หรือบางทีเวลาอาจไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย

กระทู้สนทนา
เรื่อง : หรือบางทีเวลาอาจไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย
โดย : ละเว้

ผมว่าผมคุ้นหน้าเด็กหนุ่มฅนนี้อย่างไรบอกไม่ถูก มีความเป็นไปได้ว่าเราอาจเคยเจอกันที่ไหนสักแห่ง หรือบางทีผมอาจแค่คลับคล้ายคลับคลาเขากับใครสักฅน เพียงแต่ยังนึกไม่ออกเท่านั้น

“ครับ ต้องการห้องครับ” กลับเผลอตอบรับคำถามเขาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ความตั้งใจแรกอะไรเลย แต่เอาเถอะ จะว่าไปที่นี่ก็ดูเข้าทีอยู่เหมือนกัน บังกะโลเล็ก ๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมชายหาดเงียบสงบ ดูส่วนตัวทั้งยังคงความเป็นธรรมชาติต่างจากที่อื่นอยู่มาก เพียงแต่ความเป็นธรรมชาติที่ว่านี้อาจหมายถึงความไม่สะดวกสบายต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน 

และถึงแม้จะมองออกว่าสถานที่แห่งนี้พยายามรักษาธรรมชาติเดิม ๆ ไว้แค่ไหน มันก็ยังดูต่างจากเมื่อสักยี่สิบกว่าปีก่อนจนจำแทบไม่ได้อยู่ดี วันเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้จริง ๆ

.
ยังจำได้ดีถึงครั้งแรกกับการเหยียบย่างลงเกาะฝั่งอ่าวไทยนี้ ตอนนั้นมันเปรียบได้กับสาวน้อยแรกรุ่น ยังคงมีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอันเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจต่อบรรดานักท่องเที่ยว การเดินทางมีเพียงเรือรับส่งผู้โดยสารที่ดัดแปลงมาจากเรือประมงของชาวบ้าน เราเรียกกันว่าเรือไม้ ทุกฅนต้องนั่งเบียดเสียดกันมาบนดาดฟ้าซึ่งเต็มด้วยผู้ฅนและสิ่งของ ไม่ว่าจะบรรดาสัมภาระต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าที่แม่ค้าและเจ้าของกิจการบนเกาะซื้อมาขาย มันถูกวางกองรวมปะปนมากับกลุ่มผู้โดยสาร 

อีกหนึ่งความทรงจำคืออาการหิวจนแสบท้อง เมื่อไรจะถึงสักที ผมย้ำคำถามในหัวมาตลอด ด้วยความรีบจึงไม่ได้กินข้าวเช้าก่อนเดินทาง ไม่มีขนมอะไรติดตัวมาแก้หิวเลยด้วย ไม่ได้คิดว่าจะต้องนั่งเรือยาวนานถึงเพียงนี้ สามชั่วโมงทีเดียวกว่าจะถึงจุดหมาย

.
และเพราะชายหาดจุดที่เรามานั้นไม่มีท่าเทียบเรือ ทำให้ต้องนั่งเรือเล็กขึ้นฝั่งกันอีกทอด นั่นถือเป็นความประทับใจแรกของผมต่อที่นี่เลยก็ว่าได้ เมื่อเรือหางยาวพาเราลอยไปบนผิวน้ำ ซึ่งมองเห็นพื้นทรายและกองหินด้านล่างได้อย่างชัดเจน ในระดับน้ำไม่ลึกมากนั้น ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ บ้างสีสันสวยงามอวดโฉมทักทาย นั่นแหละที่ทำให้อดประทับใจไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้มาในฐานะนักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติก็ตาม เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อซึมซับบรรยากาศจากการท่องเที่ยวเหมือนฅนอื่นเขานั่นแหละ อาชีพช่างทาสีต่างหากที่พาเรามาถึงนี่กันได้

ตรงกันข้ามกับธรรมชาติกว้างใหญ่ของที่นี่ คือสังคมที่แคบแบบสังคมชนบททั่วไป ทุกฅนบนเกาะต่างรู้จักกันแทบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่พวกผม ซึ่งที่จริงต้องบอกว่าเป็นฅนต่างถิ่นเสียมากกว่า แต่ไม่ว่าอย่างไร แม้เราเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็รู้จักชาวบ้านร้านตลาดตั้งแต่หัวหาดยันท้ายหาด ทุกร้านทุกบังกะโลในเวลาไม่นานนัก

