ทุ สะ นะ โส": SMS เตือนภัยจากอบายภูมิ☀️ คาถาหัวใจเปรต
คาถาเศรษฐี ก็เคยได้อ่านมาบ้างแล้ว
วันนี้ได้เห็น คาถาหัวใจเปรต สุ สะ นะ โส (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยบอกไว้) เลยนำมาลงให้สดับกันครับ ผลแห่งการล่วงศีลข้อที่ ๓ แม้จะได้มาด้วยเงินตราก็ตาม
...................................
ขอขอบคุณที่มา : https://www.facebook.com/JohannesburgMeditation?mibextid=ZbWKwL
อ่านเรื่องเต็มๆ ที่ : https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=1
...................................
☀️รู้จัก"ทุ สะ นะ โส": SMS เตือนภัยจากอบายภูมิ☀️
🔊SMS หรือ ระบบการส่งข้อความสั้น ๆ มีมานานกว่า 2,600 ปีมาแล้ว ก่อนยุคที่มีไปรษณียบัตร, โทรเลข, โทรสาร, เครื่องรับข้อความอัตโนมัติ ก่อนข้อความคอลล์เซ็นเตอร์และที่น่าตะลึงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อมี SMS ลับ ๆ ถึงพระเจ้าปเสนทิโกศลส่งตรงมาจากอบายภูมิ โดยมีที่มาจากอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 เรื่องบุรุษคนใดคนหนึ่ง ดังนี้
☀️1.ประวัติความเป็นมา
เมื่อครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล “พระเจ้าปเสนทิโกศล”พระราชาผู้ครองแคว้นโกศล ได้มีความคิดล่วงเกินภรรยาของผู้อื่น และคิดว่าหากสว่างแล้วจะให้ฆ่าชายซึ่งเป็นสามีของหญิงแล้วนำหญิงคนนั้นมาเป็นภรรยาของตน ระหว่างนั้นเอง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ยินเสียง “ทุ สะ นะ โส” ดังกังวานขึ้นมาในยามราตรีอย่างน่าหวาดกลัว
รุ่งเช้าท่านจึงปรึกษากับปุโรหิต ได้ความว่าพระองค์อาจมีภัยอันตราย จึงแนะนำให้บูชายันต์ด้วยสัตว์ต่างๆ อย่างละ ๕๐๐ แล้วจะพ้นจากอันตราย เหตุนี้ทำให้ผู้คนต้องเดือดร้อนเป็นอันมาก ความนี้ได้ทราบถึงพระนางมัลลิกาๆ จึงได้พาพระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อทูลถามถึงเสียงอันน่าหวาดกลัว
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "ทุ สะ นะ โส" เป็นเสียงร้องของสัตว์นรก 4 ตน ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในชั้นโลหกุมภีนรก ถูกไฟนรกมอดไหม้ทั้งร่างกายกลิ้งไปมาอยู่ภายในหม้อทองแดงที่กำลังเดือดพล่าน จมลงไปถึงพื้นภายใต้ก้นหม้อ 3 หมื่นปี แล้วลอยขึ้นมาถึงที่ขอบปากหม้ออีก 3 หมื่นปี สัตว์นรกเหล่านั้นยกศีรษะขึ้นแลดูกันและกันแล้ว ปรารถนาเพื่อจะกล่าวคาถาตนละคาถา แต่ไม่อาจจะกล่าวได้ จึงกล่าวได้แค่ตนละอักษร แล้วหมุนกลับไปสู่โลหกุมภีอย่างเดิม
สำหรับอดีตชาติของสัตว์นรกทั้ง 4 ตน ในสมัยยังเป็นมนุษย์นั้น เกิดเป็นลูกของเศรษฐี 4 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน กินเที่ยวด้วยกัน อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งเสนอว่า พวกเราก็มีเงินมีทองใช้จนตายก็ไม่หมด เราน่าจะเสพสุขให้เต็มที่ สุขที่น่าตื่นเต้น เมื่อเพื่อนๆ ถามว่าสุขที่น่าตื่นเต้นน่ะอะไร เพื่อนคนต้นคิดกล่าวว่า “ก็เป็นชู้กับเมียเขาสิ ตื่นเต้นดี” ภรรยาคนอื่นที่สวยๆ อีก 3 คนที่เหลือเห็นดีเห็นงามด้วย จากนั้นมาบุตรเศรษฐีเพลย์บอยทั้ง 4 ก็เที่ยวจีบเมียชาวบ้าน เอาเงินหว่าน ภรรยาสาวของใครต่อใครตกเป็นเมียบำรุงบำเรอความสุขของเจ้า 4 คนนั้นมากมาย ไม่มีใครทำอะไรได้ จึงก่อกรรมชั่วโดยล่วงเกินภรรยาของผู้อื่นเป็นอาจิณ เพราะอำนาจเงินและอิทธิพลของพ่อของพวกเขา
