พิธาให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ มั่นใจพรรคก้าวไกลจะชนะสงครามในอนาคต
https://www.nationtv.tv/foreign/378940815
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ แสดงความมั่นใจว่า พรรคก้าวไกลจะชนะสงครามในอนาคต แม้เผชิญความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคและระดับผู้นำพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ว่า “
พวกเขาอาจยุบพรรคของผมได้ แต่ไม่มีทางยุติประวัติศาสตร์ของผม และประวัติศาสตร์ของเรา ตำนานของเรา และชัยชนะของเรา”
เขายืนยันว่า พรรคมีแผนรองรับการผลัดเปลี่ยนผู้บริหารพรรครุ่นใหม่ในอนาคต และบอกด้วยว่า “
แม้อาจแพ้ในสนามรบ แต่เราจะชนะสงคราม”
พรรคก้าวไกลอาจถูกยุบพรรคและผู้นำถูกตัดสิทธิทางการเมือง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ที่อาจนำไปสู่การร้องเรียนดำเนินคดีทางกฎหมาย
เขาเปรียบเทียบการเมืองไทยด้วยคำเดียวว่า “
หวาดระแวงเกินเหตุ” และเพราะความหวาดระแวง ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุผล นอกจากนี้เขาเรียกร้องว่า อย่ามองพรรคก้าวไกลว่า เป็นศัตรูของรัฐสภา แต่ขอให้ใช้พรรคก้าวไกลเป็นสะพานเพื่อสร้างฉันทามติ
เขาบอกด้วยว่า การเมืองไทยยังคงอยู่ในวังวนที่เลวร้าย จึงไม่สามารถให้ความสำคัญกับความท้าทายแท้จริงที่ประเทศเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปการศึกษา ปัญหาสิ่งแวดล้อมและอื่น ๆ
รศ.พิชาย : สถานะ “เพื่อไทย” ไม่เหมือนเดิม แต่ปรับ ครม.แน่ อย่างน้อย 3 กระทรวง เร่งแก้หอยทากติดหล่ม
https://www.matichon.co.th/clips/news_4447402
รศ.ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ใน Politics ถึงกระแสการปรับ ครม. หลังรัฐบาลบริหารมา 6 เดือน ว่า สถานะปัจจุบันเพื่อไทย ไม่เหมือนในอดีต แต่เชื่อว่ามีการปรับ ครม. แน่ ซึ่งประเมินส่วนตัวไว้อย่างน้อย 3 กระทรวง โดยด้านหนึ่งต้องปรับเพื่อเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เหมือนหอยทากติดหล่ม
ส.ว.เสรี แจ้งความ นักข่าวประชาไท คาดทำข่าว แจกใบปลิวบี้ ส.ว.โหวตนายกฯ ที่ตลาดเสรี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4447301
ส.ว.เสรี แจ้งความ นักข่าวประชาไท คาดทำข่าว นักกิจกรรม แจกใบปลิวที่ตลาดเสรี ให้ส.ว.โหวตนายกฯ ตามเสียงประชาชนเมื่อสิงหาฯ 66
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักข่าวประชาไท รายงานว่า นาย
ณัฐพล เมฆโสภณ หรือ เป้ นักข่าว ของประชาไท ได้รับแจ้งจากครอบครัวว่า มีหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาจากสน.พระยาไกร ไปถึงที่บ้าน โดยหมายดังกล่าวระบุว่า เป็นคดีข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ โดยมีผู้แจ้งความดำเนินคดีคือ นาย
เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
นอกจากนายณัฐพลแล้วอาจมีผู้ถูกกล่าวหาคนอื่นอีก เนื่องจากในหมายระบุต่อท้ายชื่อของ
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ต สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำแล้วยังมีการระบุว่า “
และพวก” อีกด้วย
สำนักข่าวประชาไท ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า คดีนี้คาดว่า จะเป็นกรณีเดียวกับที่ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนจาก สน.วัดพระยาไกร เข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ นาย
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ต สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 จากการไปทำกิจกรรมที่ตลาดเสรี 2 ซึ่งมีนาย
เสรี เป็นหุ้นส่วน และเป็นกรรมการผู้อำนาจเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 กิจกรรมดังกล่าวเป็นการเรียกร้องให้ ส.ว.ฟังเสียงประชาชนในการโหวตเลือกนายกฯ โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเก็ต 3 ข้อหาคือ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา-ทำให้เสียทรัพย์-ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และผู้กล่าวหาโสภณคือ
เสรีเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ นาย
ณัฐพลเป็นนักข่าวจากประชาไท ที่ติดตามไปทำข่าวกิจกรรมในวันดังกล่าว โดยกองบรรณาธิการได้เป็นผู้เผยแพร่ข่าวชื่อ “
