เล่าประสบการณ์จับมือกับสคบ สู้กับคลินิกเวร

อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การโดนคลินิกขายคอร์สแล้วหน้าพัง สู้ตามกับสคบ จนได้เงินคืนเต็มจำนวนค่ะ
เรื่องเกิดเมื่อธันวาปี 64 ตามจนได้เงินคืนในเดือนพฤษภาปี 65 ค่ะ
เพราะว่าตอนเกิดเรื่องแล้วไม่รู้จะทำยังไงในตอนแรก ก็ได้กระทู้ในพันทิปนี่แหละค่ะช่วยเป็นแนวทาง เลยตั้งใจว่าถ้าชนะได้เงินคืนแล้ว จะมาเขียนกระทู้เผื่อกระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นค่ะ แต่เพราะหลังโควิดเปิดทำงานเต็มระบบเลยพึ่งจะได้มีเวลามาเขียนกระทู้ค่ะ

ก่อนอื่นอยากจะรีวิวว่า เดินเรื่องกับสคบ ได้เงินคืนจริงนะคะ เเต่ต้องใช้เวลาและพลังในการตามเรื่องเองหน่อยค่ะ

เล่าย่อๆคือเราไปเดินห้างชื่อดังแถวลาดพร้าว โดนพนักงานตั้งบู๊ทดักหน้าหลังขายคอร์ส มีรูปดารามาบอกว่าดาราท่านนี้ใช้บริการ ขอบัตรเครดิตเราไปจะเชคโปรโมชั่น ในจุดนี้อย่าให้บัตรเค้าไปเด็ดขาดค่ะ ถ้าคลินิกที่มีโปรกับบัตรจริงเค้าจะต้องมีโปรให้เราดูเลยค่ะ ไม่ใช่เอาบัตรเราไป วันนั้นเรามึนๆ แต่ดูเค้าก็ดูมีเอารูปดาราที่ดังมาให้ดู เราคิดว่าถ้าไม่จริงเค้าคงไม่กล้าเอารูปคนอื่นมาแอบอ้าง แต่เราคิดผิดค่ะ(เพราะว่าพอตอนที่เข้าไปใช้บริการไม่เห็นมีรูปสักคนที่เค้าเอามาโชว์ค่ะ) สรุปเรารูดบัตรซื้อคอร์สวันนั้นที่ชั้น 1 โดยไม่ได้เห็นคลินิกจริงๆด้วยค่ะ (เป็นอีกจุดที่เราพลาดมากจริงที่จุดนี้) เราเข้าไปใช้บริการครั้งแรกตอนเย็นวันนั้นเลย เมื่อกลับถึงบ้าน เวลาประมาณ 1 ทุ่มได้เกิดอาการมึนหัว และเดินเซ เช้าวันถัดมา อาการมึนหัวยังคงอยู่แต่ค่อยๆดีขึ้น แต่เกิดอาการบวมแดง และอักเสบขึ้นที่บริเวณใบหน้า จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการขอเงินคืนและเดินเรื่องทั้งหมดค่ะ

เมื่อเกิดเรื่องแล้วสิ่งที่ต้องทำคือรวบรวมสติ และหลักฐานค่ะ ตอนนั้นเราไม่มีเอกสารอะไรที่ตัวเลย ไม่มีใบเสร็จ มีแค่สลิปบัตร ไม่มีรายละเอียดคอร์ส เมื่อมีอาการที่เกิดขึ้นด้านบนเราเลยเลือกการใช้ไลน์ติดต่อพนักงานขายไปแทนที่จะโทรค่ะ เพื่อให้มีหลักฐานในการดำเนินเรื่องค่ะ เราไลน์ไปถามรายละเอียดคอร์สให้เค้าพิมพ์ชื่อมาค่ะ ถามว่าที่ฉีดเข้าหน้าไปคือยาอะไร หน้าเรามีอาการแบบนี้ๆ แต่แน่นอนค่ะพนักงานไม่ยอมบอกว่าคือยาอะไร หลังจากเจรจาขอเงินคืนทั้งทางไลน์ โทรไปคุย เข้าไปคลินิกเจรจาเพราะเราไม่มีความไว้ใจที่จะใช้บริการที่นี่ต่อแล้ว ทางคลินิกไม่คืนเงินค่ะ จึงฟ้องสคบ