เมื่อตายไปแล้วจึงต้องตกนรกในอเวจีมหานรก เมื่อหมดกรรมจากอเวจีมหานรก เศษกรรมที่เหลืออยู่ ทำให้พวกเขาต้องมาชดใช้ทนทุกข์ทรมานในชั้น โลหกุมภีนรกต่อ
จนกระทั่งถึงสมัยพุทธกาลนี้ สัตว์นรก 4 ตัวนี้ พวกเขาได้สำนึกในบาปกรรมที่ทำ และต้องการประกาศว่า หากตนได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งจะหมั่นทำแต่ความดี เลิกทำความชั่ว แต่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้พูดตามสิ่งที่ตนต้องการ เมื่อโผล่พ้นขึ้นมาจากกระทะทองแดงเพียงเสี้ยววินาที ก็พูดได้แค่ตนละคำเท่านั้น คือ
สัตว์นรกตนที่ 1 พูดคำว่า ทุ
สัตว์นรกตนที่ 2 พูดคำว่า สะ
สัตว์นรกตนที่ 3 พูดคำว่า นะ
สัตว์นรกตนที่ 4 พูดคำว่า โส
แต่ละตนพูดได้คำเดียว ก็จมลงไป
☀️2.ความหมายของ "ทุ สะ นะ โส"
ความหมายของ ทุ สะ นะ โส ที่สัตว์นรกต้องการจะกล่าวนั้นมีดังนี้
เสียงที่ 1 "ทุ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา เยสนฺโน น ททามฺห เส
วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ ทีปํ นากมฺห อตฺตโนติ ฯ
เราทั้งหลายเหล่าใด เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู่ ไม่ได้ถวายทาน ไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน พวกเราเหล่านั้น จัดว่ามีชีวิตอยู่ชั่วช้าแล้ว
เสียงที่ 2 "สะ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
สฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส
นิรเย ปจฺจมานานํ กทา อนฺโต ภวิสฺสติ
เมื่อเราทั้งหลาย ถูกไฟไหม้อยู่ในนรกครบ 6 หมื่นปี โดยประการทั้งปวง, เมื่อไร ที่สุดจักปรากฏ
เสียงที่ 3 "นะ" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ มม ตุยฺหญฺจ มาริสา ฯ
ผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ที่สุดย่อมไม่มี, ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดจะไม่ปรากฏ เพราะว่ากรรมชั่ว อันเราและท่านได้กระทำไว้แล้วในกาลนั้น
เสียงที่ 4 "โส" เพราะต้องการกล่าวคาถาที่ชื่อว่า
โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา โยนึ ลทฺธาน มานุสึ
วทญฺญู สีลสมฺปนฺโน กาหามิ กุสลํ พหุนฺติ ฯ
เรานั้นไปจากที่นี่แล้ว ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้รู้ ถ้อยคำที่ยาจกกล่าว ถึงพร้อมด้วยศีล ทำกุศลให้มากแน่
ส่วนสาเหตุที่พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยินเสียงร้องของสัตว์นรก พระพุทธเจ้าตรัสว่า เสียงนี้เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้เลิกทำความชั่วและทำแต่ความดี พร้อมเล่าเรื่องราวของสัตว์นรกทั้งสี่ตน ที่ต้องไปเกิดในแดนนรกเพราะเคยล่วงเกินภรรยาผู้อื่นสมัยยังเป็นมนุษย์ เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ทราบแล้ว จึงเลิกความคิดที่จะอยากได้ภรรยาผู้อื่น
☀️3.หลังฟังพระธรรมเทศนาและทราบที่มา
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้สดับความจริงแล้วทรงหวั่นพระทัย เกิดหิริ โอตตัปปะ และบังเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ที่ได้ให้ความแจ่มแจ้งในพระสุบิน
แล้วทรงกราบทูลว่า “เวลาแค่เพียงคืนเดียว ปรากฏแก่ข้าพระองค์เสมือน 2 คืน” คือ นานมาก
