หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เที่ยวตุรกี ตอนที่ 3 "ปามุคคาเล่"
กระทู้สนทนา
Backpack
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศตุรกี
เที่ยวตุรกี ตอนที่ 3 "ปามุคคาเล่"
สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ต้องขออภัยหากเรื่องราวที่เขียนไม่ได้มีรีวิวอะไรมากมายเป็นการมาเล่าสู่กันฟังถึงทริปเที่ยวตุรี 10 วันของเราเผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจจะไปเที่ยวตุรกีตามเส้นทางของเราซึ่งเที่ยว 4 เมือง ก็ตามกันไปได้เลยนะครับ หลังจากเที่ยวอิสตันบูลและอิชมีร์ไปแล้วก็มาถึง "ปามุคคาเล่" ตามแผนเที่ยวของเราจะนอนปาทุคคาเล่แค่ 1 คืน เที่ยวปราสาทปุยฝ้ายแล้วเราก็จะเดินทางต่อไปที่แคปปาโดเกียร์ หลังจากที่เราเที่ยวอิชมีร์ 2 วัน คือวันที่ 8 และ 9 ตุลาคม ก็มาถึงในวันที่ 10 ตุลาคมเราจะต้องเอารถที่เช่ามาไปคืนที่สนามบินอิชมีร์ เราออกเดินทางจากเชสเม่ตั้งแต่เช้ามาถึงสนามบินประมาณ 10 โมงกว่าๆ จัดการคืนรถเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายที่เราจะไปคือปามุคคาเล่ การเดินทางจะต้องขึ้นรถไฟจากสนามบินอิชมีร์ไปลงที่สถานี "เดนิชลี" และหลังจากนั้นนั้งรถมินิบัสจากสถานีเดนิชลีไปยังปามุคคาเล่ สถานีรถไฟจะอยู่ตรงข้ามกับสนามบินอิชีมร์เลยครับเดินข้ามมาเล็กน้อยก็จะพบกับร้านอาหารและมินิมาร์ทก่อนสถานีรถไฟจะอยู่ด้านหลัง หลังจากไปสอบถามเส้นทางและราคาตั๋วเราก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย รอบที่เร็วที่สุดคือ 11.00 เรามีเวลาประมาณ 30 นาทีหลังจากไปคืนรถเสร็จก็เลยต้องรีบๆกันนิดนึงไม่อยากตกขบวนนี้ ด้วยความหิวเลยขอรองท้องด้วยแซนวิสที่ร้านอาหารและมินิมาร์ทนั้นก่อนอยากบอกว่าอร่อยเลยครับ
หลังจากจัดการอาหารเรียบร้อยเราก็ไปขึ้นรถไฟกันแต่ด้วยเราไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าก็เลยเหลือแต่ที่นั่งแบบไม่ได้จอง ตั๋วรถไฟแบบไม่จองที่นั่งคือจะได้นั่งก็ต่อเมื่อไม่มีคนนั่งและราคาถูกกว่าแบบจองที่นั่ง แนะนำว่าจองแบบเลือกที่นั่งดีกว่าครับเพราะระยะทางไกลแต่สำหรับผมเลือกไม่ได้แล้ว ตั๋วก็สามารถซื้อได้จากเคาเตอร์ที่สถานีได้เลยไดตั๋วเสร็จก็มายืนรอแปบนึงรถไฟก็มาพร้อมที่จะไปเดนิชลีกันแล้วค้าบ และนี่คือสภาพการเดินทางของตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง
ไม่มีที่นั่งก็เลยต้องนั่งพื้นไม่ใช่แค่เราสองคนนะครับมีหลายคนที่นั่งแบบเราสองคนก็สนุกไปอีกแบบ นั่งไปนานพอสมควรน่าจะประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสถานีเดนิชลี เราก็จะต้องต่อรถมินิบัสไปยังปามุคคาเล่ คราวนี้ได้นั่งละเพราะรถมีหลายเที่ยวมีผู้คนเดินทางไปบนรถเต็มทุกที่นั่งเลยทีเดียว
ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากก็ถึงที่หมายนั่นคือ ปามุคคาเล่ ป้ายที่เราลงจะลงกลางหมู่บ้านเลยพอลงมาก็จะเจอกับบริษัททัวร์ตรงนี้ขายทุกอย่าง โปรแกรมทัวร์ทั้งที่ปามุคคาเล่ และที่แคปปาโดเกียร์ด้วย และยังสามารถจองไนท์บัสไปยังแคปปาโดเกียร์ได้ด้วยเราก็เลยจัดการจองรถสะเลยจะได้ไม่พลาด
