4. ผู้ที่ถูกเลือก
เม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมาจากความดำมืดเบื้องบนเมื่อครู่ก่อน ลดขนาดและจำนวนลงจนเหลือเป็นเพียงละอองฝอยละล่องแขวนลอยอ้อยอิ่งในอากาศ จนในที่สุด...ละอองสุดท้ายก็ผ่านพ้นไป
ม่านหมอกหนาโรยตัวเข้ามาแทนที่ อุณหภูมิค่อย ๆ ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ความเย็นแผ่ขยายปกคลุมพื้นผิวโลกให้ได้เริ่มรู้สึกสะท้านหนาวเหน็บ
ตลอดทั้งคืนนับจากนี้ อากาศจะทวีความหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ได้ลืมตาตื่นจากห้วงนิทรา เริ่มส่องสาดแสงสว่างของเช้าวันใหม่ ยามเมื่อมันพาตัวเองโผล่พ้นออกมาจากเส้นขอบฟ้า
และเริ่มแผดเผาโลกทั้งใบด้วยรังสีความร้อนอันสุดแสนหฤโหดอีกครั้งหนึ่ง
หากเป็นเมื่อสมัยก่อนอาจจะดูแปลกและเป็นไปไม่ได้เลย ที่สภาพอากาศในหนึ่งวันจะมีครบทุกฤดูกาลอย่างนี้ แต่ในเวลานี้มันกลับกลายเป็นเรื่องที่มีให้เห็นได้บ่อย ๆ จนทุกคนต่างก็คุ้นชินกับมันและเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว
ซึ่งนี่ก็คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลพวงอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง
“ฮ่า ๆ ๆ ...”
หลังจากที่ได้รับฟังคำตอบสุดท้ายของชายหนุ่ม จู่ ๆ โทมัสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในแบบที่ถ้าไม่ได้เกิดถูกอกถูกใจอะไรขึ้นมานักหนา ก็คงกลายเป็นคนเสียสติวิกลจริตไปแล้วนั่นเอง
และในขณะเดียวกันนั้น วิวัฒน์ซึ่งได้เห็นท่าทางแบบที่ว่ามาของชายชรา ก็กำลังขบกรามของตัวเองจนแน่น ด้วยเพราะกำลังพยายามระงับยับยั้ง สะกดข่มเปลวเพลิงที่คุกรุ่นพลุ่งพล่านขึ้นในอกอย่างเต็มกำลัง
มันฟังคล้ายเสียงหัวเราะเชิงเยาะเย้ยในแบบที่เขาเกลียด เป็นท่าทางที่คล้ายกับว่าอัดแน่นไปด้วยอารมณ์เหยียดหยันถากถาง ที่เขาเคยเห็นเคยได้ยิน และพยายามหลีกหนีอย่างสุดชีวิตมานานหลายปี
ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามทำใจให้ลืมแล้ว พยายามกลบฝังความทรงจำเลวร้ายในอดีตเหล่านั้นให้ซุกซ่อนอยู่ในหลุม เก็บให้มันอยู่ในส่วนเสี้ยวที่ลึกที่สุดแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ เพราะภาพและความรู้สึกเหล่านั้นกลับถูกขุดถูกรื้อฟื้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย โดยชายชาวต่างชาติผู้ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาพบเขาถึงที่นี่ผู้นี้
เคียดแค้น โกรธเกลียด อยากทำร้ายทำลายทุกสิ่งตรงหน้า ให้แหลกลาญย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดี...
