เนื่องจากผมลองอ่านบันทึกของฝั่งยุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็พบว่าเขาไม่ค่อยชอบการโกงกินของคนไทยสมัยนั้น เช่นกรณีนายเฮนรี เบอร์นีก็เจออุปสรรคจากข้าราชการไทยมากมาย หรือบันทึกของหมอกิศลับ(คาร์ล กุตสลาฟ) ก็กล่าวไว้ว่าชาวสยามไม่มีความซื่อสัตย์ หลอกลวงและทรยศ และบันทึกอื่น ๆ ที่ผมเคยอ่านผ่านตาก็มักไม่ชอบการทำงานของรัฐบาลไทยสมัยนั้นกัน
แต่พอผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์ฝั่งยุโรปจากทั้งห้องเรียนและในเน็ต ก็มักจะมองว่ายุโรปในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเป็นตัวร้ายของโลกเพราะล่าอาณานิคมและกดขี่ชนพื้นเมือง หรือคนในทวีปยุโรปเองก็มีการใช้แรงงานเด็กและผู้หญิงในโรงงาน ชนชั้นล่างใช้ชีวิตอย่างอดอยาก ในขณะที่ชนชั้นบนก็อิ่มหนำสำราญจนขนาดคาร์ลมาร์กซ์ยังเอามาเขียนหนังสือได้ หรือแม้แต่อิตาลีเองก็มีระบบมาเฟียเกิดขึ้นแล้วแถมยังใช้เงินซื้อตำรวจได้อีก
และนั่นก็ทำให้ผมสงสัยว่าแล้วไทยสมัยรัตนโกสินทร์ กับ ยุโรปในศตวรรษที่19 ที่ไหนมีการโกงกินมากกว่ากัน แล้วทำไมคนยุโรปสมัยนั้นถึงยังไม่ชาชินกับการโกงกินทั้งที่ในประเทศพวกเขาก็มีเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปล. อยากทราบเพิ่มเติมว่าระหว่างบันทึกของร.5ที่เสด็จเยือนอังกฤษ กับ หนังสือของคาร์ลมาร์กซ์ที่พูดถึงเรื่องแรงงานในอังกฤษ อันไหนน่าเชื่อถือกว่ากันครับ แล้วทำไมทั้งสองท่านถึงเขียนออกมาไปคนละทางเลยหรือครับ
อยากทราบว่าไทยสมัยรัตนโกสินทร์ กับ ยุโรปในศตวรรษที่19 ที่ไหนมีการโกงกินมากกว่ากัน
แต่พอผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์ฝั่งยุโรปจากทั้งห้องเรียนและในเน็ต ก็มักจะมองว่ายุโรปในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเป็นตัวร้ายของโลกเพราะล่าอาณานิคมและกดขี่ชนพื้นเมือง หรือคนในทวีปยุโรปเองก็มีการใช้แรงงานเด็กและผู้หญิงในโรงงาน ชนชั้นล่างใช้ชีวิตอย่างอดอยาก ในขณะที่ชนชั้นบนก็อิ่มหนำสำราญจนขนาดคาร์ลมาร์กซ์ยังเอามาเขียนหนังสือได้ หรือแม้แต่อิตาลีเองก็มีระบบมาเฟียเกิดขึ้นแล้วแถมยังใช้เงินซื้อตำรวจได้อีก
และนั่นก็ทำให้ผมสงสัยว่าแล้วไทยสมัยรัตนโกสินทร์ กับ ยุโรปในศตวรรษที่19 ที่ไหนมีการโกงกินมากกว่ากัน แล้วทำไมคนยุโรปสมัยนั้นถึงยังไม่ชาชินกับการโกงกินทั้งที่ในประเทศพวกเขาก็มีเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้