ผู้พิการทางการได้ยินหรือการสื่อความหมาย ได้แก่
1. คนที่ได้ยินเสียงที่ความถี่ 500 เฮิรตซ์ 1000 เฮิรตซ์หรือ 2000 เฮิรตซ์ในหูข้างที่ดีกว่าที่มีความดังเฉลี่ยดังต่อไปนี้
1.1 สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 7 ปี เกิน 40 เดซิเบลขึ้นไปจนไม่ได้ยินเสียง
1.2 สำหรับคนทั่วไปเกิน 55 เดซิเบลขึ้นไปจนไม่ได้ยินเสียงหรือ
2. คนที่มีความผิดปกติหรือความบกพร่องในการเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูดจนไม่สามารถสื่อความหมายกับคนอื่นได้
สิทธิประโยชน์ที่หลายคนอาจไม่รู้ของผู้พิการทางการได้ยิน มีดังนี้
1.เครื่องช่วยฟังฟรี
ผู้พิการทางการได้ยินมีหลายระดับ โดยในระดับที่ยังคงได้ยินเสียงอยู่ หากรักษาด้วยการผ่าตัดหรือรับประทานยาแล้วยังจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังนั้นสามารถเบิกอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังได้ฟรี ซึ่งสามารถเบิกได้ในทุกสิทธิสุขภาพหลัก ได้แก่ สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สิทธิบัตรทอง) สิทธิประกันสังคมและสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
2.บริการล่ามภาษามือ
ผู้พิการทางการได้ยินหรือผู้ดูแลสามารถขอใช้บริการล่ามภาษามือได้ในหลายกรณีด้วยกัน อันได้แก่ การใช้บริการทางการแพทย์ การสมัครงาน การใช้ในการสอบสวนและการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ เป็นต้น โดยผู้พิการที่ต้องการล่ามภาษามือสามารถส่งคำร้องได้ที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)
3.การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการได้ยิน
การฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินมักจะมีขึ้นหลังการผ่าตัดประสาทหูเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาสื่อความหมายผ่านเสียงได้อีกครั้ง โดยมีนักเวชศาสตร์การสื่อความหมายจะทำงานร่วมกับผู้ปกครองเพื่อให้ผู้พิการฝึกฟัง – พูดอย่างต่อเนื่องถึงจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้
ปัจจุบันคนไทยสามารถเข้าถึงการฟื้นฟูเหล่านี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และเมื่อไม่นานมานี้สิทธิประโยชน์การคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด สปสช. ให้ขยายเพื่อครอบคลุมเด็กไทยแรกเกิดทุกคนแล้ว ทำให้ในอนาคตเด็กที่พิการทางการได้ยินแต่กำเนิดสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากยิ่งขึ้น
ใช้สิทธิรับเครื่องช่วยฟังฟรีอย่างไร
ผู้ที่ใช้เครื่องช่วยฟังบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า สามารถเบิกเครื่องช่วยฟังฟรีได้ด้วยสิทธิประโยชน์ จากประกันสังคมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ผู้ที่มีปัญหาด้านทางการได้ยิน ประสาทหูเสื่อม หูตึง สามารถเข้าพบกับแพทย์ เพื่อตรวจวัดระดับการได้ยิน แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองว่า ท่านเป็นผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน จำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยฟัง เมื่อได้ใบรับรองแพทย์แล้ว สามารถซื้อเครื่องช่วยฟังกับทางโรงพยาบาลหรือร้านที่จำหน่ายเครื่องช่วยฟังได้ แต่จะต้องสำรองจ่ายก่อน โดยผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินต้องนำใบรับรองแพทย์ ซึ่งแพทย์จะแนะนำว่าควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน และทางร้านจะออกใบเสร็จให้เพื่อไปยื่นเบิกกับทางประกันสังคมด้วยตนเอง ก่อนที่จะใช้สิทธิควรเช็คกับทางประกันสังคมก่อน ว่าสามารถเบิกสิทธิประโยชน์อะไรได้บ้าง ทางประกันสังคมมีเงื่อนไขและกฎระเบียบแจ้งให้อย่างชัดเจน โดยสามารถเบิกสิทธิรับเครื่องช่วยฟังฟรีข้างละไม่เกิน 12,500 บาท และเป็นเครื่องช่วยฟังแบบคล้องหลังหูหรือแบบใส่ในช่องหู และสามารถเบิกเครื่องใหม่ได้ เมื่อใช้งานครบ 3 ปี หากไม่ครบ 3 ปี ก็จะไม่สามารถเบิกเครื่องใหม่ได้ สำหรับผู้มีบัตรทองท่านสามารถขอรับเครื่องช่วยฟังได้ที่โรงพยาบาลในสิทธิที่ท่านใช้บริการอยู่ แต่ละสิทธิผู้ที่ต้องการเบิกต้องศึกษาข้อมูลและระเบียบการเบิกให้ถี่ถ้วนและทำความเข้าใจก่อนเสียก่อนเพื่อไม่ให้เสียสิทธิที่ควรได้รับไป
เครื่องช่วยฟังฟรีสิทธิสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน
1. คนที่ได้ยินเสียงที่ความถี่ 500 เฮิรตซ์ 1000 เฮิรตซ์หรือ 2000 เฮิรตซ์ในหูข้างที่ดีกว่าที่มีความดังเฉลี่ยดังต่อไปนี้
1.1 สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 7 ปี เกิน 40 เดซิเบลขึ้นไปจนไม่ได้ยินเสียง
1.2 สำหรับคนทั่วไปเกิน 55 เดซิเบลขึ้นไปจนไม่ได้ยินเสียงหรือ
2. คนที่มีความผิดปกติหรือความบกพร่องในการเข้าใจหรือการใช้ภาษาพูดจนไม่สามารถสื่อความหมายกับคนอื่นได้
สิทธิประโยชน์ที่หลายคนอาจไม่รู้ของผู้พิการทางการได้ยิน มีดังนี้
1.เครื่องช่วยฟังฟรี
ผู้พิการทางการได้ยินมีหลายระดับ โดยในระดับที่ยังคงได้ยินเสียงอยู่ หากรักษาด้วยการผ่าตัดหรือรับประทานยาแล้วยังจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังนั้นสามารถเบิกอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังได้ฟรี ซึ่งสามารถเบิกได้ในทุกสิทธิสุขภาพหลัก ได้แก่ สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สิทธิบัตรทอง) สิทธิประกันสังคมและสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
2.บริการล่ามภาษามือ
ผู้พิการทางการได้ยินหรือผู้ดูแลสามารถขอใช้บริการล่ามภาษามือได้ในหลายกรณีด้วยกัน อันได้แก่ การใช้บริการทางการแพทย์ การสมัครงาน การใช้ในการสอบสวนและการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ เป็นต้น โดยผู้พิการที่ต้องการล่ามภาษามือสามารถส่งคำร้องได้ที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)
3.การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการได้ยิน
การฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินมักจะมีขึ้นหลังการผ่าตัดประสาทหูเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาสื่อความหมายผ่านเสียงได้อีกครั้ง โดยมีนักเวชศาสตร์การสื่อความหมายจะทำงานร่วมกับผู้ปกครองเพื่อให้ผู้พิการฝึกฟัง – พูดอย่างต่อเนื่องถึงจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้
ปัจจุบันคนไทยสามารถเข้าถึงการฟื้นฟูเหล่านี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และเมื่อไม่นานมานี้สิทธิประโยชน์การคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด สปสช. ให้ขยายเพื่อครอบคลุมเด็กไทยแรกเกิดทุกคนแล้ว ทำให้ในอนาคตเด็กที่พิการทางการได้ยินแต่กำเนิดสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากยิ่งขึ้น
ใช้สิทธิรับเครื่องช่วยฟังฟรีอย่างไร
ผู้ที่ใช้เครื่องช่วยฟังบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า สามารถเบิกเครื่องช่วยฟังฟรีได้ด้วยสิทธิประโยชน์ จากประกันสังคมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ผู้ที่มีปัญหาด้านทางการได้ยิน ประสาทหูเสื่อม หูตึง สามารถเข้าพบกับแพทย์ เพื่อตรวจวัดระดับการได้ยิน แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองว่า ท่านเป็นผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน จำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยฟัง เมื่อได้ใบรับรองแพทย์แล้ว สามารถซื้อเครื่องช่วยฟังกับทางโรงพยาบาลหรือร้านที่จำหน่ายเครื่องช่วยฟังได้ แต่จะต้องสำรองจ่ายก่อน โดยผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินต้องนำใบรับรองแพทย์ ซึ่งแพทย์จะแนะนำว่าควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน และทางร้านจะออกใบเสร็จให้เพื่อไปยื่นเบิกกับทางประกันสังคมด้วยตนเอง ก่อนที่จะใช้สิทธิควรเช็คกับทางประกันสังคมก่อน ว่าสามารถเบิกสิทธิประโยชน์อะไรได้บ้าง ทางประกันสังคมมีเงื่อนไขและกฎระเบียบแจ้งให้อย่างชัดเจน โดยสามารถเบิกสิทธิรับเครื่องช่วยฟังฟรีข้างละไม่เกิน 12,500 บาท และเป็นเครื่องช่วยฟังแบบคล้องหลังหูหรือแบบใส่ในช่องหู และสามารถเบิกเครื่องใหม่ได้ เมื่อใช้งานครบ 3 ปี หากไม่ครบ 3 ปี ก็จะไม่สามารถเบิกเครื่องใหม่ได้ สำหรับผู้มีบัตรทองท่านสามารถขอรับเครื่องช่วยฟังได้ที่โรงพยาบาลในสิทธิที่ท่านใช้บริการอยู่ แต่ละสิทธิผู้ที่ต้องการเบิกต้องศึกษาข้อมูลและระเบียบการเบิกให้ถี่ถ้วนและทำความเข้าใจก่อนเสียก่อนเพื่อไม่ให้เสียสิทธิที่ควรได้รับไป