‘เด็กก้าวไกล’ ชูป้ายกลางสภาฯ ตามหา ‘พัชรวาท’ หลังไม่มาตอบกระทู้
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/389277
วันนี้ (29 ก.พ.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป ปรากฎ ว่า นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ประธานในที่ประชุมได้แจ้งเลื่อนทั้งหมด เพราะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่มาตอบกระทู้เช่น ตั้งกระทู้ถาม เรื่องปัญหาช้างป่ากับประชาชน ถามพล.ต.อ.
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่รัฐมนตรีติดภารกิจเร่งด่วน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ทำให้นาย
ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ผู้ถามกระทู้ ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความไม่พอใจ เพราะถูกเลื่อนมาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และสัญญาว่าจะมาตอบในวันนี้ แต่เลื่อนอีกแล้ว ผมไม่เข้าใจ เพราะ เลื่อน มา 4 ครั้งแล้ว ตนจึงไม่เข้าใจว่าท่านตอบไม่ได้ หรือทำไม่ได้ หรือ ท่านนายกฯต้องมาตอบเอง ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมอยากกระตุ้นให้รัฐมนตรีทำงาน ปัญหาเรื่องช้างป่ามีคนตายไป 207 รายแล้ว มีช้างตายไปแล้ว 190 ตัว ( ถ้าตายเรียกตัว ถ้ายังชีวิตเรียกเชือก ) สงสัยจริงๆ ความเสียหายขนาดนี้ แก้ปัญหาไม่ได้เหรอครับ จะต้องให้มีคนตายอีกกี่คน เอาให้เลือดท่วมกระทรวงเลยมั้ยครับ
นี่ถือเป็นโอกาสในการแถลงผลงานรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การปรับแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน ตนจึงขอฝากชื่อรัฐมนตรี เผื่อจะใช้ในการปรับ ครม. ใกล้แล้วละครับ ไม่รู้จะเกรงใจรัฐมนตรีพวกนี้ไปทำไม เกรงใจประชาชนเถอะครับ เขาเลือกพวกเรามา ตนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนต้องตั้งกระทู้ถามเพื่อนสมาชิกที่เป็นพี่ชายของรัฐมนตรี พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่รู้ว่าท่านอยู่ห้องหลังบัลลังค์ ที่เขาครอบครองปรปักษ์กันอยู่หรือเปล่า แต่ไม่เห็นเซ็นชื่อนะครับ ก็คงไม่ได้มา ถ้าคิดว่าเป็นการพาดพิง ท่านก็มาชี้แจงในห้องได้ คนเขาถามมาว่า พี่ชายเป็นประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด น้องชายคุมกระทรวงทรัพยากร จนตอนนี้เขาสงสัยใครเอาช้างมาปล่อย ถ้าคิดว่าพาดพิงก็มาเลยครับ ตนเคยเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วให้ เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ หรือตั้ง รัฐมนตรีช่วยก็ได้ เพราะทำงานกันแบบนี้ กรอบทำงานของกระทรงงทรัพย์มีเยอะแยะมากมาย ตนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
จากนั้น นาย
ชุติพงศ์ ได้นำภาพที่มีลักษณะหมายจับของต่างประเทศโดยมี ภาพของ พล.ต.อ.
