เส้นทางรักบนก้านกุหลาบ เรื่องจริงที่อยากระบาย

สวัสดีครับ ผมอยากมาตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตรัก ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา มันอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก และมันทำให้ผมรู้สึกอยู่อย่างทุกข์ใจมาจนตอนนี้

เรื่องราวของผมและเธอเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ผมขอใช้นามสมมุติเรียกเธอว่าเอ เรารู้จักกันครั้งแรกเพราะเอเป็นแฟนของเพื่อน ตอนนั้นผมอยู่ต่างจังหวัดส่วนเพื่อนอยู่กรุงเทพฯ เพื่อนขอให้ผมมารับกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมจึงขับรถมารับเพื่อนและทำให้รู้จักเธอตั้งแต่วันนั้น เราต่างสนิทกันและคอยปรึกษากันในทุกๆเรื่อง เป็นแบบนี้อยู่หลายปีแต่เราก็เป็นพี่น้องที่รู้จักกัน

กระทั่งเอทำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของเออีกที เราต่างรู้สึกถูกใจและชอบพอกัน ผมกับเพื่อนของเธอจึงได้มีชีวิตคู่ร่วมกัน ในฐานะคู่หมั้น และมีลูกสาวในเวลาต่อมา ตลอดหลายช่วงเวลาที่ทั้งสุขและทุกข์หรือยากลำบาก ผมและเอ รวมไปถึงแฟนเอที่เป็นเพื่อนผมและแฟนของผม เราต่างสนิทและใช้เวลาเหล่านั้นร่วมกันมาตลอด ในช่วงเวลาเหล่านั้นชีวิตคู่ของแฟนผมและชีวิตคู่ของเอเองก็ตาม ต่างระหองระแหงกันมาตลอด ทำมห้หลายๆเหตุการณ์ส่งผลให้ผมและเอรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้อยู่หลายปี แต่เราก็ไม่เคยพูดหรือไม่เคยบอกกัน บ่อยครั้งแฟนของเอปล่อยให้เธอไปเที่ยวกลางคืนกับผม ซึ่งแน่นอนว่าแฟนของผมเขาก็เข้าใจว่าเราเป็นแค่เพื่อนหรือพี่น้องที่สนิทกันเท่านั้น และเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้งอยู่หลายปี 

กระทั่งในคืนนึงที่เราไปเที่ยวด้วยกัน ในขณะที่เราทั้งคู่อยู่ในอาการกรุ่มๆจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ระหว่างทางที่ผมไปส่งเอที่บ้านเธอบอกกับผมว่ายังไม่อยากกลับ ตอนนั้นผมยังไม่คิดอะไรมากผมจึงพาเอแวะปั๊มน้ำมันก่อนทางเข้าบ้าน และปล่อยให้เธอนอนอยู่ในรถสักพักนึง จู่ๆเธอเริ่มรู้สึกร้อน จึงดึงคอเสื้อลงทำให้ผมเห็นหน้าอกเอ และได้เรียนแอลกอฮอล์ผมจึงลองใช้มือสัมผัสและปาก แต่ก็เพียงเท่านั้นผมไม่กล้าทำอะไรเกินกว่านั้น ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก เวลาผ่านไปสักพักผมตัดสินใจปลุกและไปส่งเอที่บ้าน ความสนิทของเรามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็ยังคงเที่ยวด้วยกันแบบนี้เป็นประจำ หลายคืนต่อมาเราได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกที่ร้านประจำของเรา ซึ่งก็เป็นเหมือนทุกๆวัน หลังจากร้านปิดผมต้องไปส่งเอที่บ้าน ในระหว่างทางกลับเธอบอกกับผมอีกครั้งว่ายังไม่อยากกลับบ้านและรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่มาก ตอนนั้นรถกำลังจะขับผ่านบริษัทที่ผมบริหารงานอยู่พอดี ผมจึงพาเธอเลี้ยวเข้าไปที่ตึกออฟฟิศในเวลาประมาณตีสองกว่าๆ (เป็นออฟฟิศส่วนตัวที่มีแค่ผมและลูกน้องในเวลาทำงาน) หลังจากที่รถจอดหน้าห้องน้ำผมจึงพยุงเอไป แต่ตอนนั้นเองเธอกลับบอกผมว่าอยากให้เข้าไปด้วย และดึงมือผมเข้าไป เราทั้งสองอยู่ในห้องน้ำห้องเดียวกันในอาการเมาๆ เอถอดกางเกงออกทั้งหมด และนั่งฉี่ต่อหน้าผม ตอนนั้นผมต้องยอมรับตนเองว่ารู้สึกอดทนต่อภาพที่เห็นในอารมณ์ตอนนั้นไม่ไหวจริงๆ ผมจึงชวนเธอเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว และขอเธอตรงๆว่า ผมขอมีอะไรกับเธอนะ ในตอนนั้นเราตามอยู่ในฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทั้งคู่ ผมเห็นว่าเธอไม่ปฏิเสธอะไร เราทั้งคู่จึงมีอะไรกัน นั่นคือครั้งแรกที่เราเกินเลยไปมาก หลังจากทุกอย่างเสร็จ ผมก็ทำเหมือนทุกครั้งคือไปส่งเอที่บ้าน

