เสียงจาก " เกียงไท้กง "

เสียงจาก " เกียงไท้กง "
เหตุเกิดวันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นวันรับเทพเจ้าเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ หลังสิ้นสุดวันตรุษจีน ตามความเชื่อของชาวจีนมาแต่โบราณ
พี่เอ (คุณคนึงนิจ โพธิราช) ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ท่านเป็นสมาชิกผู้ใหญ่ท่านนึงที่อยู่ในชมรมสู่ร่มโพธิญาณมายาวนาน ท่านนี้จะเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมอย่างยิ่งท่านหนึ่ง ตามปฏิทินจีนปีนี้วันไหว้จะไปตรงกับวันศุกร์ ที่ 9 ก.พ. 2567 พี่เอก็ได้จัดเตรียมของไหว้เหมือนทุกๆ ปีที่ทำมา หลังจากไหว้เสร็จ พี่เอได้ลาของไหว้ทั้งหมดรวบรวมจัดเก็บเข้าตู้เย็นใหญ่ ส่วนของที่ยังไม่ได้ไหว้ก็จัดเก็บเข้าตู้เย็นเล็ก เพื่อแยกส่วนให้ไม่ผสมปนเปกันเพื่อง่ายต่อการจัดไหว้ครั้งต่อไป จะมีก็แต่ผลไม้กีวี 1 กล่อง ที่ไหว้แล้วต้องนำไปใส่ตู้เย็นเล็กรวมกับของที่ยังไม่ได้ไหว้เพราะของเยอะตู้เย็นใหญ่เต็มจึงใส่ไม่หมด แต่แยกกล่องไว้ต่างหากพร้อมเขียนด้วยปากกาว่า " ไหว้แล้ว "  เพื่อกันการหลงลืม
เช้าวันอังคาร ที่ 13 ก.พ. 2567  ในวันนี้พี่เอจะต้องตระเตรียมของไหว้เพื่อรับเทพเจ้าเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์  พี่เอไหว้ทั้งหมด 5 ที่ ในบ้าน ดังนี้
1. หิ้งพระ
2. เทวดาฟ้าดิน (ทีกง)
3. เจ้าเตา
4. ตี่จู้เอี๊ยะ
5. เกียงไท้กง  
ด้วยวันนั้นงานยุ่งมากและมีธุระต้องรีบออกไปทำธุระนอกบ้าน พี่เอจึงได้ออกปากวานให้ลูกสาวมาช่วยหยิบของในตู้เย็นเล็กที่เตรียมไว้ออกมาให้ เพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น เมื่อจัดเตรียมของครบแล้ว ก็ได้เวลาจุดธูปไหว้
สักครู่ก็ไหว้เสร็จพอธูปใกล้จะหมดพี่เอก็เริ่มทยอยลาของไหว้ในแต่ละที่แล้วรวบรวมกระดาษเงินกระดาษทองจะไปเผาถวายตามธรรมเนียม พอมาถึงโต๊ะบูชาของ " เกียงไท้กง " พี่เอก็รู้สึกตกใจและแปลกใจว่า ปีนี้องค์เกียงไท้กง แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นหรืออย่างไร?  เพราะขนมมงคล ที่ใช้ไหว้จะมีขนมจันอับอยู่ด้วย แต่ปรากฏว่าขนมจันอับนั้นหายไปทั้งจาน
พี่เอเลยคิดว่าหรือปีนี้ เกียงไท้กง รับของไปทั้งจานเลย แต่เพื่อความแน่ใจ จึงเดินไปหลังบ้านเพื่อตรวจดูของไหว้ว่านำมาตั้งถวายครบหรือไม่?  ปรากฏว่าขนมจันอับ ที่จัดถวาย เกียงไท้กง ยังตั้งอยู่บนโต๊ะหลังบ้าน พี่เอก็ตกใจและขำตัวเองอยู่ในใจจึงรีบมาจุดธูปบอกกล่าว เกียงไท้กง เพื่อถวายขนมจันอับ อีกครา