พัชรวาท เขียนข้อความว่า WANTED
หมออ๋องเดือด! จ่อบุกทำเนียบฯ ทวงถาม ‘เศรษฐา’ ดองกม.นานครึ่งปี ไม่ยอมเซ็น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8117858
หมออ๋อง เดือด จ่อบุกทำเนียบรัฐบาล เหตุร่าง กม.ถูกดอง ‘เศรษฐา’ ไม่ยอมเซ็น อ้างรอฟังความเห็น บอกนานสุดครึ่งปีแล้ว โอดทำได้แค่แถลง ถามเป็นเทคนิคทำให้เป็นหมันหรือไม่ ย้ำนิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แถลงถึงร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน ที่ยังไม่บรรจุในวาระการประชุมสภาฯ ว่า สถานะของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ที่ยังรอ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลงนามรับรอง มีทั้งหมด 31 ฉบับ
ฉบับที่รอความเห็นนานที่สุด คือ ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. …. เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล จำนวน 6 เดือน 11 วัน, ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. เสนอโดยนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จำนวน 6 เดือน 4 วัน
ทั้งนี้ ไม่ได้มีร่างของฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. เสนอโดยนาย
สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย จำนวน 5 เดือน 25 วัน และร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. ของนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย จำนวน 4 เดือน 17 วัน
“
ผมทำได้เพียงนำข้อเท็จจริงเหล่านี้มาแถลง นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ากฎหมายที่เสนอโดย สส. ตอนนี้ทำได้เพียงเสนอกฎหมายที่ไม่ได้เป็นร่างการเงิน ซึ่งการตีความว่าเป็นทางการเงินนั้น ครอบคลุมได้หลายมิติมาก ไม่ว่าการเปิดกองทุน การเพิ่มภาระงานบางอย่าง ฉะนั้น เรื่องนี้จะทำให้ผมอยากมีความเห็นต่อสาธารณะว่าเรามีความคิดว่ารัฐบาลต้องจริงใจกว่านี้ในการส่งทางการเงินเข้ามาถกเถียงที่สภาฯ” นาย
ปดิพัทธ์ กล่าว
นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าร่างการเงินเหล่านี้กระทบฝ่ายบริหาร แต่ถ้าหน่วยงานไม่รับรองแล้วตนส่งเรื่องไปทวงถามสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหลายรอบแล้วว่าติดที่หน่วยงานไหน ปรากฏว่าไม่เคยได้รับคำตอบ แล้วถ้าหน่วยงานหนึ่งไม่ส่งคำตอบสักหน่วยงาน ร่างของ สส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนจะไม่มีวันได้บรรจุเข้าสภาฯ
“
เรื่องนี้สำคัญ สิ่งที่เราบอกชัดเจนว่าสภานิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล แต่การพิจารณากฎหมาย เป็นงานที่พวกเราทำได้ กลับถูกเทคนิคหรือไม่ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ส่งความเห็นให้นายกฯ หรือทำเป็นไม่ส่งความเห็น เพื่อทำให้ร่างที่จะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหน่วยงานของตัวเองเป็นหมันไป” นาย
ปดิพัทธ์ กล่าว
นาย
ปดิพัทธ์ ระบุว่า วันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) ตนและสำนักรองประธานสภาคนที่หนึ่งจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อพูดคุยปัญหาเรื่องนี้โดยตรงกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)
“
เราพยายามจะเข้าพบหลายครั้งแล้ว ที่จริงจะเข้าไปวันศุกร์ที่แล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ ทำให้ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองว่าไม่มีใครอยู่ แปลว่าอะไร ผมต้องการพบผู้ที่รับผิดชอบด้านกฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้ไปพบเพื่อกระทบกระทั่ง แต่พบเพื่อประสานความร่วมมือ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลยังทำงานแบบนี้ เราจะเห็นว่า กฎหมายจำนวนมากที่สส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเสนอนั้น ไม่สามารถเข้าสภาได้” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ส.ส.อยุธยา คาใจผลเชิงลบ ‘สถานีอยุธยา’ 5 ข้อ จี้คมนาคมแจงสังคม หวังร่วมกันพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4448767