เราเดินจากบริษัททัวร์ไปยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมากที่พักของเราชื่อว่า Ozbay Hotel ราคา 1065 บาท เป็นห้องเดี่ยว ซึ่งถือว่าดีมากๆเพราะที่พักอยู่ใกล้กับปราสาทปุยฝ้ายสามารถเดินไปเที่ยวได้เลยและเราพักแค่คืนเดียวเท่านั้น โดยเราวางแผนจะเที่ยวที่ปราสาทปุยฝ้ายช่วงเช้าและบ่ายเราจะออกจากที่นี่เพื่อไปแคปปาโดเกียร์ หลังจากเข้าที่พักเราก็พักผ่อนอาบน้ำเพราะเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง เย็นๆเราก็ออกมาหาอะไรทานกัน ตอนที่เราเข้าไปขอคำแนะนำจากบริษัททัวร์เขาก็แนะนำร้านอาหารให้เราก็เลยไปตามนั้นและตัดสินใจถูกเพราะอาหารอร่อยมาก และเป็นมื้อแรกที่ได้กินปลา ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจอแต่ไ่และเนื้อ เราก็สั่งมา 2 ชุด แต่ละชุดจะมีข้าวมาให้1ถ้วยเล็ก ด้วยความที่อยากกินข้าวก็เลยสั่งข้าวเพิ่มไปอิ่มอร่อยมากกับมื้อนี้ จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆขออภัยมีแต่บรรยากาศเล็กน้อยมาฝาก
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนและจะได้ตื่นเช้าไปเที่ยวปราสาทปุยฝ้าย
เช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2565
เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปเที่ยวปราสาทปุยฝ้าย การเที่ยวของเราไม่เหมือนคนอื่นๆเพราะส่วนใหญ่คนทั่วไปนั่งรถเพื่อไปเข้าทางหลักที่อย่บนเขาระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร เราสองคนไม่มีรถและไม่ได้ซื้อทัวร์ใดๆเลยตัดสินใจที่จะเดินสวนขึ้นไปจากอีกทางหนึ่งซึ่งอยู่ด้านล่างอยากบอกว่าใครที่ชอบเดินถ้าเที่ยวจากด้านล่างจะได้เจอปราสาทปุยฝ้ายที่สะอาดและสวยงามมาก เพราะเท่าที่สังเกตุพอเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะพบว่าหินปูนสีขาวจะมีสีดำเยอะน่าจะเกิดจากการเดินย่ำของนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากแต่ด้านล่างจะขาวสะอาดเราเก็บภาพมาฝาดสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวปามุคคาเล่นะครับ และวันนั้นเรายังได้ยืนชมบอลลูนตอนเช้าด้วย ภาพก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในปราสาทปุยฝ่าย
เดินไปเรื่อยๆก็จะมาถึงทางเข้าซึ่งเป็นทางเข้าด้านล่างนะครับท่างเข้าหลักต้องนั่งรถขึ้นไป แต่เราเบือกจะเดินย้อนขึ้นไป
ภาพบรรยากาศปราสาทปุยฝ้ายที่ปามุคคาเล่ (ขออภัยที่มีแต่รูปภรรยาผมนะค้าบบบบ)
หลังจากเดินขึ้นมาถึงด้านบนสุดซึ่งจริงๆมาทางเข้าหลักก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของต่างๆที่เป็นของปราสาทปุยฝ้ายแห่งนี้ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ก็ไม่ควรพลาดเลยครับ
จริงๆด้านบนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่านี้มีบ่อน้ำ มีโรงละครแต่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เนื่องด้วยเราสองคนจะต้องเดินทางไปต่อก็เลยตัดสินใจเดินกลับ ซึ่งเราไม่ได้เดินย้อนลงไปตามทางที่เรามาแต่เราเดินกลับไปทางเข้าหลักที่เป็นถนนใหญ่ระยะทางประมาณ 3-4 กิโล แต่เดินไปได้สัก 2 กิโลก็เจอกับรถชาวไร่ เขาก็เลยจอดรับเราลงไปข้างล่างด้วยกัน คนตุรกีมีน้ำใจและน่ารักมากๆ
ก็เป็นอันจบการเที่ยวปามุคคาเล่ครึ่งวันของเรา หลังจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางแบบข้ามคืนด้วยไนท์บัสไปแคปปาโดเกีย ใครที่สนใจก็ติดตามมาอ่านกันนะครับ เจอกันตอนที่ 4 "แคปปาโดเกีย" ฝากติดตามด้วยค้าบบบบบบบบบ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Backpack
