‘ประธานกกต.’ยันชงศาลรัฐธรรมนูญยุบ‘ก้าวไกล’ ยึดกฎหมายไม่มีใบสั่ง เปรยโทษหนักตัดสิทธิการเมือง‘กรรมการบริหารพรรค’ 10 ปี ส่วนคำร้องยุบ‘ภูมิใจไทย’อยู่ระหว่างพิจารณา
13 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมกกต. มีข้อเสนอส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล ว่า วานนี้ (12 มี.ค.) ที่ประชุมกกต. ได้พิจารณาข้อเสนอแนะที่สำนักงานกกต. นำเสนอต่อที่ประชุมว่าการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือการเป็นล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ที่ประชุมกกต.มีมติ เห็นควรที่จะส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สำหรับกระบวนการพิจารณาในเรื่องนี้ที่ประชุมกกต. ได้ขอให้สำนักงานกกต . ศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 ในกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในขณะหัวดำรงตำแหน่งหัวพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล ใช้การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ จากการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยศาลสั่งให้เลิกการกระทำ การแสดงความคิดเห็น การเขียนเพื่อให้มีการยกเลิก ม.112 และไม่ให้แก้ ม.112
ประธาน กกต. ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 92 โดยใช้คำว่าเมื่อกกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีพรรคการเมืองใดกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งเรื่องดังกล่าวใช้เวลาพอสมควร โดยสิ่งที่เป็นหลักฐานอันเชื่อได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ก็คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั่นเอง มีทั้งรายละเอียด ข้อกฎหมายข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐานและเอกสารประกอบ มีคำไต่สวนการให้ถ้อยคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นหลักฐานเพียงพอที่ทำให้กกต.สามารถส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้
ที่มา.
https://www.naewna.com/politic/792811
ประธานกกต.เปรยโทษหนักตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ลั่นไร้ใบสั่ง
13 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมกกต. มีข้อเสนอส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล ว่า วานนี้ (12 มี.ค.) ที่ประชุมกกต. ได้พิจารณาข้อเสนอแนะที่สำนักงานกกต. นำเสนอต่อที่ประชุมว่าการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือการเป็นล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ที่ประชุมกกต.มีมติ เห็นควรที่จะส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สำหรับกระบวนการพิจารณาในเรื่องนี้ที่ประชุมกกต. ได้ขอให้สำนักงานกกต . ศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 ในกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในขณะหัวดำรงตำแหน่งหัวพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล ใช้การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ จากการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยศาลสั่งให้เลิกการกระทำ การแสดงความคิดเห็น การเขียนเพื่อให้มีการยกเลิก ม.112 และไม่ให้แก้ ม.112
ประธาน กกต. ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 92 โดยใช้คำว่าเมื่อกกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีพรรคการเมืองใดกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งเรื่องดังกล่าวใช้เวลาพอสมควร โดยสิ่งที่เป็นหลักฐานอันเชื่อได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ก็คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั่นเอง มีทั้งรายละเอียด ข้อกฎหมายข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐานและเอกสารประกอบ มีคำไต่สวนการให้ถ้อยคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นหลักฐานเพียงพอที่ทำให้กกต.สามารถส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้
ที่มา.https://www.naewna.com/politic/792811