ส.ส.อยุธยา คาใจผลเชิงลบ ‘สถานีอยุธยา’ 5 ข้อ จี้คมนาคมแจงสังคม หวังร่วมกันพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ
สืบเนื่องกณี สำนักงานสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ทำหนังสือถึง รฟท. ให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ของสถานีอยุธยา ซึ่งเป็นเนื่องานอยู่ในสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ของโครงการถไฟความเร็งสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา
โดยวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นาย
ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล ได้ยื่นวาระกระทู้แยกถาม นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่อง “
ปัญหาเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงพระนครศรีอยุธยา” ซึ่ง นาย
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับมอบหมายเป็นผู้ตอบกระทู้แทนไปแล้วนั้น
ต่อมาล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งคำถาม 5 ข้อ ซึ่งยังตอบไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลประเมิน HIA สถานีอยุธยา ที่มีสร้างกระทบเชิงลบสูงและขอให้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวต่อสังคม
นาย
ทวิวงศ์กล่าวว่า ตนได้ตั้งกระทู้ถามกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสถานีอยุธยา ที่จำเป็นต้องมีการประเมินรายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ซึ่งเป็นการประเมินคุณค่าอันโดดเด่นของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยหลังจากที่ผลการประเมินออกมาในผลกระทบเชิงลบ ที่มีการนำเสนอผลกระทบด้านคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) ที่รายงานถึงผลกระทบในเชิงลบที่รุนแรง กับมรดกทางวัฒนธรรมของอยุธยานั้น
“
คุณค่าที่แท้จริงและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือ อัตลักษณ์ของผังเมืองโบราณที่วิจิตรงดงาม อย่างกรุงศรีอยุธยา ที่ประกอบไปด้วย ผังคลอง ผังระบบการจัดการน้ำโบราณ ผังเมืองอันน่าตื่นตา และสมกับการเป็นมรดกโลก รวมถึงผังการตั้งถิ่นฐานของหมู่บ้านชาวต่างชาติในสมัยนั้น นี่คุณค่าและลักษณะอันโดดเด่นระดับสากล ที่ควรค่าแก่การจะรักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ของชาติเรา รอวันให้เราได้ค้นหาและอนุรักษ์สร้างเสริมองค์ความรู้ให้กับสังคม อีกทั้งยังสร้างเสริมประสบการณ์ด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของชาติไทย เราให้ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” นาย
ทวิวงศ์กล่าว
นาย
ทวิวงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการประเมินการก่อสร้างของสถานีอยุธยา เมื่อมีการประเมินแล้วมีผลกระทบหลายด้าน ส่วนตัวแล้วมีข้อกังวลใจและความห่วงใยอย่างยิ่ง หากว่าโครงการขนาดใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในหลายมิติ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการออกแบบและพัฒนาพื้นที่ รอบสถานีขนส่งสาธารณะ (TOD) เพื่อการสร้างเมืองที่สามารถแก้ปัญหา และนำพาความเจริญอย่างมีอารยะ เข้าสู่เมืองอยุธยาที่มีคุณค่าอย่างหาประเมินค่ามิได้
รวมถึง นาย
ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งข้อสงสัยดังนี้
1. จากการประเมิน HIA สัญญาว่าจ้าง (TOR) กำหนดให้ทำการประเมินเพียงทางเลือกเดียวและไม่มีทางเลือกอื่น คมนาคมจะมีแนวทางทางเลือกอื่นหรือไม่ อย่างไร?
2. จากการศึกษาของ สนข. แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งสาธารณะ (TOD) แต่การประเมินผลกระทบ มีแต่การประเมินตัวสถานีและรางเพียงเท่านั้น ทำไมคมนาคมถึงไม่ทำการประเมิน HIA ครอบคลุมทุกมิติ?
3. คมนาคมจะแก้ปัญหาผลการประเมิน HIA ที่แสดงถึงผลกระทบเชิงลบในระดับสูง ด้านคุณค่าโดดเด่นระดับสากลอย่างไร?
4. คมนาคมจะบูรณาการทำงานร่วมกับกรมศิลปากรอย่างไร?
