JJNY : ร้องแก้ข้อพิพาทที่ทำกินบนเขาค้อ│เชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัว│อียูชนะคดีน้ำมันปาล์มมาเลเซีย│ฮูตีบึ้มเรือบรรทุกสินค้า

ร้องผู้นำฝ่ายค้าน แก้ข้อพิพาทที่ทำกินบนเขาค้อ พร้อมขอทบทวนมติครม.หยุดดำเนินคดีรุกป่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4459198
 
 
‘ปชช. เขาค้อ’ ร้อง ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ เร่งแก้ข้อพิพาทที่ดินทำกิน ระหว่าง ‘ปชช.-กองทัพ’ พร้อมขอให้ภาครัฐ ทบทวบมติ ครม. วอน หยุดดำเนินคดีบุกรุกป่าคนในพื้นที่
 
เมื่อเวลา 10.30 วันที่ 7 มีนาคม ที่รัฐสภา ประชาชนคนเขาค้อ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ (กมธ.) 2 คณะ ได้แก่ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กมธ.การทหาร กรณีพิพาทเรื่องที่ดินทำกิน ระหว่างประชาชนและกองทัพ
 
ตัวแทนกลุ่มกล่าวว่า สืบเนื่องจากรัฐจัดพื้นที่ 4 ต. ใน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ให้ประชาชนครอบครองตั้งแต่ปี 2520-2527 ตามประมวลกฎหมายที่ 2497 โดยออกใบจองแล้วจำนวน 585 แปลง ต่อมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศป่าสงวนฯทับที่ดินฯ ในปี 2529 และ 2530 ทำให้ประชาชนในพื้นที่ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสงวน ซึ่งหน่วยงานรัฐ ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. แต่กลับจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปเป็นพื้นที่ราชพัสดุ
 
ทางกลุ่มจึงขอให้ยุติการบังคับคดี ให้กับผู้ถูกดำเนินคดี รวมถึงยกเลิกมติ ครม. ในวันที่ 14 มี.ค.2566 ที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราชพัสดุ รวมถึงตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงตรวจสอบในการจัดพื้นที่จัดการให้ประชาชนดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทำไมประชาชนจะต้องเช่าพื้นที่ ทั้งที่อยู่กันมาตั้งนานแล้ว ทรัพยากรป่าไม้เราไม่เคยทำลายป่า แต่หวงแหนอนุรักษ์รักษาป่าเสียด้วยซ้ำ แต่กลับได้ฐานะเป็นผู้เช่าพื้นที่ ถ้าเราไม่มาในวันนี้ลูกหลานของเราจะคิดอย่างไร
 
นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ติดตามปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีหลายพื้นที่ที่ได้รับปัญหาเหมือนกัน ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการต่อสู้กันระหว่างกองทัพไทย และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดกองทัพมีกลยุทธ์หนึ่ง คือ การชักชวนให้ประชาชนส่วนหนึ่งเข้าร่วมรบ โดยให้สัญญาว่าจะจัดสรรพื้นที่ทำกิน ให้ที่ดินสร้างชุมชน แต่ปรากฏว่าเมื่อสงครามยุติ ทางกองทัพที่ได้คืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ แต่ไม่ได้มีการจัดสรรให้ตามที่สัญญา และในรัฐบาลชุดที่แล้วได้ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าทำสัญญาเช่าที่ดินกับที่ราชพัสดุ ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมต้องเช่าที่ดินของตัวเองที่เนื่องจากกองทัพได้สัญญาไว้ว่าจะจัดสรรให้เป็นการตอบแทน
 
ทั้งนี้ ยังมีปัญหาในลักษณะเดียวกันที่ได้ติดตามมา และมีแนวทางแก้ไขปัญหาไว้แล้วแต่น่าเสียดายที่เราเป็นฝ่ายค้าน ก็จะช่วยผลักดันให้มีการแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ทั้งกรรมาธิการการทหาร และกรรมาธิการการที่ดิน ก็จะต้องทำงานร่วมกัน ปัญหาลักษณะนี้ไม่ได้มีกลุ่มเดียว แต่อยากมีปัญหาของพี่น้องม้ง อ.เขาค้อ ที่เคยอาสาสมัครร่วมต่อสู้กับกองทัพไทย และไม่ได้รับจัดสรรที่ดินเช่นเดียวกัน รวมถึงกลุ่มที่น้องชาติพันธ์ที่ไปร่วมกับฝั่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งกองทัพไปเจรจาให้ยุติการต่อสู้ แล้วจะจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างชุมชนไว้ให้ ก็ไม่ได้รับที่ดินตามสัญญาเช่นเดียวกัน