ทว่าก่อนที่ความคิดเชิงลบของวิวัฒน์ที่กำลังขยายใหญ่จะมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาไปมากกว่านี้ คำพูดต่อมาของโทมัสก็กลับทำให้บรรยากาศบนโต๊ะสนทนาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกครั้ง
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ ดอกเตอร์ ไม่เสียแรงเลยจริง ๆ ครับ ที่ผมอุตส่าห์ฝืนพาร่างอันแก่ชราของตัวเองเดินทางมาหาคุณจนถึงที่นี่”
น้ำเสียงของผู้พูดนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมพอใจ สีหน้าท่าทางยิ่งแสดงออกให้เห็นถึงความปีติยินดีอย่างเหลือล้นไม่ปิดบัง
“พลังการวิเคราะห์ยอดเยี่ยมอย่างเป็นเหตุเป็นผล มองและประเมินสถานการณ์รอบด้านได้อย่างทะลุปรุโปร่งเพื่อชี้ชัดไปถึงปัญหาที่แท้จริง ความกล้าที่จะเปิดเผยและแสดงสิ่งที่ตนเองอาจได้รับความเสียหายออกมาอย่างไม่กลัวเกรง และที่สำคัญที่สุด...ความกล้าที่จะยอมรับขีดความสามารถของตนเอง”
ใบหน้ายังคงเปื้อนเต็มด้วยรอยยิ้ม ผู้พูดเป่าปากพ่นลมออกมาอย่างโล่งอก ตัดบทสนทนาที่มีเนื้อหาตึงเครียดและกินเวลามาระยะหนึ่งสู่บทสรุป ด้วยความรู้สึกถูกอกสบายใจอย่างที่หวังไว้ตั้งแต่ทีแรก
“คุณสมบัติเหล่านั้นจำเป็นสำหรับเรา ไม่สิ จำเป็นสำหรับการอยู่รอดของพวกเราเหล่ามวลมนุษยชาติมากกว่า และ...คุณคือผู้ที่ถูกเลือกครับ”
จากหน้ามือพลิกกลับมาเป็นหลังมือ แล้วก็ตลบพลิกม้วนกลับมาเป็นหน้ามืออีกครั้งภายในชั่วอึดใจ
เพราะสถานการณ์บนโต๊ะที่แปรเปลี่ยนรวดเร็วเกินไป อารมณ์การสนทนาที่ถูกเหวี่ยงไปมาจนสุดออกไปในทุกทิศทุกทาง จึงทำให้ใจและความนึกคิดของวิวัฒน์ที่ไม่นิ่งสงบอย่างเคย ละเอียดและไวมากพอที่จะคิดติดตาม ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นทั้งหมดได้ทัน
สิ่งที่ได้ยินคืออะไร ที่ชายชราพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร...สีหน้าของเขาจึงแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังสับสนงุนงง ในหัวสมองรกเต็มไปด้วยคำถามแห่งความสงสัยเคลือบแคลงมากมาย ที่สลับสับเปลี่ยนกันผุดโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น
ไม่ปล่อยให้ต้องติดอยู่ในวังวนเหล่านั้นนานจนเกินไป ชายชราเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะค้อมตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงคำนับอีกฝ่าย
“ที่ผ่านมาผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่เสียมารยาทและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับคุณไปมากนะครับ ดอกเตอร์ เอาละ...ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่นเลย ผมคงต้องขออนุญาตแนะนำตัวใหม่อีกหน...”
หลังจากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างที่แสดงความเป็นมิตร ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคนออกมา
“ผมดอกเตอร์โทมัส จิลเวล ผู้อำนวยการโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตจากดาวโลกไปสู่ดินแดนใหม่ โครงการลับสุดยอดระดับนานาชาติซึ่งสังกัดองค์กรการสำรวจและท่องอวกาศ ซึ่งมีเพียงบุคคลในระดับสูงสุดของโลก และผู้ซึ่งโดดเด่นปราดเปรื่องที่สุดในทุกสาขาวิชาชีพต่าง ๆ เพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ที่รู้ถึงการมีอยู่ของมันครับ”