5. รฟท.จะมีทางออกแบบสถานีอย่างไร ที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์เมืองมรดกโลก เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นาย
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระในพื้นที่จังหวัดอยุธยา จังหวัดสระบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม ซึ่งต้องรอการชี้แจงต่อไป
คนเลี้ยงสุกรวอนรัฐช่วยด่วน - เจ๊งหนัก หวั่นวงการหมูไทยไปไม่รอด
https://www.khaosod.co.th/economics/news_8118127
ขอร้องรัฐบาลพิจารณานำกลไกตลาดและโครงสร้างต้นทุนมาใช้ เพื่อยกระดับราคาหมูในประเทศให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังสูงและราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มยังไม่สามารถแตะต้นทุนที่ 80 บาทต่อกิโลกรัมได้ ซ้ำร้ายโดนราคาประกาศของราชการปรับลดสองสัปดาห์ต่อเนื่องรวม 4 บาทต่อกิโลกรัม
นาย
สุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2567 เกษตกร ผู้เลี้ยงหมูคาดหวังว่าราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มจะปรับขึ้นสู่ระดับ 80 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ช่วงก่อนตรุษจีนที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากผลผลิตจากการฟื้นฟูฟาร์มหลังโรคระบาด ASF ออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับหมูเถื่อนยังถูกลักลอบระบายออกจากห้องเย็นมาสมทบกับผลผลิตหมูไทย ทำให้หมูล้นตลาดและกดราคาในประเทศจนต่ำกว่าต้นทุน
เกษตรกรจึงต้องอยู่ในสภาพขาดทุนต่อเนื่อง ที่สำคัญหมูเถื่อนซึ่งมีผลต่อราคาตกต่ำในขณะนี้ ยังไม่สามารถปราบปรามให้หมดได้ ดังนั้นสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในประกาศลดราคาแนะนำหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มต่อเนื่องรวม 4 บาทต่อก.ก. โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ 64 บาทต่อก.ก. ขณะที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปรับราคาคละสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มขึ้น 2 บาท อยู่ที่ 66 บาทต่อก.ก. นอกจากจะเป็นราคาที่ไม่คุ้มทุนของเกษตรกรแล้ว ยังเป็นราคาที่ทำให้เกษตรกรขาดทุนสะสมเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เกษตรกรต้องอดทนแบกขาดทุนสะสมมานานกว่า 11 เดือนแล้ว
JJNY : 5in1 ตามหา ‘พัชรวาท’│หมออ๋องเดือด! ทวงถาม│ส.ส.อยุธยา คาใจ‘สถานีอยุธยา’│คนเลี้ยงสุกรวอนรัฐช่วย│ปูตินแบะท่าคุยมะกัน
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/389277
วันนี้ (29 ก.พ.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป ปรากฎ ว่า นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ประธานในที่ประชุมได้แจ้งเลื่อนทั้งหมด เพราะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่มาตอบกระทู้เช่น ตั้งกระทู้ถาม เรื่องปัญหาช้างป่ากับประชาชน ถามพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่รัฐมนตรีติดภารกิจเร่งด่วน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ทำให้นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ผู้ถามกระทู้ ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความไม่พอใจ เพราะถูกเลื่อนมาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และสัญญาว่าจะมาตอบในวันนี้ แต่เลื่อนอีกแล้ว ผมไม่เข้าใจ เพราะ เลื่อน มา 4 ครั้งแล้ว ตนจึงไม่เข้าใจว่าท่านตอบไม่ได้ หรือทำไม่ได้ หรือ ท่านนายกฯต้องมาตอบเอง ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมอยากกระตุ้นให้รัฐมนตรีทำงาน ปัญหาเรื่องช้างป่ามีคนตายไป 207 รายแล้ว มีช้างตายไปแล้ว 190 ตัว ( ถ้าตายเรียกตัว ถ้ายังชีวิตเรียกเชือก ) สงสัยจริงๆ ความเสียหายขนาดนี้ แก้ปัญหาไม่ได้เหรอครับ จะต้องให้มีคนตายอีกกี่คน เอาให้เลือดท่วมกระทรวงเลยมั้ยครับ
