เจ้าของกระทู้เคยเจอเหตุการณ์หลายเหตุการณ์มากที่ผู้ใหญ่มักจะใช้อำนาจจากการที่ตนเป็นผู้ให้กำเนิด และมีอายุมากกว่า ในการสั่งสอนเด็ก โอเคมันก็ใช่แหละว่าเด็กอายุยังน้อย ความรู้ยังไม่มากเท่าผู้ใหญ่
ในฐานะที่ตนเองเคยเป็นเด็กมาก่อนและกำลังเข้าสู่วัยกลางคน ผมมองว่าการที่จะให้เด็กฟังผู้ใหญ่อย่างเดียวตรรกะแบบนี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำคือเปิดใจรับฟังเด็ก และในขณะเดียวกันเด็กก็ควรจะเปิดใจรับฟังผู้ใหญ่
ทีนี้เราจะรู้ได้ไงว่าเรื่องไหนควรรับฟังเด็ก
คำตอบคือเวลาเราเห็นว่าเด็กทำอะไรขัดกับสิ่งที่เราคิดว่าถูก แทนที่เราจะไปตัดสินว่าเด็กผิด ทำไม่เราไม่ถามเขาก่อนว่า "ทำไมถึงทำแบบนั้น"
เช่น ลูกล้างจานแล้วทำจานแตก แน่นอนว่าพ่อแม่บางคนอาจดุด่าลูกเลยทันที แต่อยากจะบอกพ่อแม่ทั้งหลายว่า "
เบรคอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ก่อน"แล้ว
เปิดใจรับฟังโดยอาจ
ถามลูกก่อนว่าจานแตกเพราะอะไร
แน่นอนว่าพอถามไปแบบนี้ ผู้ใหญ่บางคนอาจคิดว่า
"เด็กมันก็โกหกสิ" แต่ผมอยากจะบอกว่าบางทีเราอาจจะต้องพิจารณาตัวเองว่าเราอคติกับเด็กเกินไปหรือไม่ ผมมองว่า
"ถ้าเด็กกลัวเราเด็กจะโกหก เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ไม่โดนดุ"
ดังนั้นเด็กจะโกหกหรือไม่เลยต้องมาพิจารณาที่ตัวผู้ใหญ่ก่อนว่า
"ทำตัวให้เด็กรักหรือทำตัวให้เด็กกลัว"
ทีนี้หากเราทำตัวให้เด็กรักเด็กเชื่อใจ เขามั่นใจแล้วว่าหากพูดความจริงออกไปจะไม่โดนดุแน่นอน
"เด็กจะพูดความจริงออกมา" ซึ่งตัวผู้ใหญ่เองจะต้องรับฟังเหตุผลของเด็กก่อน เพราะบางทีเด็กอาจตอบมาว่า
"แม่ มือหนูมันโดนน้ำยาล้างจาน มันเลยลื่นและจับไม่อยู่มันเลยหล่นแตก" ซึ่งถ้าเด็กตอบมาแบบนี้ผมมองว่ามันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
ส่วนตัวผมเองโตจนอายุจะ 30 แล้ว พ่อแม่ก็ยังใช้อำนาจจากที่ตนอายุมากกว่า และเป็นผู้ให้กำเนิดกับเราอยู่ดี อย่างจะขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อย้ายไปอยู่หอก็จะโดนดุว่าขับไปทำไมรถประจำทางก็มี ส่วนตัวผมมองว่าไปรถประจำทางมันไม่สะดวกจะให้ขนของอีรุงตุงนังขึ้นรถประจำทางคงไม่ดี อีกอย่างช้าด้วยกว่าจะถึงเพราะเขาต้องจอดรับคนหลายจุด ขับรถไปเองสะดวกกว่า เข้าใจแหละว่าหวังดี แต่อย่าลืมว่าทุกคนเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้รู้ทุกเรื่อง อย่างที่เราเห็นได้ชัดเลยคือ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ที่ทุกอย่างต้อง From Home เด็กต้องหยุดเรียนที่บ้าน พ่อแม่ต้องทำงานที่บ้าน ปัญหาที่ตามมาคือ "การใช้เทคโนโลยีไม่เป็น" ของผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้หากผู้ใหญ่ลดอีโก้ของตัวเองลง และเปิดใจให้เด็กสอนบ้างจะดีมาก
