เรื่อง : หมู่บ้านนี้ไม่มีกระทือ (ท่อนที่๒)

กระทู้สนทนา
เรื่อง : หมู่บ้านนี้ไม่มีกระทือ (ท่อนที่๒)
โดย : ละเว้

“อย่าเอ็ดไป ตรงนี้ก็มีฅนนึงหนะเสี่ยเหมืองพลอย” อาจิตรทำเสียงกระเซ้า พ่อได้แต่ยิ้มและพูดออกมาเบา ๆ เช่นเคย

“เสี่ยเส่อที่ไหนไม่มีแล้ว หมดพลอยก็กลับมาเหมือนเก่า จนยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย เหลือแต่ตัวกับบ้านหลังเดียวนี่แหละ ที่ทางก็เหลือไม่เท่าไร แถมมีแต่ดินแดงกับบ่อน้ำ ทำอะไรก็ไม่ได้”

“แล้วไอ้แย็กนี่ก็อยู่แบบนี้แหละหน่า” อาปึ่งมองแย็ก  หรือเรือรบของผมผ่านหน้าต่างบ้านแล้วหันมาถาม

“เออ ว่าจะขายก็ยังเสียดาย” พ่อตอบ

“เก็บไว้นึกถึงอดีตบ้างก็ดี” อาปึ่งบอกขึ้นอีก “จ้ะได้รู้ว่าที่นี่เคยเป็นเมืองเพชรเมืองพลอยมาก่อน”

พ่อกลับหันมองหน้าบ้านออกไปสักพักจึงหันกลับมา

“จำตอนที่ฟานออกทุ่งแล้วเราวิ่งไล่ตามกันได้หรือเปล่า รู้ว่าตามไม่ทันแต่เอ็งก็ยังวิ่งจนตกน้ำตกท่า” และกลับเปลี่ยนเรื่องคุยเสียอย่างนั้น อาปึ่งหัวเราะออกมากับคำถาม

“ยังจำได้อีกเหร่อ เรื่องมันตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ยังเด็กกันอยู่เลย”

“เออ ก็เล่าเรื่องเก่า ๆ ให้ไอ้ม้ากมันฟังก็เลยนึกได้ จ้ะว่าไปนี่ทุกวันนี้ แทนที่จ้ะคิดถึงตอนทำเหมือง ข้ากลับอดนึกถึงตอนเป็นเด็กทำนาไม่ได้เลยว่ะ” พ่อพูดพลางหันมองเนินหน้าบ้านออกไปอีก

“แล้วไม่ได้ทำอะไรเหร่อวันนี้” อาปึ่งหันมาถามเหมือนเพิ่งนึกได้

“อยู่นี่มันจะมีอะไรทำนักเล่า มีแต่ดินแดง ๆ แบบนี้ ว่าจะไปหางานแถวเกาะช้างแถวร่ะยอง แต่ก็ห่วงบ้าน เลยหาอะไรทำก๊อกแก๊กอยู่แถวนี้แหละ มีบ้างไม่มีบ้าง” พ่อตอบ

“อ้อ ได้ยินว่ามีฅนจ้ะมาทำสวนปาล์มใหญ่โตที่นี่ ถ้าปลูกได้จริงอีกหน่อยฅนแถวนี้ก็พอมีงานทำกันแล้วมั้ง” อาปึ่งพูดขึ้น

“พวกเสี่ยๆ จากที่อื่นน่ะ บางฅนก็บอกว่าพวกนี้เป็นลูกน้องนักการเมืองอีกที ก็ดี มีสวนปาล์มก็น่าจะดีกว่าดินแเดง ๆ อย่างน้อยฅนบ้านเราก็คงมีงานทำกันบ้าง แม้จะต้องเป็นลูกจ้างทำงานในที่ดินที่เคยเป็นของตัวเอง ยังไงก็ดีกว่าออกนอกบ้าน ข้าถึงยังไม่อยากไปไหนไง แก่แล้วด้วย” พ่อตอบกลับไปยืดยาวและยิ้มจาง ๆ ออกมา
.
เมื่อตะวันใกล้ค่ำฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี ผมกับไอ้มอสนั่งทอดสายตากันอยู่ที่เดิม บนแย็กเก่าหรือเรือรบของเรานี่แหละ

“พ่อข้าบอกว่าเมื่อก่อนหลังฝนตกนะ พ่อข้าชอบออกไปหาพลอยลอยกลางทุ่ง” ไอ้มอสบอกกับผม พลอยลอยของมันก็คือพลอยที่เราเจอได้เองตามผิวดิน โดยเฉพาะหลังฝนตก 