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศตุรกี
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เที่ยวตุรกี ตอนที่ 3 "ปามุคคาเล่"
สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ต้องขออภัยหากเรื่องราวที่เขียนไม่ได้มีรีวิวอะไรมากมายเป็นการมาเล่าสู่กันฟังถึงทริปเที่ยวตุรี 10 วันของเราเผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจจะไปเที่ยวตุรกีตามเส้นทางของเราซึ่งเที่ยว 4 เมือง ก็ตามกันไปได้เลยนะครับ หลังจากเที่ยวอิสตันบูลและอิชมีร์ไปแล้วก็มาถึง "ปามุคคาเล่" ตามแผนเที่ยวของเราจะนอนปาทุคคาเล่แค่ 1 คืน เที่ยวปราสาทปุยฝ้ายแล้วเราก็จะเดินทางต่อไปที่แคปปาโดเกียร์ หลังจากที่เราเที่ยวอิชมีร์ 2 วัน คือวันที่ 8 และ 9 ตุลาคม ก็มาถึงในวันที่ 10 ตุลาคมเราจะต้องเอารถที่เช่ามาไปคืนที่สนามบินอิชมีร์ เราออกเดินทางจากเชสเม่ตั้งแต่เช้ามาถึงสนามบินประมาณ 10 โมงกว่าๆ จัดการคืนรถเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายที่เราจะไปคือปามุคคาเล่ การเดินทางจะต้องขึ้นรถไฟจากสนามบินอิชมีร์ไปลงที่สถานี "เดนิชลี" และหลังจากนั้นนั้งรถมินิบัสจากสถานีเดนิชลีไปยังปามุคคาเล่ สถานีรถไฟจะอยู่ตรงข้ามกับสนามบินอิชีมร์เลยครับเดินข้ามมาเล็กน้อยก็จะพบกับร้านอาหารและมินิมาร์ทก่อนสถานีรถไฟจะอยู่ด้านหลัง หลังจากไปสอบถามเส้นทางและราคาตั๋วเราก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย รอบที่เร็วที่สุดคือ 11.00 เรามีเวลาประมาณ 30 นาทีหลังจากไปคืนรถเสร็จก็เลยต้องรีบๆกันนิดนึงไม่อยากตกขบวนนี้ ด้วยความหิวเลยขอรองท้องด้วยแซนวิสที่ร้านอาหารและมินิมาร์ทนั้นก่อนอยากบอกว่าอร่อยเลยครับ
หลังจากจัดการอาหารเรียบร้อยเราก็ไปขึ้นรถไฟกันแต่ด้วยเราไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าก็เลยเหลือแต่ที่นั่งแบบไม่ได้จอง ตั๋วรถไฟแบบไม่จองที่นั่งคือจะได้นั่งก็ต่อเมื่อไม่มีคนนั่งและราคาถูกกว่าแบบจองที่นั่ง แนะนำว่าจองแบบเลือกที่นั่งดีกว่าครับเพราะระยะทางไกลแต่สำหรับผมเลือกไม่ได้แล้ว ตั๋วก็สามารถซื้อได้จากเคาเตอร์ที่สถานีได้เลยไดตั๋วเสร็จก็มายืนรอแปบนึงรถไฟก็มาพร้อมที่จะไปเดนิชลีกันแล้วค้าบ และนี่คือสภาพการเดินทางของตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง
ไม่มีที่นั่งก็เลยต้องนั่งพื้นไม่ใช่แค่เราสองคนนะครับมีหลายคนที่นั่งแบบเราสองคนก็สนุกไปอีกแบบ นั่งไปนานพอสมควรน่าจะประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสถานีเดนิชลี เราก็จะต้องต่อรถมินิบัสไปยังปามุคคาเล่ คราวนี้ได้นั่งละเพราะรถมีหลายเที่ยวมีผู้คนเดินทางไปบนรถเต็มทุกที่นั่งเลยทีเดียว
ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากก็ถึงที่หมายนั่นคือ ปามุคคาเล่ ป้ายที่เราลงจะลงกลางหมู่บ้านเลยพอลงมาก็จะเจอกับบริษัททัวร์ตรงนี้ขายทุกอย่าง โปรแกรมทัวร์ทั้งที่ปามุคคาเล่ และที่แคปปาโดเกียร์ด้วย และยังสามารถจองไนท์บัสไปยังแคปปาโดเกียร์ได้ด้วยเราก็เลยจัดการจองรถสะเลยจะได้ไม่พลาด