ฝ่ายสามีของหญิงนั้น ได้ตรงนั้นด้วย กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ระยะเพียงโยชน์เดียว ปรากฏแก่ข้าพระองค์เหมือน 2โยชน์ พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “คืนหนึ่งยาวนานสำหรับคนนอนไม่หลับ โยชน์หนึ่งยาวไกลสำหรับคนเมื่อยล้า แต่วัฏสงสารยาวนานสำหรับเหล่าคนเขลาผู้ไม่รู้พระสัทธรรม”
เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระราชาทรงเกิดความสลดสังเวชพระทัยในการกระทำของพระองค์ จึงไม่ประสงค์จะได้หญิงนั้นมาครอบครองอีก จึงปล่อยสามีของเขาไปและสามีของหญิงนั้นได้บรรลุโสดาปัตติผลด้วย
☀️4.สรุป: เพราะฉะนั้น โลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นโลกที่มีไว้สร้างบารมี จึงควรทำแต่กุศลกรรมกันอย่างเดียว บาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยอย่าได้ทำ
เมื่อเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลย่อมสำคัญว่าบาปนั้นเป็นเหมือนน้ำผึ้งมีรสหวาน แต่เมื่อใดที่บาปให้ผล เขาจะได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส แม้จะมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมายก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นหมู่ญาติ หรือบุคคลยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถช่วยได้ ใครทำกรรมใดไว้ ตนจะต้องรับผลของกรรมนั้น
เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ไม่นานนัก แต่เวลาในปรโลกนั้น ยาวนานกว่าเวลาในโลกมนุษย์นี้อย่างเทียบกันไม่ได้ ดังนั้น ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้ สร้างบุญบารมีให้เต็มที่ เพราะมีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่จะติดตัวเราไปในภพเบื้องหน้า ผู้ที่ฉลาดควรรีบสั่งสมแต่บุญกุศล ให้ตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายกันให้ได้ เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์และก้าวไปข้างหน้าสู่ทางมรรคผลนิพพาน
☀️ถ้าหากไม่มี SMS ลึกลับมาเตือนภัย และหากไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบังเกิดขึ้นเพื่อเฉลยคำตอบที่ชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลอาจจะพลาดพลั้งทำบาปกรรมจนกระทั่งรับวิบากกรรมตกนรกหมกไหม้อย่างหนักหน่วงสาหัสในภายภาคหน้า
แต่แม้ไม่มี SMS ทุ สะ นะ โส พร้อมกับคำอธิบายเรื่องบาปบุญคุณโทษส่งมาถึงตัวถึงที่ในสมาร์ทโฟนของเราเหมือนกับพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นอกาลิโก ใช้ได้ทุกกาลเวลา ล้ำค่าและล้ำยุค เป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องการให้ทาน, การรักษาศีลและการฝึกฝนจิตใจด้วยการทำสมาธิภาวนา เป็น Soft Power ที่ตรงและใช่ และพร้อมนำมาใช้เป็นหลักการทำงานและการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์ที่จะนำพามนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายข้ามพ้นวัฏสงสารที่ยาวนานนี้ไปได้อย่างปลอดภัย, มีความสุข ความเจริญและสมปรารถนาอย่างแน่นอน,
🔰ที่มา: อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 เรื่องบุรุษคนใดคนหนึ่ง
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=1