โทมัสพูดพลางยื่นนามบัตรของตนเองให้ วิวัฒน์รับมาถือไว้โดยที่ไม่มีทีท่าคิดจะตรวจสอบตัวตนของอีกฝ่ายเลยสักนิด
องค์กรการสำรวจและท่องอวกาศเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการยอมรับด้านการบินและเทคนิคการบิน เครื่องยนต์กลไกและเทคนิคการสำรวจอวกาศ รวมถึงการต่อยอดขยายความรู้ที่ได้มาจากการสำรวจนั้น ๆ ในระดับโลก
เรียกได้ว่าหากมีการพูดถึงเรื่องอะไรก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับอวกาศ องค์กรนี้จะเป็นหน่วยงานแรกที่ทุกคนหรืออย่างน้อยก็คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึง
แน่นอนว่าวิวัฒน์ ซึ่งก็คือนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการในแวดวงคนหนึ่ง ย่อมต้องรู้จักองค์กรที่ยิ่งใหญ่ในระดับนี้เป็นอย่างดี แต่โครงการอพยพสิ่งมีชีวิตไปดาวดวงอื่นที่ว่ามานั้นเขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ชายหนุ่มให้ความสนใจเลยสักนิด สิ่งที่เขากำลังจดจ่อกลับเป็นสองประเด็นในคำพูดของแขกชราชาวต่างชาติผู้นี้ต่างหาก
หนึ่งคือโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตจากโลกไปสู่ดาวดวงใหม่ โครงการซึ่งผู้ที่กำลังบอกเล่าให้ฟังอยู่ในขณะนี้อ้างว่ามันเป็นโครงการลับสุดยอด ซึ่งมีเพียงคนสำคัญไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
ซึ่งตอนนี้เขาที่ไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญอะไรเลยสักนิด ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้นแล้ว
และสอง หากโครงการนี้มีอยู่จริง ๆ แล้วละก็ นั่นย่อมอนุมานได้ว่าทุกเรื่องที่ชายชราผู้นี้เปิดประเด็น และพยายามให้เขาอธิบายพูดคุยด้วยมาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่ตัวของแขกต่างชาติเองก็รู้มาอย่างดีอยู่แล้วเช่นกัน
แล้วจะมาถามเขา ให้เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วไปทำไม แขกผู้เต็มไปด้วยความลึกลับและปริศนาผู้นี้ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
วิวัฒน์ซึ่งค่อย ๆ เรียกสติและกลับมาตั้งหลักได้ รวบรวมเรียบเรียงข้อมูลที่ได้จากในทุกคำพูดของอีกฝ่าย แล้วเปลี่ยนความไม่สอดคล้องลงตัว ความไม่สมเหตุสมผลย้อนแย้งที่จับได้ ให้กลายเป็นคำถามตั้งเอาไว้อยู่ในใจ
หากเรื่องที่โทมัสกล่าวมาไม่ใช่เรื่องจริง ชายชราผู้นี้มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจาะจงมาหลอกลวงเขา อีกทั้งการหยิบยกเอาองค์กรซึ่งยิ่งใหญ่ถึงระดับนั้น มาอ้างรวมไว้ในคำโกหก มองอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดและสักนิด
เพราะแทนที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ มันจะกลายเป็นทำให้ผู้ฟังเคลือบแคลงสงสัยมากกว่า แถมคำโป้ปดมดเท็จในลักษณะนี้ก็ยังสามารถถูกตรวจสอบและพิสูจน์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่มีข้อดีให้ได้เห็นเลยสักนิด
จะมีข้อมูลอะไรแก้ข้อสงสัยเหล่านี้ได้บ้างไหม หรือจะมีข้อพิรุธอะไรอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก รอให้ทุกอย่างชัดเจน พิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อน หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ และเขาควรจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินไหมก็ยังไม่สาย