 
ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัว หวังท่องเที่ยวฟื้น-รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/218796

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัว อยู่ที่ระดับ 106.88 หวังปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยฉุดคือเฟดตรึงดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
 
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 106.88 เพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่  นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)  รองลงมาคือสถานการณ์เงินเฟ้อ และ การไหลออกของเงินทุน
 
โดยหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM),หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)

ผลสำรวจ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 31.4% อยู่ที่ระดับ 115.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 14.3% มาอยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 11.9% อยู่ที่ระดับ 122.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 66.7% อยู่ที่ระดับ 100.00
 
โดยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 SET Index มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในเร็ววันนี้ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นจีน การส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งขึ้น และแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้าซื้อหุ้นไทย ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปิดที่ 1,370.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,265 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,246 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 27,624 ล้านบาท
 
สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะใน รัสเซีย-ยูเครน และในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางยังยืดเยื้อ
 
ส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังสัญญาณการบริโภคภายในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1 ปี 2567 และติดตามผลประชุมกนง. ครั้งถัดไปต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
 


“ดับเบิลยูทีโอ” ตัดสินให้อียู ชนะคดีพิพาทน้ำมันปาล์มมาเลเซีย
https://www.dailynews.co.th/news/3237903/

คณะกรรมการพิจารณาข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) มีมติข้างมาก สนับสนุนมาตรการของสหภาพยุโรป (อียู) ในความขัดแย้งกับมาเลเซีย เกี่ยวกับกฎระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคเชื้อเพลิงชีวภาพจากน้ำมันปาล์มของอียู

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า การพิจารณาคดีของดับเบิลยูทีโอ ใช้เวลานาน 3 ปี หลังมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอินโดนีเซีย ยื่นคดีความต่อดับเบิลยูทีโอ เมื่อปี 2564
 
อนึ่ง รัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ คัดค้านชุดมาตรการของอียู ซึ่งจำกัดสิทธิของเชื้อเพลิงชีวภาพจากพืชผล ในการเป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนของประเทศสมาชิกอียู รวมถึง มาตรการยุติการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพจากน้ำมันปาล์มอย่างสิ้นเชิง ภายในปี 2573

นอกจากนี้ มาเลเซียยังร้องขอต่อคณะอนุญาโตตุลาการ กล่าวหาว่า อียู โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสมาชิกอย่างฝรั่งเศส และลิทัวเนีย กำหนดมาตรการจำกัดการใช้น้ำมันปาล์ม ในลักษณะที่ละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศด้วย
 
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการของดับเบิลยูทีโอ มีคำตัดสิน และเผยแพร่รายงานข้อพิพาท 348 หน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบพลังงานหมุนเวียนแห่งสหภาพยุโรป ปี 2561 หรือ RED II ระบุว่า มาตรการของอียู ไม่มีการละเมิดข้อตกลงตามที่มาเลเซียกล่าวหาเป็นอย่างใด แต่องค์การก็ระบุถึงจุกบกพร่องบางประการในการจัดเตรียม การเผยแพร่ และการจัดการมาตรการของอียูเช่นกัน
 
มาเลเซียไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า มาตรการบางอย่างที่นำมาใช้ภายใต้ RED II ไม่สอดคล้องกับพันธกรณี เพื่อทำให้แน่ใจว่า กฎระเบียบทางเทคนิคจะไม่ถูกจำกัดทางการค้ามากเกินความจำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมาย” คณะกรรมการของดับเบิลยูทีโอ กล่าวสรุป.
 
https://twitter.com/STForeignDesk/status/1765279177337606387
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่