เช้าต่อมา ผมรู้สึกครุ่นคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมจึงโทรหาเอแล้วบอกกับเธอตรงๆว่าเมื่อคืนเรามีอะไรกัน ผมถามเองว่าเอรู้เรื่องไหม เธอบอกผมว่าเธอก็พอรู้ และส่วนหนึ่งเธอก็ต้องการมัน เราต่างสารภาพต่อกันว่าเรารู้สึกดีที่มีกันและกันอยู่มาตลอดหลายปี แต่เราต่างรู้ดีว่าเราทั้งคู่ไม่ได้โสด หลังจากที่เราได้คุยกันเรื่องนี้และได้เปิดอกคุยกันมันยิ่งทำให้เราเปลี่ยนจากความรู้สึกดีที่มีต่อกันเป็นความรักที่มีให้กัน และเราก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเราต่างรู้ว่าเราไม่สามารถพูดมันออกมาให้ใครรับรู้ได้ 

หลังจากที่เราเกินเลยกันในครั้งแรกครั้งนั้น ผมบอกตรงๆว่าผมเลวมากกับสิ่งที่ทำลงไปและสิ่งที่จะทำลงไปต่อจากนี้ เรายังคงทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรายังคงไปเที่ยวด้วยกันเหมือนปกติ แต่เกือบทุกครั้งก่อนเข้าบ้านเราจะต้องมีอะไรกันเป็นประจำ ในตอนนั้นมันทำให้เรารู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันมีความสุขและสบายใจมาก จากที่แค่มีอะไรกันตอนไปเที่ยว เริ่มเปลี่ยนมาเป็นนัดเจอกันตามรีสอร์ทหรือโรงแรม ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนหนึ่งเราต่างยอมรับต่อกันว่าเราติดใจในเซ็กส์ที่เรามีให้กัน เป็นแบบนี้อยู่นานนับปี

กระทั่งผมต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่ามันอยู่ห่างไกลประมาณ 1,300 กม. จากบ้าน แล้วทำให้เราห่างกายกันมากยิ่งขึ้น แต่เราก็ไม่เคยขาดการติดต่อกันเลยสักวัน บางครั้งผมก็ขับรถมาหาเธอเพื่อที่จะได้อยู่กับเธอสักคืนและกลับไปทำงานในตอนเช้า เวลาผ่านไปสักพักแฟนผมและแฟนเธอต่างรู้สึกตะหงิดใจ และเริ่มตามสืบเรื่องของผมกับเอ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไป ชีวิตคู่ของเราทั้งสองฝ่าย มาถึงจุดที่ใกล้จะแตกหัก แต่ผมกลับเอก็เลือกที่จะไม่ทิ้งกันไปไหน ผมจึงตัดสินใจชวนเธอมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ พร้อมๆกับการเริ่มต้นงานใหม่ทั้งสองคน เราทั้งสองต่างอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และได้เริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างจริงจัง แน่นอนว่ามันเป็นโลกใบที่ 2 ของเราทั้งคู่ และเราทั้งสองก็ลดการติดต่อกับแฟนจริงๆของเราสองคนน้อยลงเรื่อยๆ พร้อมๆกับการตกลงกันว่า หากเรากลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราจะไม่นอนกับแฟนของเรา หรือจะไม่ให้เขามาหาเราที่นี่ แน่นอนว่ามันเป็นแบบนั้นอยู่นานนับปี เราต่างใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา

กระทั่งความไม่เข้าใจครั้งแรกก็เกิดขึ้น เมื่อผมจับได้ว่าเอแอบคุยกับพี่ที่ทำงานใกล้ๆกัน มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกโดนนอกใจ เพราะสิ่งที่ผมเห็นในช่องแชทที่เขาคุยกัน คือภาพของเอที่ไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำคอนโดเราปรากฏอยู่บนแชทของเอกับอีกฝ่าย ผมยอมรับว่าครั้งนั้นทันทีที่เห็นคือสติหลุดมาก สิ่งที่ผมพูดออกมาเต็มไปด้วยการประชดประชันเธอ เราทั้งสองต่างมีปากเสียงกันแต่ก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงต่อกัน เธอจึงเดินออกจากห้องไปในชุดนอน เพื่อสงบสติอารมณ์อยู่กับรุ่นน้องผู้หญิงที่ทำงานด้วยกัน ในขณะนั้นผมเองก็พยายามสงบสติอารมณ์อยู่ที่ห้องของเรา เวลาผ่านไปนานเกือบ 30 นาที ผมใจเย็นลงแล้วรีบติดต่อเอ ผมขอให้กลับมาคุยกันดีๆ ผมพร้อมให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น จนสุดท้ายเอจึงให้ผมไปรับกลับในคืนนั้น หลังจากที่เรากลับมาผมจึงกอดเธอและบอกกับเธอว่าผมจะยังอยู่ตรงนี้ ขอให้ลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นปล่อยให้มันเป็นอดีต และขอให้เลิกติดต่อผู้ชายคนนั้นซะ เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจต่อไป แน่นอนว่าเธอตกลง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแล้วจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก และใช้ชีวิตตามปกติของมนุษย์เงินเดือนในเมืองกรุงทั่วไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่