“คุณรู้ปัญหาและผลกระทบเหล่านี้ดี รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์จะดำเนินไปอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้ รู้ดีในทุกเรื่องที่เราคุยกันอยู่แล้ว ใช่ไหมครับคุณโทมัส”
เช่นนั้นเขาจึงเลือกโต้ตอบกลับไปโดยใช้คำถามนี้เป็นคำถามแรก ซึ่งหากเปรียบแล้วก็คงจะเหมือนการเลือกใช้หมัดแย็บในเชิงมวย ที่แม้ไม่ได้มีอานุภาพรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายล้มได้ แต่มันก็รวดเร็วพอที่จะตรงเข้าไปใส่โดยที่เป้าหมายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เป็นหมัดที่ใช้หยั่งเชิงคู่แข่งและรบกวนจังหวะได้อย่างดี ซึ่งถ้าหากปล่อยออกไปได้อย่างถูกที่ถูกเวลาแล้วละก็ หลาย ๆ ครั้งก็อาจทำให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนเสียหลักเสียเชิงไปได้เหมือนกัน
“อืม ก็ไม่เชิงครับ จะว่ารู้ทุกเรื่องดีอยู่แล้วก็คงไม่ถูก แต่จะว่าไม่รู้อะไรเลยก็คงไม่ขนาดนั้นเหมือนกัน ผมขอตอบคุณแบบนี้ก็แล้วกันนะครับ ดอกเตอร์” หยุดจังหวะค้างคำหน่อยหนึ่ง ก่อนจะใช้สีหน้าและแววตาที่อ่านไม่ออกอย่างที่ถนัด “อันที่จริงแล้วโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตบนโลกไปสู่ดาวดวงใหม่โครงการนี้ เพิ่งเริ่มถูกก่อตั้งขึ้นและศึกษาอย่างจริงจังเมื่อไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมานี้เองครับ”
ระยะเวลาซึ่งสอดคล้องพอเหมาะพอเจาะที่ชายชราพูดถึงนั้น ใครได้ฟังก็ต้องรับรู้ได้ว่าผู้พูดตั้งใจให้คิดเกี่ยวเนื่องไปถึงวันที่วิวัฒน์ ได้นำเสนอผลงานวิจัยเหตุแห่งการดับสูญชิ้นนั้นแก่ชาวโลก
ในความรู้สึกหนึ่ง ภายในใจกำลังโกรธเกรี้ยวไปด้วยไฟแห่งโทสะ เหมือนตัวของเขากำลังถูกชายผู้เต็มไปด้วยความลับผู้นี้ปั่นหัวป่วนประสาทอยู่ตลอดเวลา
แต่ในอีกความรู้สึกซึ่งอยู่ลึกลงไปกว่าตรงจุดนั้น ความตื่นเต้นดีใจก็กลับแผ่ขยายแทรกซึมออกมาให้พอได้สัมผัสรับรู้ เกิดเป็นความปีติยินดีเหลือล้น ทำให้พองโตและอิ่มเอมในอกได้อย่างน่าประหลาด
ถ้าหากทั้งหมดที่กำลังคุยกันอยู่นี้คือเรื่องจริง และมันเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่เขาคิด ก็จะหมายความถึงว่าในเวลานั้นยังอาจจะมีคนสนใจ อาจจะยังมีใครอื่นอีกที่เห็นสิ่งที่เขาเห็น และคิดเช่นเดียวกันกับที่เขาคิด
อย่างน้อยยังมีคนฟัง อย่างน้อยสิ่งที่ทำไปนั้นอาจจะไม่ได้สูญเปล่าไปเสียทีเดียว และอย่างน้อยที่สุด...เขาก็จะไม่ใช่คนลวงโลกที่หวังใช้ความหวาดหวั่นมาสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง อย่างที่ถูกกล่าวหาและตราหน้ามาตลอด
สำนวนว่าไว้ว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน จากประโยคชี้นำที่พูดไปโดยปล่อยให้ค้างคาไว้ โทมัสซึ่งรับรู้ผ่านทางสีหน้าของอีกฝ่ายว่าจับประเด็นได้ และเข้าใจสิ่งที่เขาอยากสื่ออยากบอกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว จึงไม่รอช้าที่จะเริ่มการสนทนาบทต่อไปทันที