นักกิจกรรมแจกใบปลิวเรียกร้อง ส.ว. โหวตนายก ตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ที่ตลาดเสรี 2”
JJNY : พิธาให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ│สถานะ “เพื่อไทย” ไม่เหมือนเดิม│สว.แจ้งความ นักข่าวประชาไท│น้ำมันตลาดโลกปิดตลาดร่วงลง
https://www.nationtv.tv/foreign/378940815
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ แสดงความมั่นใจว่า พรรคก้าวไกลจะชนะสงครามในอนาคต แม้เผชิญความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคและระดับผู้นำพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ว่า “พวกเขาอาจยุบพรรคของผมได้ แต่ไม่มีทางยุติประวัติศาสตร์ของผม และประวัติศาสตร์ของเรา ตำนานของเรา และชัยชนะของเรา”
เขายืนยันว่า พรรคมีแผนรองรับการผลัดเปลี่ยนผู้บริหารพรรครุ่นใหม่ในอนาคต และบอกด้วยว่า “แม้อาจแพ้ในสนามรบ แต่เราจะชนะสงคราม”
พรรคก้าวไกลอาจถูกยุบพรรคและผู้นำถูกตัดสิทธิทางการเมือง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ที่อาจนำไปสู่การร้องเรียนดำเนินคดีทางกฎหมาย
เขาเปรียบเทียบการเมืองไทยด้วยคำเดียวว่า “หวาดระแวงเกินเหตุ” และเพราะความหวาดระแวง ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุผล นอกจากนี้เขาเรียกร้องว่า อย่ามองพรรคก้าวไกลว่า เป็นศัตรูของรัฐสภา แต่ขอให้ใช้พรรคก้าวไกลเป็นสะพานเพื่อสร้างฉันทามติ
เขาบอกด้วยว่า การเมืองไทยยังคงอยู่ในวังวนที่เลวร้าย จึงไม่สามารถให้ความสำคัญกับความท้าทายแท้จริงที่ประเทศเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปการศึกษา ปัญหาสิ่งแวดล้อมและอื่น ๆ
รศ.พิชาย : สถานะ “เพื่อไทย” ไม่เหมือนเดิม แต่ปรับ ครม.แน่ อย่างน้อย 3 กระทรวง เร่งแก้หอยทากติดหล่ม
https://www.matichon.co.th/clips/news_4447402
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ใน Politics ถึงกระแสการปรับ ครม. หลังรัฐบาลบริหารมา 6 เดือน ว่า สถานะปัจจุบันเพื่อไทย ไม่เหมือนในอดีต แต่เชื่อว่ามีการปรับ ครม. แน่ ซึ่งประเมินส่วนตัวไว้อย่างน้อย 3 กระทรวง โดยด้านหนึ่งต้องปรับเพื่อเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เหมือนหอยทากติดหล่ม
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักข่าวประชาไท รายงานว่า นายณัฐพล เมฆโสภณ หรือ เป้ นักข่าว ของประชาไท ได้รับแจ้งจากครอบครัวว่า มีหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาจากสน.พระยาไกร ไปถึงที่บ้าน โดยหมายดังกล่าวระบุว่า เป็นคดีข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ โดยมีผู้แจ้งความดำเนินคดีคือ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
นอกจากนายณัฐพลแล้วอาจมีผู้ถูกกล่าวหาคนอื่นอีก เนื่องจากในหมายระบุต่อท้ายชื่อของโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ต สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำแล้วยังมีการระบุว่า “และพวก” อีกด้วย
สำนักข่าวประชาไท ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า คดีนี้คาดว่า จะเป็นกรณีเดียวกับที่ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนจาก สน.วัดพระยาไกร เข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ต สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 จากการไปทำกิจกรรมที่ตลาดเสรี 2 ซึ่งมีนายเสรี เป็นหุ้นส่วน และเป็นกรรมการผู้อำนาจเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 กิจกรรมดังกล่าวเป็นการเรียกร้องให้ ส.ว.ฟังเสียงประชาชนในการโหวตเลือกนายกฯ โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเก็ต 3 ข้อหาคือ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา-ทำให้เสียทรัพย์-ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และผู้กล่าวหาโสภณคือเสรีเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ นายณัฐพลเป็นนักข่าวจากประชาไท ที่ติดตามไปทำข่าวกิจกรรมในวันดังกล่าว โดยกองบรรณาธิการได้เป็นผู้เผยแพร่ข่าวชื่อ “นักกิจกรรมแจกใบปลิวเรียกร้อง ส.ว. โหวตนายก ตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ที่ตลาดเสรี 2”