สวัสดีค่ะ พอดีมีคำถามในใจมาพักนึงแล้วค่ะ
ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ที่บริษัทหนึ่ง โดยที่สังกัดแผนก ฝ่ายจัดซื้อ ภายใต้บริษัทอสังหาชื่อดังที่มีการสร้างคอนโดสร้างบีทีเอสอยู่ในภายในกรุงเทพ
โดยแรกเริ่มเดิมทีได้มีการสัมภาษณ์โดยหัวหน้าแผนก ทุกอย่างก็ผ่านไปปกติ และก็ได้งานทำที่บริษัทนี้
ในวันแรกที่เริ่มงานทางบริษัทมีการนำดิฉันไปแนะนำกับทุกทีม และส่งให้กับแผนกฝ่ายจัดซื้อในที่สุด
แต่เรื่องก็ได้เริ่มขึ้น การสอนงานถูกสอนผ่านหัวหน้าแผนกโดยตรงซึ่งหัวหน้าเขาก็ไม่ได้ว่างมากพอทีจะสอนดิฉันมาก
เขาได้มีการให้ทำงานเล็กๆน้อยๆ โดยที่ไม่ได้อธิบายเรื่องต่างให้ละเอียด อย่างที่ได้กล่าวไป เขาไม่ค่อยว่างพอที่จะให้ดิฉันถามในบางอย่าง
ดิฉันจึงมีการทำงานตามความเข้าใจของดิฉัน และมันอาจจะเป็นเพราะความไม่รอบคอบของดิฉันเองด้วย เมื่องานผิดทางหัวหน้าได้มีการตักเตือน
ในช่วงเเรกดิฉันทนได้ ดิฉันยอมรับได้เพราะมันคือความผิดดิฉัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเพียงแค่ 2-5 วัน การต่อว่าก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆไม่ได้มีท่าทีที่จะลดลง เเม้บางครั้งดิฉันจะทำถูกบ้างเเล้ว น้ำเสียงที่มีการใช้กับดิฉันช่างต่างกับคนอื่นในทีม บางครั้งดิฉันจะลุกไปห้องน้ำเป็นเวลา 3-5 นาที เนื่องจากการร้องให้ในที่ทำงานของดิฉันจึงคือปกติ และคำพูดสุดท้ายที่ทำให้ดิฉันมือสั่น และทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลคาโต๊ะที่ทำงาน คือคำว่า "อย่ามาแถกับพี่ พี่ไม่ชอบคนแถ ถ้าจะทำงานด้วยกันอย่ามาทำนิสัยเเบบนี้" เรื่องนี้เกิดจากในตอนเช้า หัวหน้าได้มีการให้ดิฉันเข้าไปดูเอกสารของทีมภายในห้องของเจ้านายแต่เมื่อดิฉันเข้าไปแล้วดิฉันไม่เห็นเอกสารดิฉันจึงคิดว่าเจ้านายอาจมีการนำหัวหน้าได้มีการให้ดิฉันเข้าไปดูเอกสารของทีมภายในห้องของเจ้านายแต่เมื่อดิฉันเข้าไปแล้วดิฉันไม่เห็นเอกสารดิฉันจึงคิดว่าเจ้านายอาจมีการนำเอกสารกลับไปที่บ้านหรือที่อื่น ในเมื่อดิฉันออกมาจากห้องดิฉันได้มีการแจ้งกับหัวหน้าว่า เอกสารยังไม่ได้มีการเซ็นเพราะดิฉันมีความคิดเห็นเช่นนั้นจริงๆแล้วเจ้านายได้มีการขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรอดิฉันได้ตอบแค่คำว่าเอกสารยังไม่ได้มีการเซ็นเพราะดิฉันมีความคิดเห็นเช่นนั้นจริงๆแล้วเจ้านายได้มีการขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรอดิฉันได้ตอบแค่คำว่าค่ะ โดยเรื่องนี้ก็เงียบไป และได้มีเรื่องต่อในช่วงประมาณ 10 โมงเรื่องเกิดจากที่ว่าการใช้ส่วนลดของร้านค้าที่เราต้องทำการและได้มีเรื่องต่อในช่วงประมาณ 10 โมง โดยดิฉันได้ทำโดยดิฉันได้ทำเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง และหัวหน้าได้มีการตีกลับเอกสารนั้นกลับมาหาดิฉัน โดยมีการถามว่าการชำระเงินมันเป็นแบบนี้หรอดิฉันได้มีการแก้ไขและสังเกตจากรายการการสั่งซื้อเก่าเก่าว่าการชำระเงิน กับคู่ค้าร้านนี้ โดยปกติแล้วมีการเรียกเก็บการชำระ โดยปกติแล้วมีการเรียกเก็บการชำระเงินแบบจ่ายสดหน้างานเมื่อของจัดส่งแล้ว และหัวหน้าได้มีการตำหนิและหัวหน้าได้มีการตำหนิดิฉันโดยใช้ข้อความแบบที่ดิฉันได้มีการเขียนในข้างต้นซึ่งตัวดิฉันพยายามอธิบายเหตุผลว่าดิฉันเห็นแบบนี้ซึ่งตัวหัวหน้าก็ไม่ได้มีการฟังเหตุผลแต่อย่างไรใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้หยาบคายแต่คนฟังไม่ได้รู้สึกดี ในวันนั้นเองดิฉันตัดสินใจแค่ว่าอยู่ต่อไปดิฉันคงจะโดนด่าเพราะดิฉันเพิ่งทำงานในวันนั้นเองดิฉันตัดสินใจแค่ว่าอยู่ต่อไปดิฉันคงจะโดนด่าเพราะดิฉันเพิ่งทำงานได้แค่หกวันแต่หัวหน้าต้องการให้ดิฉันทำงานเหมือนเหมือนคนที่ทำงานมาแล้วหกปีซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทางครอบครัวของดิฉันได้มีการแนะนำให้ซึ่งทางครอบครัวของดิฉันได้มีการแนะนำให้ลาออกเพราะครอบครัวฉันต้องมารับฟังเรื่องราวที่ฉันเลือกงานมันเอาร้องไห้ทุกวันครอบครัวฉันเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ
ดิฉันสงสัยค่ะว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าจำเป็นต้องทำแบบนี้กับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้างานได้ไม่ถึงอาทิตย์ขนาดนี้เลยหรอ การทำงานภายใต้สภาวะกดดันควรนำมาใช้ในตอนที่พนักงานเริ่มมีความคุ้นเคยกับงานบ้างแล้วหนึ่งส่วนสามไม่ใช่กับพนักงานที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ทุกอย่างตั้งแต่วันที่สองวันที่สามเองนะคะ
พนักงานใหม่
ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ที่บริษัทหนึ่ง โดยที่สังกัดแผนก ฝ่ายจัดซื้อ ภายใต้บริษัทอสังหาชื่อดังที่มีการสร้างคอนโดสร้างบีทีเอสอยู่ในภายในกรุงเทพ
โดยแรกเริ่มเดิมทีได้มีการสัมภาษณ์โดยหัวหน้าแผนก ทุกอย่างก็ผ่านไปปกติ และก็ได้งานทำที่บริษัทนี้
ในวันแรกที่เริ่มงานทางบริษัทมีการนำดิฉันไปแนะนำกับทุกทีม และส่งให้กับแผนกฝ่ายจัดซื้อในที่สุด
แต่เรื่องก็ได้เริ่มขึ้น การสอนงานถูกสอนผ่านหัวหน้าแผนกโดยตรงซึ่งหัวหน้าเขาก็ไม่ได้ว่างมากพอทีจะสอนดิฉันมาก
เขาได้มีการให้ทำงานเล็กๆน้อยๆ โดยที่ไม่ได้อธิบายเรื่องต่างให้ละเอียด อย่างที่ได้กล่าวไป เขาไม่ค่อยว่างพอที่จะให้ดิฉันถามในบางอย่าง
ดิฉันจึงมีการทำงานตามความเข้าใจของดิฉัน และมันอาจจะเป็นเพราะความไม่รอบคอบของดิฉันเองด้วย เมื่องานผิดทางหัวหน้าได้มีการตักเตือน
ในช่วงเเรกดิฉันทนได้ ดิฉันยอมรับได้เพราะมันคือความผิดดิฉัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเพียงแค่ 2-5 วัน การต่อว่าก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆไม่ได้มีท่าทีที่จะลดลง เเม้บางครั้งดิฉันจะทำถูกบ้างเเล้ว น้ำเสียงที่มีการใช้กับดิฉันช่างต่างกับคนอื่นในทีม บางครั้งดิฉันจะลุกไปห้องน้ำเป็นเวลา 3-5 นาที เนื่องจากการร้องให้ในที่ทำงานของดิฉันจึงคือปกติ และคำพูดสุดท้ายที่ทำให้ดิฉันมือสั่น และทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลคาโต๊ะที่ทำงาน