“ทั้งหมดที่คุณคิดอยู่นั้นถูกต้องแล้วครับ” ประโยคนี้เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความเป็นมิตร รู้ใจ เข้าอกเข้าใจ และรับรู้ได้ถึงการอยู่ฝั่งฝ่ายเดียวกัน “โครงการนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาหลังจากการนำเสนอผลงานวิจัยในครั้งนั้นเมื่อเกือบสิบปีก่อนของคุณครับ”
และเมื่อต้องการให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงทางความรู้สึกยิ่งขึ้น แทนที่จะรอให้อีกฝั่งก้าวข้ามเส้นแบ่งฝักฝ่ายเข้ามาหา ก็ต้องแสดงความกระตือรือร้นอย่างจริงใจ โดยการก้าวเข้าไปทำลายเส้นเขตแดนนั้นเองด้วยตัวเอง
วันดับสูญ บทที่ 4 ผู้ที่ถูกเลือก
เม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมาจากความดำมืดเบื้องบนเมื่อครู่ก่อน ลดขนาดและจำนวนลงจนเหลือเป็นเพียงละอองฝอยละล่องแขวนลอยอ้อยอิ่งในอากาศ จนในที่สุด...ละอองสุดท้ายก็ผ่านพ้นไป
ม่านหมอกหนาโรยตัวเข้ามาแทนที่ อุณหภูมิค่อย ๆ ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ความเย็นแผ่ขยายปกคลุมพื้นผิวโลกให้ได้เริ่มรู้สึกสะท้านหนาวเหน็บ
ตลอดทั้งคืนนับจากนี้ อากาศจะทวีความหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ได้ลืมตาตื่นจากห้วงนิทรา เริ่มส่องสาดแสงสว่างของเช้าวันใหม่ ยามเมื่อมันพาตัวเองโผล่พ้นออกมาจากเส้นขอบฟ้า
และเริ่มแผดเผาโลกทั้งใบด้วยรังสีความร้อนอันสุดแสนหฤโหดอีกครั้งหนึ่ง
หากเป็นเมื่อสมัยก่อนอาจจะดูแปลกและเป็นไปไม่ได้เลย ที่สภาพอากาศในหนึ่งวันจะมีครบทุกฤดูกาลอย่างนี้ แต่ในเวลานี้มันกลับกลายเป็นเรื่องที่มีให้เห็นได้บ่อย ๆ จนทุกคนต่างก็คุ้นชินกับมันและเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว
ซึ่งนี่ก็คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลพวงอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง
“ฮ่า ๆ ๆ ...”
หลังจากที่ได้รับฟังคำตอบสุดท้ายของชายหนุ่ม จู่ ๆ โทมัสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในแบบที่ถ้าไม่ได้เกิดถูกอกถูกใจอะไรขึ้นมานักหนา ก็คงกลายเป็นคนเสียสติวิกลจริตไปแล้วนั่นเอง
และในขณะเดียวกันนั้น วิวัฒน์ซึ่งได้เห็นท่าทางแบบที่ว่ามาของชายชรา ก็กำลังขบกรามของตัวเองจนแน่น ด้วยเพราะกำลังพยายามระงับยับยั้ง สะกดข่มเปลวเพลิงที่คุกรุ่นพลุ่งพล่านขึ้นในอกอย่างเต็มกำลัง
มันฟังคล้ายเสียงหัวเราะเชิงเยาะเย้ยในแบบที่เขาเกลียด เป็นท่าทางที่คล้ายกับว่าอัดแน่นไปด้วยอารมณ์เหยียดหยันถากถาง ที่เขาเคยเห็นเคยได้ยิน และพยายามหลีกหนีอย่างสุดชีวิตมานานหลายปี
ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามทำใจให้ลืมแล้ว พยายามกลบฝังความทรงจำเลวร้ายในอดีตเหล่านั้นให้ซุกซ่อนอยู่ในหลุม เก็บให้มันอยู่ในส่วนเสี้ยวที่ลึกที่สุดแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ เพราะภาพและความรู้สึกเหล่านั้นกลับถูกขุดถูกรื้อฟื้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย โดยชายชาวต่างชาติผู้ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาพบเขาถึงที่นี่ผู้นี้
เคียดแค้น โกรธเกลียด อยากทำร้ายทำลายทุกสิ่งตรงหน้า ให้แหลกลาญย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดี...