เราเดินจากบริษัททัวร์ไปยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมากที่พักของเราชื่อว่า Ozbay Hotel ราคา 1065 บาท เป็นห้องเดี่ยว ซึ่งถือว่าดีมากๆเพราะที่พักอยู่ใกล้กับปราสาทปุยฝ้ายสามารถเดินไปเที่ยวได้เลยและเราพักแค่คืนเดียวเท่านั้น โดยเราวางแผนจะเที่ยวที่ปราสาทปุยฝ้ายช่วงเช้าและบ่ายเราจะออกจากที่นี่เพื่อไปแคปปาโดเกียร์ หลังจากเข้าที่พักเราก็พักผ่อนอาบน้ำเพราะเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง เย็นๆเราก็ออกมาหาอะไรทานกัน ตอนที่เราเข้าไปขอคำแนะนำจากบริษัททัวร์เขาก็แนะนำร้านอาหารให้เราก็เลยไปตามนั้นและตัดสินใจถูกเพราะอาหารอร่อยมาก และเป็นมื้อแรกที่ได้กินปลา ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจอแต่ไ่และเนื้อ เราก็สั่งมา 2 ชุด แต่ละชุดจะมีข้าวมาให้1ถ้วยเล็ก ด้วยความที่อยากกินข้าวก็เลยสั่งข้าวเพิ่มไปอิ่มอร่อยมากกับมื้อนี้ จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆขออภัยมีแต่บรรยากาศเล็กน้อยมาฝาก
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนและจะได้ตื่นเช้าไปเที่ยวปราสาทปุยฝ้าย
เช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2565
เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปเที่ยวปราสาทปุยฝ้าย การเที่ยวของเราไม่เหมือนคนอื่นๆเพราะส่วนใหญ่คนทั่วไปนั่งรถเพื่อไปเข้าทางหลักที่อย่บนเขาระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร เราสองคนไม่มีรถและไม่ได้ซื้อทัวร์ใดๆเลยตัดสินใจที่จะเดินสวนขึ้นไปจากอีกทางหนึ่งซึ่งอยู่ด้านล่างอยากบอกว่าใครที่ชอบเดินถ้าเที่ยวจากด้านล่างจะได้เจอปราสาทปุยฝ้ายที่สะอาดและสวยงามมาก เพราะเท่าที่สังเกตุพอเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะพบว่าหินปูนสีขาวจะมีสีดำเยอะน่าจะเกิดจากการเดินย่ำของนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากแต่ด้านล่างจะขาวสะอาดเราเก็บภาพมาฝาดสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวปามุคคาเล่นะครับ และวันนั้นเรายังได้ยืนชมบอลลูนตอนเช้าด้วย ภาพก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในปราสาทปุยฝ่าย
เดินไปเรื่อยๆก็จะมาถึงทางเข้าซึ่งเป็นทางเข้าด้านล่างนะครับท่างเข้าหลักต้องนั่งรถขึ้นไป แต่เราเบือกจะเดินย้อนขึ้นไป
ภาพบรรยากาศปราสาทปุยฝ้ายที่ปามุคคาเล่ (ขออภัยที่มีแต่รูปภรรยาผมนะค้าบบบบ)
หลังจากเดินขึ้นมาถึงด้านบนสุดซึ่งจริงๆมาทางเข้าหลักก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของต่างๆที่เป็นของปราสาทปุยฝ้ายแห่งนี้ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ก็ไม่ควรพลาดเลยครับ
จริงๆด้านบนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่านี้มีบ่อน้ำ มีโรงละครแต่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เนื่องด้วยเราสองคนจะต้องเดินทางไปต่อก็เลยตัดสินใจเดินกลับ ซึ่งเราไม่ได้เดินย้อนลงไปตามทางที่เรามาแต่เราเดินกลับไปทางเข้าหลักที่เป็นถนนใหญ่ระยะทางประมาณ 3-4 กิโล แต่เดินไปได้สัก 2 กิโลก็เจอกับรถชาวไร่ เขาก็เลยจอดรับเราลงไปข้างล่างด้วยกัน คนตุรกีมีน้ำใจและน่ารักมากๆ
ก็เป็นอันจบการเที่ยวปามุคคาเล่ครึ่งวันของเรา หลังจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางแบบข้ามคืนด้วยไนท์บัสไปแคปปาโดเกีย ใครที่สนใจก็ติดตามมาอ่านกันนะครับ เจอกันตอนที่ 4 "แคปปาโดเกีย" ฝากติดตามด้วยค้าบบบบบบบบบ