เอกสารยื่นสคบ สิ่งที่ถ้ามีจะมีระโยชน์ในการดำเนินเรื่องค่ะ
1. แชทไลน์ทั้งหมดที่เราคุยกับคลินิก เรื่องที่หน้าเราพัง ชื่อคอร์ส การถามชื่อยาแล้วไม่ได้รับคำตอบ
2. หนังสือบอกเลิกสัญญา ที่ให้คลินิกเซ็นค่ะ (อันนี้ถ้าไม่มีคิดว่าไม่เป็นไรค่ะ แต่เราทำเพื่อให้สคบดูว่าเราได้ทำการเจรจาแล้ว ก่อนที่จะมาถึงจุดฟ้องสคบค่ะ ต้องให้คนที่เซ็นรับลงลายมือชื่อนามสกุลเต็มแบบอ่านออกนะคะ)
3. ใบรับรองแพทย์ (เมื่อเกิดเรื่องวันถัดมาเราไปหาแพทย์ เล่าอาการให้คุณหมอฟังค่ะ อย่ารอคลินิกที่ถ่วงเวลาเราค่ะ ให้ไปพบหมอเลย หน้าที่มันแพ้ หมอผิวหนังท่านไหนก็ดูออกค่ะว่าแพ้)
4. สลืปธนาคาร หรือหลักฐานการชำระเงิน
5. รูปถ่ายหน้าเราก่อนทำกับหลังทำค่ะ (ปริ้นสีไปนะคะ)
6. ไทม์ไลน์ (เราพิมพ์ลำดับเหตการณ์ทั้งหมดไปจากบ้านเลยค่ะ เพื่อไม่ให้ตกหล่น ไม่งั้นจะต้องไปเขียนที่เค้าเตอร์ ซึ่งมันยาวค่ะ ตอนพบเจ้าหน้าที่สคบ เค้าจะเอาใบที่เราพิมพ์ไปดูเพื่อกรอกลงระบบของสคบ ในระหว่างนั้นเค้าก็จะถามรายละเอียดเราเพิ่มเติมค่ะ)
7. เอกสารที่เราลงสมาชิกกับคลินิกค่ะ มีจะมีรายละเอียดคอร์สที่เราลงไป (อันนี้เราเข้าไปขอเค้าถ่ายวันที่เข้าไปเจรจาค่ะ)

การยื่นเรื่องสคบ
ตอนแรกเราโทรไปคอลเซ็นเตอร์ของสคบค่ะ รอสายนานหน่อย แต่ว่าพนักงานให้คำปรึกษาดีมากค่ะ พนักงานบอกว่าถ้ามีใบรับรองแพทย์ โอกาสได้เงินคืนสูงมากค่ะ และถ้าเคยแจ้งคลินิกแล้วเค้าไม่คืนเงิน ก็ไม่ต้องไปคุยกับคลินิกแล้วค่ะ เสียเวลา ให้มาทำเรื่องกับสคบเลย ถ้าแจ้งเรื่องทางออนไลน์จะช้าหน่อย ถ้าสะดวกแนะนำให้ไปที่สำนักงานสคบเลยค่ะ ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ค่ะ