ทว่าก่อนที่ความคิดเชิงลบของวิวัฒน์ที่กำลังขยายใหญ่จะมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาไปมากกว่านี้ คำพูดต่อมาของโทมัสก็กลับทำให้บรรยากาศบนโต๊ะสนทนาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกครั้ง
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ ดอกเตอร์ ไม่เสียแรงเลยจริง ๆ ครับ ที่ผมอุตส่าห์ฝืนพาร่างอันแก่ชราของตัวเองเดินทางมาหาคุณจนถึงที่นี่”
น้ำเสียงของผู้พูดนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมพอใจ สีหน้าท่าทางยิ่งแสดงออกให้เห็นถึงความปีติยินดีอย่างเหลือล้นไม่ปิดบัง
“พลังการวิเคราะห์ยอดเยี่ยมอย่างเป็นเหตุเป็นผล มองและประเมินสถานการณ์รอบด้านได้อย่างทะลุปรุโปร่งเพื่อชี้ชัดไปถึงปัญหาที่แท้จริง ความกล้าที่จะเปิดเผยและแสดงสิ่งที่ตนเองอาจได้รับความเสียหายออกมาอย่างไม่กลัวเกรง และที่สำคัญที่สุด...ความกล้าที่จะยอมรับขีดความสามารถของตนเอง”
ใบหน้ายังคงเปื้อนเต็มด้วยรอยยิ้ม ผู้พูดเป่าปากพ่นลมออกมาอย่างโล่งอก ตัดบทสนทนาที่มีเนื้อหาตึงเครียดและกินเวลามาระยะหนึ่งสู่บทสรุป ด้วยความรู้สึกถูกอกสบายใจอย่างที่หวังไว้ตั้งแต่ทีแรก
“คุณสมบัติเหล่านั้นจำเป็นสำหรับเรา ไม่สิ จำเป็นสำหรับการอยู่รอดของพวกเราเหล่ามวลมนุษยชาติมากกว่า และ...คุณคือผู้ที่ถูกเลือกครับ”
จากหน้ามือพลิกกลับมาเป็นหลังมือ แล้วก็ตลบพลิกม้วนกลับมาเป็นหน้ามืออีกครั้งภายในชั่วอึดใจ
เพราะสถานการณ์บนโต๊ะที่แปรเปลี่ยนรวดเร็วเกินไป อารมณ์การสนทนาที่ถูกเหวี่ยงไปมาจนสุดออกไปในทุกทิศทุกทาง จึงทำให้ใจและความนึกคิดของวิวัฒน์ที่ไม่นิ่งสงบอย่างเคย ละเอียดและไวมากพอที่จะคิดติดตาม ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นทั้งหมดได้ทัน
สิ่งที่ได้ยินคืออะไร ที่ชายชราพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร...สีหน้าของเขาจึงแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังสับสนงุนงง ในหัวสมองรกเต็มไปด้วยคำถามแห่งความสงสัยเคลือบแคลงมากมาย ที่สลับสับเปลี่ยนกันผุดโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น
ไม่ปล่อยให้ต้องติดอยู่ในวังวนเหล่านั้นนานจนเกินไป ชายชราเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะค้อมตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงคำนับอีกฝ่าย
“ที่ผ่านมาผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่เสียมารยาทและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับคุณไปมากนะครับ ดอกเตอร์ เอาละ...ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่นเลย ผมคงต้องขออนุญาตแนะนำตัวใหม่อีกหน...”
หลังจากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างที่แสดงความเป็นมิตร ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคนออกมา
“ผมดอกเตอร์โทมัส จิลเวล ผู้อำนวยการโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตจากดาวโลกไปสู่ดินแดนใหม่ โครงการลับสุดยอดระดับนานาชาติซึ่งสังกัดองค์กรการสำรวจและท่องอวกาศ ซึ่งมีเพียงบุคคลในระดับสูงสุดของโลก และผู้ซึ่งโดดเด่นปราดเปรื่องที่สุดในทุกสาขาวิชาชีพต่าง ๆ เพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ที่รู้ถึงการมีอยู่ของมันครับ”
โทมัสพูดพลางยื่นนามบัตรของตนเองให้ วิวัฒน์รับมาถือไว้โดยที่ไม่มีทีท่าคิดจะตรวจสอบตัวตนของอีกฝ่ายเลยสักนิด
