เกิดปัญหาในครอบครัว และกำลังจะยุติการตั้งครรภ์ จะก้าวผ่านมันไปยังไงดี

วันนี้อยากมาระบายและขอกำลังใจค่ะ หรือถ้าอยากตำหนิ ก๋ได้นะคะ แต่อย่ารุนแรงนะคะ เราบอบช้ำมากจริงๆตอนนี้
อยากขอความคิดเห็นหรือประสบกรณ์ของคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว ว่าก้าวผ่านมันมาได้ยังไงคะ
เรื่องคือเราอยู่กับสามีมาแล้ว 10 ปี ไม่ได้จดทะเบียน มีลูกด้วยกัน 1 คน(น้องมีความพิการ) เราอยู่บ้านของสามี เป็นบ้านที่พ่อแม่เขาปลูกให้ ให้อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ไม่ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ
ตัวเราเองไม่มีพ่อแม่(เสียหมดแล้ว) ไม่มีญาติพี่น้อง เราตัวคนเดียว เราเลยอยู่ที่นี่มาตลอด ไม่มีสมบัติอะไร ทำงานประจำก็ใช้จ่ายในครอบครัว ค่าใช้จ่ายในบ้าน และค่าใช้จ่ายของลูก เรารับผิดชอบ 100%
ไม่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มีแต่หนี้บัตรเครดิต เพราะต้องเอามาใช้จ่ายในครอบครัว และเรื่องลูก ส่วนตัวเราไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่ออกงานใดๆ เนื่องด้วยไม่ชอบคยเยอะและอีกอย่างคือ อยากประหยัด
พ่อของลูกทำงาน แต่เงินเดือนน้อยกว่าเรามาก ค่าใช้จ่ายต่างๆเลยตกที่เรา ซึ่งที่ผ่านมา เรายินดีที่จะทำ เพราะคิดเสมอว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยๆกันไป 
พ่อของลูกมีหน้าที่แค่ไปรับไปส่งลูก และเราจะติดรถไปทำงานด้วย  เพราะเป็นทางผ่าน และตอนเย็นจะให้มารับ เพราะที่ทำงานใกล้บ้าน
แล้ววันนึง เราตรวจเจอว่าท้อง ปกติเรากินยาคุม แต่มีอยู่สองวันเราไม่สบาย อาเจียนเยอะ เลยเว้นไปสองวัน แล้วมีพสพ. 1 ครั้ง และเราก็กินยาคุมฉุกเฉิน เราไม่คิดว่าจะท้อง
พอเราตรวจเจอว่าท้อง เราก็บอกสามี แต่เขาเฉยๆ เราแบบเอ๊ะในใจ ว่าทำไม ในระหว่างนั้นเราคิดในหัวตลอดว่าจะทำยังไง นอนไม่หลับเลย แต่สามีเราเฉย ไม่พูดถึงเลย
เราตัดสินใจว่า เราจะยุติการตั้งครรภ์ เพราะเราไม่พร้อมจริงๆ จนผ่านมา 3 วัน เราไปตรวจเลือดที่รพ. หมอแจ้งว่าตั้งครรภ์จริง แต่ค่า hcg แค่ 20 กว่าๆ(อายุครรภ์ 4 สัปดาห์) 
เราแจ้งกับหมอไปตรงๆว่า เราต้องการยุติการตั้งครรภ์ ตอนนั้นเราร้องไห้ หมอก็เข้าใจ บอกว่าไม่เป็นไร อายุครรภ์ยังน้อย ยังทำได้ และบอกว่าอีกสามสัปดาห์มาดูกันอีก (ตอนนั้นเราติดต่อคลินิกยุติการตั้งครรภ์ไว้แล้ว แต่ต้องมาอัลตร้าซาวด์ที่รพ.ก่อนว่าไม่ได้ท้องนอกมดลูก เราออกค่าใช้จ่ายเองหมดทุกอย่างทุกขั้นตอน)
ระหว่างที่เราตรวจการตั้งครรภ์ตั้งแต่แรก จนถึงวันที่ไปตรวจเลือดที่รพ. เราไปคนเดียวค่ะ สามีทราบดี แต่เขาเฉย
พอเรากลับถึงบ้าน เราเสียใจ กลัว จิตตก สับสนมาก แต่เย็นนั้นสามีออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันต่อมา เราได้รู้มาว่า สามีของเราคุยกับผู้หญิงคนนึง ที่เขาเคยบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนกลุ่มเดียวกัน ตอนนั้นเราไม่พอใจ แต่ก็เชื่อ เพราะผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้ว และทั้งผู้หญิงคนนั้น สามีผู้หญิงคนนั้น และสามีเรา เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เราเลยคิดว่า เขาคงไม่กล้าที่จะทำกัน