เราเลือกเข้าไปที่สำนักงานค่ะ เตรียมเอกสารทั้งหมดด้านบนไป 2 ชุด สำหรับเจ้าหน้าที่ชุดนึง เก็บไว้เองชุดนึงค่ะ 
พนักงานที่รับเรื่องบริการดีมากค่ะ ทำงานไว เรียบร้อย แต่จะช้าตรงตามเรื่องนี่แหละค่ะ ที่โต๊ะรับเรื่องมีติดไว้ว่าถ้าเอกสารครบ จะดำเนินการภายใน 15 วันทำการ (ณ ตอนนั้นนะคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีเปลี่ยนระบบมั๊ย)เรายื่นเรื่องไปเดือนมค 65 หลังจากนั้น 15 วันเราก็โทรไปตามเรื่อง สรุปคือ 15 วันไม่มีจริงค่ะ รอไปเลยค่ะ 45 วัน ทุกคนสามารถเข้าไปเชคสถานะในเวปเองได้นะคะ ถ้าเรื่องของเรามีการแจกให้เจ้าหน้าที่ที่รับงานแล้ว จะมีชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีเราค่ะ
หลังจากนั้นเราโทรไปสอบถามเลยค่ะว่าจะมีความคืบหน้าภายในกี่วันๆ ถ้าไม่มีแนะนำให้โทรไปค่ะ ของเราเค้าบอกว่าเจ้าหน้าโทรไปเจรจาแต่ทางคลินิกไม่มีคนรับ เลยจะทำการยื่นหมายไป ซึ่งสคบได้ทำการยื่นหมายไปคลินิกทั้งหมดสองครั้งให้เข้ามาไกล่เกลี่ย ซึ่งไม่มีการตอบกลับค่ะ เจ้าหน้าที่เลยแจ้งเราว่าถ้าไม่มีการตอบกลับอีกเค้าจะเดินเรื่องฟ้องให้เราเองเลยโดยเราไม่ต้องทำอะไร   ซึ่งจุดนี้ทางคลินิกจะต้องโดนปรับที่เพิกเฉยหมายของทางสคบด้วยค่ะ (อาจจะใช้คำไม่ถูกต้อง แต่เจ้าหน้าแจ้งเราประมาณนี้ค่ะ) สุดท้ายแล้วในเดือนพค 65 ทางคลินิกได้ติดต่อเรามาจะขอคืนเงิน โดยให้เราไปกดยุติเรื่องทางสคบค่ะ อันนี้เราเลยโทรปรึกษาเจ้าหน้าที่สคบที่ทำเรื่องให้เรา เค้าก็แนะนำว่าให้เรายอมรับเงินไปเพราะว่าถ้าเรื่องไปถึงขั้นฟ้องต่อ ทางเราจะเสียเวลามากกว่านี้ค่ะ ในตอนแรกทางหุ้นส่วนโทรมาบอกว่าจะโอนเงินคืนเฉยๆ แต่สุดท้ายเป็นการนัดเจอที่ร้านกาแฟเพื่อจะเซ็นเอกสารเป็นหลักฐานการรับเงินคืนเป็นเชคเงินสดและในหนังสือระบุว่าเราไม่สามารถเปิดเผยชื่อคลินิกได้ค่ะ หลังจากเอาเชคไปเข้าเงินเข้าธนาคารเรียบร้อย เราจึงเข้าไปกดยุติเรื่องในสคบค่ะ

130 กว่าวันอันยาวนาน ในการดำเนินเรื่องกับสคบ จนได้เงินคืนเต็มจำนวนค่ะ อยากให้ทุกคนมีกำลังใจในการตามเรื่องนะคะ สุดท้ายแล้วทุกอย่าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นกันเรา เรามีสิทธิในการได้เงินคืนค่ะ ทุกวันนี้หน้าเรายังไม่หาย 100 เปอร์เซ็นเลยค่ะส่องกระจกก็ยังเซ็งอยู่ แต่อย่างน้อยเราก็ชนะได้เงินคืน มารักษาหน้ากันต่อไปค่ะ อย่าไปยอมมันค่ะ

ขอบคุณ กระทู้ของท่านนี้มากค่ะ https://pantip.com/topic/37665831 ช่วยเราได้มากเลยค่ะ
ขอบคุณ คอลเซ็นเตอร์บัตรเครดิตเซ็นทรัล ที่เราโทรไปตอนตี 3 เพราะกลุ้มจริงๆ ให้คำแนะนำที่ดีมากค่ะ จริงๆถ้าใครโดนหลอกซื้อคอร์สแล้วยังไม่ได้เข้าใช้บริการ สามารถยกเลิกได้นะคะ ภายในกี่วัน หรือในเงื่อนไขไหนให้ลองปรึกษาบัตรของตัวเองดูค่ะ
ขอบคุณ สคบ ที่ทำเรื่องให้ค่ะ ถ้าเป็นไปได้สามารถลดระยะเวลาในแต่ละขั้นได้จะดีมากเลยค่ะ

ขอให้ทุกคนที่กำลังเจอเรื่องแบบนี้ หรือเรื่องคดีความอันอื่นที่ไม่ยุติธรรม ขอให้สู้ค่ะ เราต้องสู้เพื่อตัวเราเองค่ะ

สำหรับคนที่อ่านมาจนจบ อาจจะมีพิมพ์ผิด ติดแท็กผิด หรือมีเหตุการณ์คาดเคลื่อนตรงไหนบ้าง เพราะผ่านระยะเวลามาสักพักนึงแล้ว ต้องขออภัยด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่