องค์กรการสำรวจและท่องอวกาศเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการยอมรับด้านการบินและเทคนิคการบิน เครื่องยนต์กลไกและเทคนิคการสำรวจอวกาศ รวมถึงการต่อยอดขยายความรู้ที่ได้มาจากการสำรวจนั้น ๆ ในระดับโลก
เรียกได้ว่าหากมีการพูดถึงเรื่องอะไรก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับอวกาศ องค์กรนี้จะเป็นหน่วยงานแรกที่ทุกคนหรืออย่างน้อยก็คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึง
แน่นอนว่าวิวัฒน์ ซึ่งก็คือนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการในแวดวงคนหนึ่ง ย่อมต้องรู้จักองค์กรที่ยิ่งใหญ่ในระดับนี้เป็นอย่างดี แต่โครงการอพยพสิ่งมีชีวิตไปดาวดวงอื่นที่ว่ามานั้นเขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ชายหนุ่มให้ความสนใจเลยสักนิด สิ่งที่เขากำลังจดจ่อกลับเป็นสองประเด็นในคำพูดของแขกชราชาวต่างชาติผู้นี้ต่างหาก
หนึ่งคือโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตจากโลกไปสู่ดาวดวงใหม่ โครงการซึ่งผู้ที่กำลังบอกเล่าให้ฟังอยู่ในขณะนี้อ้างว่ามันเป็นโครงการลับสุดยอด ซึ่งมีเพียงคนสำคัญไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
ซึ่งตอนนี้เขาที่ไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญอะไรเลยสักนิด ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้นแล้ว
และสอง หากโครงการนี้มีอยู่จริง ๆ แล้วละก็ นั่นย่อมอนุมานได้ว่าทุกเรื่องที่ชายชราผู้นี้เปิดประเด็น และพยายามให้เขาอธิบายพูดคุยด้วยมาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่ตัวของแขกต่างชาติเองก็รู้มาอย่างดีอยู่แล้วเช่นกัน
แล้วจะมาถามเขา ให้เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วไปทำไม แขกผู้เต็มไปด้วยความลึกลับและปริศนาผู้นี้ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
วิวัฒน์ซึ่งค่อย ๆ เรียกสติและกลับมาตั้งหลักได้ รวบรวมเรียบเรียงข้อมูลที่ได้จากในทุกคำพูดของอีกฝ่าย แล้วเปลี่ยนความไม่สอดคล้องลงตัว ความไม่สมเหตุสมผลย้อนแย้งที่จับได้ ให้กลายเป็นคำถามตั้งเอาไว้อยู่ในใจ
หากเรื่องที่โทมัสกล่าวมาไม่ใช่เรื่องจริง ชายชราผู้นี้มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจาะจงมาหลอกลวงเขา อีกทั้งการหยิบยกเอาองค์กรซึ่งยิ่งใหญ่ถึงระดับนั้น มาอ้างรวมไว้ในคำโกหก มองอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดและสักนิด
เพราะแทนที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ มันจะกลายเป็นทำให้ผู้ฟังเคลือบแคลงสงสัยมากกว่า แถมคำโป้ปดมดเท็จในลักษณะนี้ก็ยังสามารถถูกตรวจสอบและพิสูจน์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่มีข้อดีให้ได้เห็นเลยสักนิด
จะมีข้อมูลอะไรแก้ข้อสงสัยเหล่านี้ได้บ้างไหม หรือจะมีข้อพิรุธอะไรอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก รอให้ทุกอย่างชัดเจน พิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อน หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ และเขาควรจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินไหมก็ยังไม่สาย
“คุณรู้ปัญหาและผลกระทบเหล่านี้ดี รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์จะดำเนินไปอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้ รู้ดีในทุกเรื่องที่เราคุยกันอยู่แล้ว ใช่ไหมครับคุณโทมัส”