นี่ถือเป็นโอกาสในการแถลงผลงานรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การปรับแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน ตนจึงขอฝากชื่อรัฐมนตรี เผื่อจะใช้ในการปรับ ครม. ใกล้แล้วละครับ ไม่รู้จะเกรงใจรัฐมนตรีพวกนี้ไปทำไม เกรงใจประชาชนเถอะครับ เขาเลือกพวกเรามา ตนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนต้องตั้งกระทู้ถามเพื่อนสมาชิกที่เป็นพี่ชายของรัฐมนตรี พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่รู้ว่าท่านอยู่ห้องหลังบัลลังค์ ที่เขาครอบครองปรปักษ์กันอยู่หรือเปล่า แต่ไม่เห็นเซ็นชื่อนะครับ ก็คงไม่ได้มา ถ้าคิดว่าเป็นการพาดพิง ท่านก็มาชี้แจงในห้องได้ คนเขาถามมาว่า พี่ชายเป็นประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด น้องชายคุมกระทรวงทรัพยากร จนตอนนี้เขาสงสัยใครเอาช้างมาปล่อย ถ้าคิดว่าพาดพิงก็มาเลยครับ ตนเคยเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วให้ เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ หรือตั้ง รัฐมนตรีช่วยก็ได้ เพราะทำงานกันแบบนี้ กรอบทำงานของกระทรงงทรัพย์มีเยอะแยะมากมาย ตนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
จากนั้น นายชุติพงศ์ ได้นำภาพที่มีลักษณะหมายจับของต่างประเทศโดยมี ภาพของ พล.ต.อ.พัชรวาท เขียนข้อความว่า WANTED
หมออ๋องเดือด! จ่อบุกทำเนียบฯ ทวงถาม ‘เศรษฐา’ ดองกม.นานครึ่งปี ไม่ยอมเซ็น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8117858
หมออ๋อง เดือด จ่อบุกทำเนียบรัฐบาล เหตุร่าง กม.ถูกดอง ‘เศรษฐา’ ไม่ยอมเซ็น อ้างรอฟังความเห็น บอกนานสุดครึ่งปีแล้ว โอดทำได้แค่แถลง ถามเป็นเทคนิคทำให้เป็นหมันหรือไม่ ย้ำนิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แถลงถึงร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน ที่ยังไม่บรรจุในวาระการประชุมสภาฯ ว่า สถานะของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ที่ยังรอ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลงนามรับรอง มีทั้งหมด 31 ฉบับ
ฉบับที่รอความเห็นนานที่สุด คือ ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. …. เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล จำนวน 6 เดือน 11 วัน, ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. เสนอโดยนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จำนวน 6 เดือน 4 วัน
ทั้งนี้ ไม่ได้มีร่างของฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. เสนอโดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย จำนวน 5 เดือน 25 วัน และร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย จำนวน 4 เดือน 17 วัน
“ผมทำได้เพียงนำข้อเท็จจริงเหล่านี้มาแถลง นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ากฎหมายที่เสนอโดย สส. ตอนนี้ทำได้เพียงเสนอกฎหมายที่ไม่ได้เป็นร่างการเงิน ซึ่งการตีความว่าเป็นทางการเงินนั้น ครอบคลุมได้หลายมิติมาก ไม่ว่าการเปิดกองทุน การเพิ่มภาระงานบางอย่าง ฉะนั้น เรื่องนี้จะทำให้ผมอยากมีความเห็นต่อสาธารณะว่าเรามีความคิดว่ารัฐบาลต้องจริงใจกว่านี้ในการส่งทางการเงินเข้ามาถกเถียงที่สภาฯ” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าร่างการเงินเหล่านี้กระทบฝ่ายบริหาร แต่ถ้าหน่วยงานไม่รับรองแล้วตนส่งเรื่องไปทวงถามสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหลายรอบแล้วว่าติดที่หน่วยงานไหน ปรากฏว่าไม่เคยได้รับคำตอบ แล้วถ้าหน่วยงานหนึ่งไม่ส่งคำตอบสักหน่วยงาน ร่างของ สส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนจะไม่มีวันได้บรรจุเข้าสภาฯ
“เรื่องนี้สำคัญ สิ่งที่เราบอกชัดเจนว่าสภานิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล แต่การพิจารณากฎหมาย เป็นงานที่พวกเราทำได้ กลับถูกเทคนิคหรือไม่ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ส่งความเห็นให้นายกฯ หรือทำเป็นไม่ส่งความเห็น เพื่อทำให้ร่างที่จะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหน่วยงานของตัวเองเป็นหมันไป” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ ระบุว่า วันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) ตนและสำนักรองประธานสภาคนที่หนึ่งจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อพูดคุยปัญหาเรื่องนี้โดยตรงกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)