คือคำว่า "อย่ามาแถกับพี่ พี่ไม่ชอบคนแถ ถ้าจะทำงานด้วยกันอย่ามาทำนิสัยเเบบนี้" เรื่องนี้เกิดจากในตอนเช้า หัวหน้าได้มีการให้ดิฉันเข้าไปดูเอกสารของทีมภายในห้องของเจ้านายแต่เมื่อดิฉันเข้าไปแล้วดิฉันไม่เห็นเอกสารดิฉันจึงคิดว่าเจ้านายอาจมีการนำหัวหน้าได้มีการให้ดิฉันเข้าไปดูเอกสารของทีมภายในห้องของเจ้านายแต่เมื่อดิฉันเข้าไปแล้วดิฉันไม่เห็นเอกสารดิฉันจึงคิดว่าเจ้านายอาจมีการนำเอกสารกลับไปที่บ้านหรือที่อื่น ในเมื่อดิฉันออกมาจากห้องดิฉันได้มีการแจ้งกับหัวหน้าว่า เอกสารยังไม่ได้มีการเซ็นเพราะดิฉันมีความคิดเห็นเช่นนั้นจริงๆแล้วเจ้านายได้มีการขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรอดิฉันได้ตอบแค่คำว่าเอกสารยังไม่ได้มีการเซ็นเพราะดิฉันมีความคิดเห็นเช่นนั้นจริงๆแล้วเจ้านายได้มีการขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรอดิฉันได้ตอบแค่คำว่าค่ะ โดยเรื่องนี้ก็เงียบไป และได้มีเรื่องต่อในช่วงประมาณ 10 โมงเรื่องเกิดจากที่ว่าการใช้ส่วนลดของร้านค้าที่เราต้องทำการและได้มีเรื่องต่อในช่วงประมาณ 10 โมง โดยดิฉันได้ทำโดยดิฉันได้ทำเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง และหัวหน้าได้มีการตีกลับเอกสารนั้นกลับมาหาดิฉัน โดยมีการถามว่าการชำระเงินมันเป็นแบบนี้หรอดิฉันได้มีการแก้ไขและสังเกตจากรายการการสั่งซื้อเก่าเก่าว่าการชำระเงิน กับคู่ค้าร้านนี้ โดยปกติแล้วมีการเรียกเก็บการชำระ โดยปกติแล้วมีการเรียกเก็บการชำระเงินแบบจ่ายสดหน้างานเมื่อของจัดส่งแล้ว และหัวหน้าได้มีการตำหนิและหัวหน้าได้มีการตำหนิดิฉันโดยใช้ข้อความแบบที่ดิฉันได้มีการเขียนในข้างต้นซึ่งตัวดิฉันพยายามอธิบายเหตุผลว่าดิฉันเห็นแบบนี้ซึ่งตัวหัวหน้าก็ไม่ได้มีการฟังเหตุผลแต่อย่างไรใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้หยาบคายแต่คนฟังไม่ได้รู้สึกดี ในวันนั้นเองดิฉันตัดสินใจแค่ว่าอยู่ต่อไปดิฉันคงจะโดนด่าเพราะดิฉันเพิ่งทำงานในวันนั้นเองดิฉันตัดสินใจแค่ว่าอยู่ต่อไปดิฉันคงจะโดนด่าเพราะดิฉันเพิ่งทำงานได้แค่หกวันแต่หัวหน้าต้องการให้ดิฉันทำงานเหมือนเหมือนคนที่ทำงานมาแล้วหกปีซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทางครอบครัวของดิฉันได้มีการแนะนำให้ซึ่งทางครอบครัวของดิฉันได้มีการแนะนำให้ลาออกเพราะครอบครัวฉันต้องมารับฟังเรื่องราวที่ฉันเลือกงานมันเอาร้องไห้ทุกวันครอบครัวฉันเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ
ดิฉันสงสัยค่ะว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าจำเป็นต้องทำแบบนี้กับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้างานได้ไม่ถึงอาทิตย์ขนาดนี้เลยหรอ การทำงานภายใต้สภาวะกดดันควรนำมาใช้ในตอนที่พนักงานเริ่มมีความคุ้นเคยกับงานบ้างแล้วหนึ่งส่วนสามไม่ใช่กับพนักงานที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ทุกอย่างตั้งแต่วันที่สองวันที่สามเองนะคะ