เช่นนั้นเขาจึงเลือกโต้ตอบกลับไปโดยใช้คำถามนี้เป็นคำถามแรก ซึ่งหากเปรียบแล้วก็คงจะเหมือนการเลือกใช้หมัดแย็บในเชิงมวย ที่แม้ไม่ได้มีอานุภาพรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายล้มได้ แต่มันก็รวดเร็วพอที่จะตรงเข้าไปใส่โดยที่เป้าหมายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เป็นหมัดที่ใช้หยั่งเชิงคู่แข่งและรบกวนจังหวะได้อย่างดี ซึ่งถ้าหากปล่อยออกไปได้อย่างถูกที่ถูกเวลาแล้วละก็ หลาย ๆ ครั้งก็อาจทำให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนเสียหลักเสียเชิงไปได้เหมือนกัน
“อืม ก็ไม่เชิงครับ จะว่ารู้ทุกเรื่องดีอยู่แล้วก็คงไม่ถูก แต่จะว่าไม่รู้อะไรเลยก็คงไม่ขนาดนั้นเหมือนกัน ผมขอตอบคุณแบบนี้ก็แล้วกันนะครับ ดอกเตอร์” หยุดจังหวะค้างคำหน่อยหนึ่ง ก่อนจะใช้สีหน้าและแววตาที่อ่านไม่ออกอย่างที่ถนัด “อันที่จริงแล้วโครงการอพยพสิ่งมีชีวิตบนโลกไปสู่ดาวดวงใหม่โครงการนี้ เพิ่งเริ่มถูกก่อตั้งขึ้นและศึกษาอย่างจริงจังเมื่อไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมานี้เองครับ”
ระยะเวลาซึ่งสอดคล้องพอเหมาะพอเจาะที่ชายชราพูดถึงนั้น ใครได้ฟังก็ต้องรับรู้ได้ว่าผู้พูดตั้งใจให้คิดเกี่ยวเนื่องไปถึงวันที่วิวัฒน์ ได้นำเสนอผลงานวิจัยเหตุแห่งการดับสูญชิ้นนั้นแก่ชาวโลก
ในความรู้สึกหนึ่ง ภายในใจกำลังโกรธเกรี้ยวไปด้วยไฟแห่งโทสะ เหมือนตัวของเขากำลังถูกชายผู้เต็มไปด้วยความลับผู้นี้ปั่นหัวป่วนประสาทอยู่ตลอดเวลา
แต่ในอีกความรู้สึกซึ่งอยู่ลึกลงไปกว่าตรงจุดนั้น ความตื่นเต้นดีใจก็กลับแผ่ขยายแทรกซึมออกมาให้พอได้สัมผัสรับรู้ เกิดเป็นความปีติยินดีเหลือล้น ทำให้พองโตและอิ่มเอมในอกได้อย่างน่าประหลาด
ถ้าหากทั้งหมดที่กำลังคุยกันอยู่นี้คือเรื่องจริง และมันเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่เขาคิด ก็จะหมายความถึงว่าในเวลานั้นยังอาจจะมีคนสนใจ อาจจะยังมีใครอื่นอีกที่เห็นสิ่งที่เขาเห็น และคิดเช่นเดียวกันกับที่เขาคิด
อย่างน้อยยังมีคนฟัง อย่างน้อยสิ่งที่ทำไปนั้นอาจจะไม่ได้สูญเปล่าไปเสียทีเดียว และอย่างน้อยที่สุด...เขาก็จะไม่ใช่คนลวงโลกที่หวังใช้ความหวาดหวั่นมาสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง อย่างที่ถูกกล่าวหาและตราหน้ามาตลอด
สำนวนว่าไว้ว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน จากประโยคชี้นำที่พูดไปโดยปล่อยให้ค้างคาไว้ โทมัสซึ่งรับรู้ผ่านทางสีหน้าของอีกฝ่ายว่าจับประเด็นได้ และเข้าใจสิ่งที่เขาอยากสื่ออยากบอกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว จึงไม่รอช้าที่จะเริ่มการสนทนาบทต่อไปทันที
“ทั้งหมดที่คุณคิดอยู่นั้นถูกต้องแล้วครับ” ประโยคนี้เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความเป็นมิตร รู้ใจ เข้าอกเข้าใจ และรับรู้ได้ถึงการอยู่ฝั่งฝ่ายเดียวกัน “โครงการนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาหลังจากการนำเสนอผลงานวิจัยในครั้งนั้นเมื่อเกือบสิบปีก่อนของคุณครับ”
และเมื่อต้องการให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงทางความรู้สึกยิ่งขึ้น แทนที่จะรอให้อีกฝั่งก้าวข้ามเส้นแบ่งฝักฝ่ายเข้ามาหา ก็ต้องแสดงความกระตือรือร้นอย่างจริงใจ โดยการก้าวเข้าไปทำลายเส้นเขตแดนนั้นเองด้วยตัวเอง