“เราพยายามจะเข้าพบหลายครั้งแล้ว ที่จริงจะเข้าไปวันศุกร์ที่แล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ ทำให้ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองว่าไม่มีใครอยู่ แปลว่าอะไร ผมต้องการพบผู้ที่รับผิดชอบด้านกฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้ไปพบเพื่อกระทบกระทั่ง แต่พบเพื่อประสานความร่วมมือ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลยังทำงานแบบนี้ เราจะเห็นว่า กฎหมายจำนวนมากที่สส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเสนอนั้น ไม่สามารถเข้าสภาได้” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ส.ส.อยุธยา คาใจผลเชิงลบ ‘สถานีอยุธยา’ 5 ข้อ จี้คมนาคมแจงสังคม หวังร่วมกันพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4448767
ส.ส.อยุธยา คาใจผลเชิงลบ ‘สถานีอยุธยา’ 5 ข้อ จี้คมนาคมแจงสังคม หวังร่วมกันพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ
สืบเนื่องกณี สำนักงานสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ทำหนังสือถึง รฟท. ให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ของสถานีอยุธยา ซึ่งเป็นเนื่องานอยู่ในสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ของโครงการถไฟความเร็งสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา
โดยวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล ได้ยื่นวาระกระทู้แยกถาม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่อง “ปัญหาเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงพระนครศรีอยุธยา” ซึ่ง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับมอบหมายเป็นผู้ตอบกระทู้แทนไปแล้วนั้น
ต่อมาล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งคำถาม 5 ข้อ ซึ่งยังตอบไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลประเมิน HIA สถานีอยุธยา ที่มีสร้างกระทบเชิงลบสูงและขอให้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวต่อสังคม
นายทวิวงศ์กล่าวว่า ตนได้ตั้งกระทู้ถามกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสถานีอยุธยา ที่จำเป็นต้องมีการประเมินรายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ซึ่งเป็นการประเมินคุณค่าอันโดดเด่นของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยหลังจากที่ผลการประเมินออกมาในผลกระทบเชิงลบ ที่มีการนำเสนอผลกระทบด้านคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) ที่รายงานถึงผลกระทบในเชิงลบที่รุนแรง กับมรดกทางวัฒนธรรมของอยุธยานั้น
“คุณค่าที่แท้จริงและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือ อัตลักษณ์ของผังเมืองโบราณที่วิจิตรงดงาม อย่างกรุงศรีอยุธยา ที่ประกอบไปด้วย ผังคลอง ผังระบบการจัดการน้ำโบราณ ผังเมืองอันน่าตื่นตา และสมกับการเป็นมรดกโลก รวมถึงผังการตั้งถิ่นฐานของหมู่บ้านชาวต่างชาติในสมัยนั้น นี่คุณค่าและลักษณะอันโดดเด่นระดับสากล ที่ควรค่าแก่การจะรักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ของชาติเรา รอวันให้เราได้ค้นหาและอนุรักษ์สร้างเสริมองค์ความรู้ให้กับสังคม อีกทั้งยังสร้างเสริมประสบการณ์ด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของชาติไทย เราให้ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” นายทวิวงศ์กล่าว
นายทวิวงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการประเมินการก่อสร้างของสถานีอยุธยา เมื่อมีการประเมินแล้วมีผลกระทบหลายด้าน ส่วนตัวแล้วมีข้อกังวลใจและความห่วงใยอย่างยิ่ง หากว่าโครงการขนาดใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในหลายมิติ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการออกแบบและพัฒนาพื้นที่ รอบสถานีขนส่งสาธารณะ (TOD) เพื่อการสร้างเมืองที่สามารถแก้ปัญหา และนำพาความเจริญอย่างมีอารยะ เข้าสู่เมืองอยุธยาที่มีคุณค่าอย่างหาประเมินค่ามิได้
รวมถึง นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งข้อสงสัยดังนี้
1. จากการประเมิน HIA สัญญาว่าจ้าง (TOR) กำหนดให้ทำการประเมินเพียงทางเลือกเดียวและไม่มีทางเลือกอื่น คมนาคมจะมีแนวทางทางเลือกอื่นหรือไม่ อย่างไร?