จนวันนี้เราได้รู้ว่า เขาคุยกัน และเซ้นส์เราบอกเลยว่า ไม่ใช่แค่เพื่อน
จากนั้นเราได้ถามคนรู้จักเกี่ยกับผู้หญิงคนนี้ เราก็ได้รุ้ว่า ผู้หญิงคนนี้มีสามีจริง แต่ก็ไม่เคยเลิกยุ่งกับสามีเรา สามีเราอาจจะคิดหรือไม่คิด อันนี้ไม่ฟันธง แต่ก็คุยกันมาตลอด ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้คิดกับสามีเรามากกว่าเพื่อนแน่นอน
เราเลยถามสามีของเรา เขาตอบว่าแค่เพื่อน คุยกันเฉยๆ ซึ่งบอกตรงๆว่า เราแทบจะไม่เชื่อเลย เพราะความสัมพันธ์ของเขาสองคน มันมีมานานกว่านั้น ก่อนจะมีเราอีก แค่สามีเราบอกว่าแค่เพื่อน แต่ผู้หญิงชัดเจนแน่นอน (ผู้หญิงมีสามีอยู่แล้วนะคะ)
พอเราพูด แฟนเราโกรธเรา เราถามดีนะคะ แต่เขาโกรธ และบอกว่าคิดแค่เพื่อน และเขาก็เคารพสามีผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่ เคารพมาก ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น พอเราบอกให้สามีเรารักษาระยะห่างบ้าง เพราะเราก็ดูออกว่าผู้หญิงคิดยังไง แต่แฟนเราบอกว่า ไม่ทำ ไม่ห่าง เพราะเป็นเพื่อนสนิท
สามีโกรธเรามาก ไม่พูดกับเรา ไม่มอง ไม่สนใจ  ปล่อยเราให้อยู่กับปัญหาต่างๆเพียงคนเดียว
เรานอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะเรากังวลและกลัวเรื่องยุติการตั้งครรภ์ เพราะเราต้องอยู่กับช่วงเวลานั้นคนเดียว ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็คงต้องลากร่างตัวไปเองไปรพ.
แต่เราก็ต้องทำ เพราะเรื่องมาถึงขนาดนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถจะเก็บเขาไว้ได้ สามีเองก็ไม่ได้เลือกเรา ชัดเจนว่าเขาเลือกคนอื่นไปแล้ว

เราพยายามเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปเพื่ออูก แต่ตอนนี้หัวใจเราแตกสลายจริงๆค่ะ ตั้งแต่เกิดมา เพิ่งเคยเข้าใจคำนี้ คำว่าแตกสลาย หัวใจมันพังจริงๆค่ะ 10 ปีที่เราทุ่มเททำเพื่อครอบครัว เราลำบากนะคะ หนี้สินรุงรัง แต่เพื่อคนในบ้าน เราไม่เคยบ่น เรายื้มให้คนในบ้านตลอด พูแค่คำว่า ไม่เป็นไรๆ เราไม่เคยท้อสักวัน
แต่วันนี้เพิ่งเข้าใจว่า เราโง่มาก บางเวลารู้สึกไม่อยากอยู่แล้ว มันพังจริงๆ แต่ก็ต้องดึงตัวเองกลับมาเพื่อลูกคนโต
ณ วันนี้ เรายังอยู่บ้านเดียวกัน แต่เขาก็ไม่มอง ไม่คุยกับเรานะคะ เขาก็ดูแลแค่ลูก เราก็ทำหน้าที่ต่างๆเหมือนเดิม เพราะเราเองก็ไม่รู้จะเอาลูกไปอยู่ไหน ด้วยร่างกายของน้องที่ไม่ปกติ การพาลูกไปลำบาก ก็ทรมานใจคนเป็นแม่ ได้แต่คิดว่า จะรีบหาเงินแล้วพาลูกออกไปอยู่กันเองสองคนแม่ลูก
เราควรทำยังไงให้เข้มแข็ง ก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้คะ กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน ทรมานมากจริงๆ เราคิดว่าถ้ามำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องอดทนอยู่แบบนี้ไปก่อน แต่มันทรมานจริงๆค่ะ ใกล้จะถึงวันที่ต้องยุติการตั้งครรภ์ เรายิ่งกลัวค่ะ คิดไปต่างๆนาๆ กลัวเกิดเรื่องไม่คาดคิด กลัวไม่มีใครดูลูก แต่เราจะเก็บเขาไว้ก็ไม่ได้จริงๆ
เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ หรือผ่านความเจ็บปวดแบบนี้มาบ้างมั้ยคะ ก้าวผ่านมันมาได้ยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่