หมู่บ้านของเราเคยมีพลอยมากมายขนาดนั้นจริง ๆ พ่อบอกว่าถึงพลอยจะมีเยอะแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่เคยพอกับความต้องการของฅนเรา ต่างหาวิธีให้ได้พลอยมากขึ้น และเร็วขึ้น จากที่เคยใช้ชะแลงหาขุดแร่มาร่อนในตะแกรงไม้ไผ่ ก็เปลี่ยนมาใช้ตะแกรงเหล็กที่เรียกว่าโละ  ใช้เครื่องสูบน้ำฉีดน้ำใส่แทนการร่อน แล้วก็มีแย็กที่ดูจะเป็นอุตสาหกรรมใหญ่โต

แต่ยังไม่พอแค่นั้น พวกเขายังมีเครื่องโม่ที่หาพลอยได้เร็วครั้งละมาก ๆ อีกด้วย เพราะเป็นการใช้แบ็กโฮตักใส่โดยตรง ในที่สุดพลอยก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว เร็วกว่าทุกฅนจะทันตั้งตัว

“ถ้าที่นี่มีพลอยเหมือนเดิมอีกก็ดีนะ ข้าจะเดินหาทุกวันเลย ได้เม็ดใหญ่ ๆ ก็จะเอาไปขาย” ไอ้มอสยังคงพูดต่อ ผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรมัน กำลังนิ่งนึกภาพความวุ่นวายของการทำเหมืองจากที่ได้ฟังมา นึกถึงพ่อที่เคยเป็นเสี่ยเหมืองพลอย เคยคุมฅนงานฉีดแร่หาพลอย นึกภาพพ่อไล่ควายไถนาตอนเด็กแล้วยิ้มได้ อยากไล่ควายไถนา วิ่งเล่นกลางทุ่งกลางท่าแบบพ่อบ้าง อดคิดถึงภาพเก้งกวางรอบบ้านไม่ได้ นึกถึงอาปึ่งไล่เก้งจนตกน้ำทำให้ผมต้องขำในใจ 
ทุกภาพทุกเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นบนฉากดินแดงว่างเปล่าตรงหน้าผมนี่เอง

.
วันนี้พ่อเริ่มขุดหลุมปลุกกระทือของท่านใหม่ตามคำแนะนำของอาปึ่ง อาปึ่งบอกว่าต้องปลูกอย่าห่างต้นมะม่วงนัก ให้มันได้รับร่มบ้าง พ่อขุดหลุมเป็นวงกว้างตามที่อาปึ่งบอก ดินที่คุ้ยขึ้นมาพ่อก็บี้จนแหลกป่นแล้วคลุกกับปุ๋ยคอก อาปึ่งบอกว่าที่นี่มันไม่มีหน้าดินเหลืออยู่แล้ว ดินที่มีเป็นดินแข็ง พ่อต้องคอยหมั่นพรวนให้มันร่วนซุย พ่อเอาปุ๋ยคอกรองก้นหลุมก่อนเอากระทือลงปลูก ดินไม่มีปุ๋ยแบบนี้ก็ต้องยอมเปลืองปุ๋ยหน่อย แต่เป็นปุ๋ยคอกจะดีกว่า ปุ๋ยเคมียิ่งทำให้ดินแข็ง อาปึ่งบอกกับพ่อแบบนั้น พ่อเหยียบดินรอบโคนพอให้แน่น ปล่อยปากหลุมให้ต่ำอยู่สักหน่อยแล้วหาเศษหญ้ามาถม ข้างแก้มของพ่อย่นตามรอยยิ้มขณะรดน้ำให้มัน ผมเห็นความหวังซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น.

-จบ-



*****
พูดจาภาษาตราด
สี=คำลงท้าย (คนตราดบางพื้นที่พูด ฮิ แต่บ้านผมใช้สีแทน)
สงาด (สะหงาด) =มาก/เต็มที่
โหวย=โว้ยแบบสุภาพ (ใช้ในเชิงตัดพ้อ)
เช่ด=หมด/เกลี้ยง ใช้พูดเมื่อต้องการเน้น ใช้คู่กับหมดหรือเกลี้ยงเป็น หมดเช่ด เกลี้ยงเช่ด หรือใช้ เช่ด คำเดียวก็ได้
ด็อก=ดอก/หรอก
เสงิด (สะเหงิด) =เห่อตาม อยากทำตาม
ดูดู๋=ดูสิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่