2. จากการศึกษาของ สนข. แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งสาธารณะ (TOD) แต่การประเมินผลกระทบ มีแต่การประเมินตัวสถานีและรางเพียงเท่านั้น ทำไมคมนาคมถึงไม่ทำการประเมิน HIA ครอบคลุมทุกมิติ?
3. คมนาคมจะแก้ปัญหาผลการประเมิน HIA ที่แสดงถึงผลกระทบเชิงลบในระดับสูง ด้านคุณค่าโดดเด่นระดับสากลอย่างไร?
4. คมนาคมจะบูรณาการทำงานร่วมกับกรมศิลปากรอย่างไร?
5. รฟท.จะมีทางออกแบบสถานีอย่างไร ที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์เมืองมรดกโลก เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระในพื้นที่จังหวัดอยุธยา จังหวัดสระบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม ซึ่งต้องรอการชี้แจงต่อไป
คนเลี้ยงสุกรวอนรัฐช่วยด่วน - เจ๊งหนัก หวั่นวงการหมูไทยไปไม่รอด
https://www.khaosod.co.th/economics/news_8118127
ขอร้องรัฐบาลพิจารณานำกลไกตลาดและโครงสร้างต้นทุนมาใช้ เพื่อยกระดับราคาหมูในประเทศให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังสูงและราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มยังไม่สามารถแตะต้นทุนที่ 80 บาทต่อกิโลกรัมได้ ซ้ำร้ายโดนราคาประกาศของราชการปรับลดสองสัปดาห์ต่อเนื่องรวม 4 บาทต่อกิโลกรัม
นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2567 เกษตกร ผู้เลี้ยงหมูคาดหวังว่าราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มจะปรับขึ้นสู่ระดับ 80 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ช่วงก่อนตรุษจีนที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากผลผลิตจากการฟื้นฟูฟาร์มหลังโรคระบาด ASF ออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับหมูเถื่อนยังถูกลักลอบระบายออกจากห้องเย็นมาสมทบกับผลผลิตหมูไทย ทำให้หมูล้นตลาดและกดราคาในประเทศจนต่ำกว่าต้นทุน
เกษตรกรจึงต้องอยู่ในสภาพขาดทุนต่อเนื่อง ที่สำคัญหมูเถื่อนซึ่งมีผลต่อราคาตกต่ำในขณะนี้ ยังไม่สามารถปราบปรามให้หมดได้ ดังนั้นสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในประกาศลดราคาแนะนำหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มต่อเนื่องรวม 4 บาทต่อก.ก. โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ 64 บาทต่อก.ก. ขณะที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปรับราคาคละสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มขึ้น 2 บาท อยู่ที่ 66 บาทต่อก.ก. นอกจากจะเป็นราคาที่ไม่คุ้มทุนของเกษตรกรแล้ว ยังเป็นราคาที่ทำให้เกษตรกรขาดทุนสะสมเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เกษตรกรต้องอดทนแบกขาดทุนสะสมมานานกว่า 11 เดือนแล้ว