.
“ไอ้แตนมันท่าจะบ้า อยู่ดี ๆ ก็มาบอกกูว่าคืนนี้หนังฉายเรื่องอะไร กูเคยไปดูรึไง” ภรรยาของผู้รับเหมาทาสี หรือเมียของลูกพี่ผมกำลังพูดเสียงดังกับพวกเราหลังกลับมาจากข้างนอก 

คงไม่ใช่ความคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนักหรอกนะ หากคำพูดบอกเล่าแกมโวยวายนั้นจะทำให้ผมแอบยิ้มคนเดียวได้เช่นกัน...

ยี่สิบกว่าปีก่อนนั้นเกาะแห่งนี้ยังคงมีชายหาดว่างเปล่าให้เราเดินเที่ยวยิงนกตกปลากันได้ บังกะโลและรีสอร์ตต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่บางตานั้น ล้วนสร้างกันอย่างง่ายดายเสียมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ มุงหญ้าคา กั้นด้วยเสื่อหรือไม้ไผ่อะไรสักอย่างที่จักเป็นตอกบาง ๆ สานแบบเสื่อ

ถนนยังคงมีเป็นบางช่วง ไม่มีไฟฟ้าประปาหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด แม้แต่ห้องน้ำยังเป็นห้องน้ำรวม ทุกรีสอร์ตจะต้องมีเครื่องปั่นไฟไว้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า 

สถานบันเทิงนอกจากบาร์เบียร์ซึ่งดูจะเต็มใจต้อนรับฝรั่งมากกว่าฅนไทยแล้ว ก็จะมีแต่การเปิดเพลงเต้นรำตามร้านอาหารในรีสอร์ต นอกจากนั้นก็มีการเปิดวิดีโอภาพยนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนังซาวนด์แทรกต่างประเทศเพื่อเรียกลูกค้าฝรั่งสำหรับรีสอร์ตบางแห่ง

หนังฝรั่งกับสังคมชนบทในยุคนั้นจะเป็นอะไรที่ยังเดินสวนทางกันอยู่ โดยเฉพาะกับภาพยนตร์ที่เป็นซาวนด์แทรกแบบนี้ด้วยยิ่งแล้ว สำหรับผมนั้นที่จริงก็ฟังซาวนด์แทรกไม่รู้เรื่องเหมือนใครเขาเช่นกันนั่นแหละ แต่อาศัยว่าชอบดูหนัง และชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ต่างประเทศ จึงพอทำให้ดูแบบเดาไปด้วยได้ 

และอย่างที่บอกว่า นอกจากบาร์เบียร์กับการเต้นรำในร้านเหล้าแล้ว ที่นี่ก็ดูจะไม่มีกิจกรรมอะไรยามค่ำคืนมากนัก นั่นทำให้หากไม่ได้ไปนั่งกินเหล้ากับพวกเพื่อน ๆ ผมก็จะไปนั่งดูหนังของผมแต่ลำพัง

เธอชื่อแตน หญิงสาวผู้มีรูปร่างสมชื่อ ผิวคล้ำแบบฅนเกาะทั่วไป บ้านเธออยู่อีกฝั่งเขา ที่นั่นไม่ค่อยมีชายหาดจึงยังไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เธอจึงมาช่วยงานน้า ผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ตซึ่งมีบริการเปิดวิดีโอที่ผมไปนั่งดูเป็นประจำนั่นแหละ ยามว่างเธอจะนั่งเงียบ ๆ ที่โต๊ะตัวหนึ่ง กับลูกแมวตัวเล็ก ๆ บนตัก ผมเห็นเธอได้ในทุกคืนที่ไป หากแต่เราไม่เคยได้ทักทายอะไรกัน นอกจากตอนสั่งอาหารหรืออะไรที่เป็นเรื่องปกติเท่านั้น

อดยิ้มในใจอีกไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ ผมว่าผมไม่ได้ไปนั่งดูหนังที่นั่นมาสองสามคืนเห็นจะได้แล้วสินะ

.
“พี่อย่าทำตัวเป็นโจรนะ” 

ในบ้านริมทะเลที่มีเราเพียงสองฅน เธอเอ่ยแผ่วเบา ขณะเสียงคลื่นจากหาดทรายยังคงดังแทรกความสงบ 