เด็กควรฟังผู้ใหญ่อย่างเดียวหรือเราควรรับฟังกันทั้งสองฝ่าย
ในฐานะที่ตนเองเคยเป็นเด็กมาก่อนและกำลังเข้าสู่วัยกลางคน ผมมองว่าการที่จะให้เด็กฟังผู้ใหญ่อย่างเดียวตรรกะแบบนี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำคือเปิดใจรับฟังเด็ก และในขณะเดียวกันเด็กก็ควรจะเปิดใจรับฟังผู้ใหญ่
ทีนี้เราจะรู้ได้ไงว่าเรื่องไหนควรรับฟังเด็ก
คำตอบคือเวลาเราเห็นว่าเด็กทำอะไรขัดกับสิ่งที่เราคิดว่าถูก แทนที่เราจะไปตัดสินว่าเด็กผิด ทำไม่เราไม่ถามเขาก่อนว่า "ทำไมถึงทำแบบนั้น"
เช่น ลูกล้างจานแล้วทำจานแตก แน่นอนว่าพ่อแม่บางคนอาจดุด่าลูกเลยทันที แต่อยากจะบอกพ่อแม่ทั้งหลายว่า "เบรคอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ก่อน"แล้วเปิดใจรับฟังโดยอาจถามลูกก่อนว่าจานแตกเพราะอะไร
แน่นอนว่าพอถามไปแบบนี้ ผู้ใหญ่บางคนอาจคิดว่า "เด็กมันก็โกหกสิ" แต่ผมอยากจะบอกว่าบางทีเราอาจจะต้องพิจารณาตัวเองว่าเราอคติกับเด็กเกินไปหรือไม่ ผมมองว่า"ถ้าเด็กกลัวเราเด็กจะโกหก เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ไม่โดนดุ"
ดังนั้นเด็กจะโกหกหรือไม่เลยต้องมาพิจารณาที่ตัวผู้ใหญ่ก่อนว่า"ทำตัวให้เด็กรักหรือทำตัวให้เด็กกลัว"
ทีนี้หากเราทำตัวให้เด็กรักเด็กเชื่อใจ เขามั่นใจแล้วว่าหากพูดความจริงออกไปจะไม่โดนดุแน่นอน "เด็กจะพูดความจริงออกมา" ซึ่งตัวผู้ใหญ่เองจะต้องรับฟังเหตุผลของเด็กก่อน เพราะบางทีเด็กอาจตอบมาว่า "แม่ มือหนูมันโดนน้ำยาล้างจาน มันเลยลื่นและจับไม่อยู่มันเลยหล่นแตก" ซึ่งถ้าเด็กตอบมาแบบนี้ผมมองว่ามันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
ส่วนตัวผมเองโตจนอายุจะ 30 แล้ว พ่อแม่ก็ยังใช้อำนาจจากที่ตนอายุมากกว่า และเป็นผู้ให้กำเนิดกับเราอยู่ดี อย่างจะขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อย้ายไปอยู่หอก็จะโดนดุว่าขับไปทำไมรถประจำทางก็มี ส่วนตัวผมมองว่าไปรถประจำทางมันไม่สะดวกจะให้ขนของอีรุงตุงนังขึ้นรถประจำทางคงไม่ดี อีกอย่างช้าด้วยกว่าจะถึงเพราะเขาต้องจอดรับคนหลายจุด ขับรถไปเองสะดวกกว่า เข้าใจแหละว่าหวังดี แต่อย่าลืมว่าทุกคนเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้รู้ทุกเรื่อง อย่างที่เราเห็นได้ชัดเลยคือ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ที่ทุกอย่างต้อง From Home เด็กต้องหยุดเรียนที่บ้าน พ่อแม่ต้องทำงานที่บ้าน ปัญหาที่ตามมาคือ "การใช้เทคโนโลยีไม่เป็น" ของผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้หากผู้ใหญ่ลดอีโก้ของตัวเองลง และเปิดใจให้เด็กสอนบ้างจะดีมาก