บ้านร้างหลังนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงฅนหนึ่ง เมื่อเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาหลายสิ่งก็เปลี่ยนไป ที่นี่เป็นจุดอับยากจะมีใครผ่านมา ซึ่งเมื่อก่อนบ้านแต่ละหลังบนเกาะด้านนี้จะอยู่ห่างกันอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องปกติกับการอยู่ที่นี่ได้โดยอาศัยเรือในการเดินทางเข้าออก แต่เมื่อเริ่มมีความเจริญเข้ามาที่นี่ก็ดูว่าจะกลายเป็นห่างไกลชุมชน และเมื่อเริ่มมีฅนมากขึ้นก็ย่อมมีทั้งฅนดีและไม่ดี หลังจากโดนปล้นเจ้าของบ้านหลังนี้จึงย้ายออกไป โดยยังคงทิ้งบ้านไว้ในสภาพเดิม มันกลายเป็นที่พบปะของเราสองฅน

ผมหันมองเธอด้วยแปลกใจกับคำพูดนั้น

“โจรมันปล้นทุกอย่างแล้วก็ไป… พี่จะกลับมาไหม” 

ผมหัวเราะออกมากับคำออดอ้อนของเธอ ย้ำยืนยันว่าผมจะกลับมา แต่ผมก็ผิดสัญญา

.
หลังจากทิ้งคำมั่นไว้กับเธอครั้งนั้น ผมปล่อยให้คืนวันผ่านไปกว่าปีจึงได้ลงมาที่นี่อีกครั้ง เพราะต้องเปลี่ยนงานใหม่แบบไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ ทำให้ผมเหมือนผิดสัญญา 

เกาะแห่งนี้ดูมีความเปลี่ยนแปลงมากทีเดียวในเวลาแค่ปีกว่า มีถนนตัดรอบเกาะแล้ว มีไฟฟ้า มีโรงแรมหรู ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทุกสิ่งดูเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเธอด้วยเช่นกัน 

ผมกลับมาครั้งนี้เพื่อรู้ข่าวว่าเธอมีครอบครัวมีลูกแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเราจึงเหลือเพียงความทรงจำ

.
กระทั่งในที่สุด ผมก็ได้มาเยือนเกาะแห่งนี้ในฐานะนักท่องเที่ยวจริง ๆ เสียที วันนี้มีเฟอร์รีข้ามฟาก ทำให้เราไม่ต้องนั่งเรือกันถึงสามชั่วโมงเหมือนก่อน และสิ่งต่าง ๆ ทุกสัมผัสคราวนี้ ดูเทียบไม่ได้กับความประทับใจแรกในครั้งนั้นเลย

ยอมรับว่าอดใจหายไม่ได้ กับความเปลี่ยนแปลงเมื่อมองย้อนกลับไป ทุกแห่งเคยคุ้นตาล้วนไม่เหลือเค้าเดิม รวมถึงบ้านร้างแห่งความทรงจำที่เคยเป็นจุดอับนี้ มันกลายเป็นบังกะโลแล้วเช่นกัน บังกะโลขนาดเล็กตามสภาพพื้นที่ของมัน ซึ่งแม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ผมคงอดจะมาเดินดูไม่ได้นั่นแหละ

.
“แม่ มีแขกมาดูห้อง” เด็กหนุ่มฅนนั้นหันไปตะโกนบอกหญิงร่างท้วมซึ่งดูแล้วคงเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ก่อนหันไปสนใจเทอาหารให้แมวสามสี่ตัวซึ่งนัวเนียไม่ห่างนั้น

“ค่า สวัสดีค่า เอ้อ...” หญิงร่างท้วมฅนนั้นกระวีกระวาดออกมาต้อนรับก่อนหยุดชะงัก ผมเหมือนยืนนิ่งอยู่กับที่เช่นกัน อดไม่ได้ที่จะหันมองเด็กหนุ่มฅนนั้นอีกครั้ง ผมคงไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไปนักหรอกนะ

“ไม่ได้เจอกันนานเลย” ผมเอ่ยแก้เก้อออกไป ส่งยิ้มพลางสำรวจเธอผู้อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปตามการผันแปรของเวลาจริง ๆ

เธอยิ้มรับ และยังคงจ้องมองด้วยสายตาซึ่งบ่งบอกได้ว่า...

บางทีเวลาอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเสียทุกสิ่งหรอก.

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่