เมื่อเสร็จพิธีไหว้รับเจ้าลงมาจากสวรรค์แล้ว พี่เอจึงได้บอกกล่าวลาของไหว้แล้วนำกระดาษเงิน-ทองไปเผาถวาย จากนั้นจึงนำผลไม้และของไหว้ทั้งหมดมากองรวมกันก่อนจะคัดแยกเก็บใส่ถุง ใส่กล่องให้เป็นระเบียบใส่ในตู้เย็น ในขณะที่กำลังจะเก็บผลไม้กีวีใส่กล่องอยู่นั้นเอง พี่เอได้เหลือบตาไปมองที่กล่องใส่กีวี แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง บนฝากล่องกีวีเขียนว่า " ไหว้แล้ว "  โอ้ยตายหละลูกสาวฉันหยิบมาผิดกล่อง เอากีวีที่ไหว้แล้วมาไหว้ซ้ำ ส่วนกล่องที่ยังไม่ไหว้ก็ยังอยู่ในตู้เย็นเล็ก คราวนี้พี่เอเกิดความกังวลอย่างหนักว่าจะทำยังไงดี? เทวดาจะว่าอะไรหรือเปล่า? จะถูกเทวดาลงโทษไหม? ต่อมความคิดกังวลเริ่มทำงาน ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวเก็บของเสร็จจะโทรไปปรึกษา อ.วิกรานต์ เรื่องนี้เสียหน่อย แต่เพียงแค่คิดยังไม่ทันได้โทร ทันใดนั้น อ.วิกรานต์  ก็โทรหาพี่เอซะแล้ว เมื่อพี่เอรับสาย อ.วิกรานต์  ถามประโยคแรกทำเอาพี่เอรู้สึกอึ้งมาก แม้จะรู้ๆ อยู่และคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านี้มาหลายครั้งหลายคราแล้ว 
อจ : พี่เอทำอะไรอย่างนี้ล่ะ?
พี่เอ : เจ้าไปบอกคุณแล้วเหรอ
         อาจารย์รู้แล้วเหรอ? พร้อม
         หัวเราะแบบเขินๆ พร้อมพูด
         ว่า กำลังร้อนใจอยู่พอดีเลย
         กำลังคิดว่าจะโทรหาอาจารย์
         อยู่ แต่อาจารย์โทรมาพอดี
อจ : ก็เรื่องที่พี่เอไหว้ของซ้ำใช่มั๊ย
        หละ?
พี่เอ : ก็ใช่น่ะสิ พี่จะทำอย่างไรดี?
         พี่กังวลมาก เจ้าไปบอก
          อาจารย์ว่ายังไงคะ?
อจ : ตอนช่วงบ่ายหลังจัดไหว้และ
        เก็บงานเสร็จรู้สึกเหนื่อย เลย
        เอนหลังนอนพักคลายอาการ
        เมื่อยล้า แล้วภาวนาไปเรื่อยๆ 
        " เกียงไท้กง " ท่านมาปรากฎ
        องค์ขึ้นให้เห็นท่านก็พูดว่า.. 
        ลูกศิษย์เธออาชุงเฮียง เดี๋ยวนี้
        ชักอายุมากเริ่มหลงๆ ลืมๆ
        แล้ว555  ถวายน้ำชา ผลไม้
        แล้วแต่ลืมขนมแล้วหาว่าข้า
        เอาไปหมดอีก ท่านหัวเราะ
        อย่างอารมณ์ดี จากนั้นเจ้าที่ 
        ที่ดูแลบ้านพี่เอ ก็ปรากฎขึ้น
        มา พร้อมกับร้อยยิ้มแล้วหัน
        ไปคารวะ องค์เกียงไท้กง 
        พร้อมเอ่ยว่า..ใช่ๆขนาดผลไม้
        ไหว้แล้วยังมาถวายซ้ำอีก
        แล้วท่านทั้ง 2 ก็หัวเราะอย่าง    
        อารมณ์ดี
อ.วิกรานต์ จึงกราบเรียนถามองค์เกียงไท้กง อย่างนี้มีโทษไหมครับ?
ท่านบอกว่า..ไม่เป็นไรเจตนาดีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ถือโทษอะไร เอาอย่างนี้นะถ้าอยากแก้ตัว
ก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะง่ายๆไม่ต้องยุ่งยาก ให้เอาผลไม้ที่ถวายบูชาพระและเทพเจ้าแล้ว ให้นำไปใส่บาตรถวายพระ โดยการใส่บาตรอย่างละนิดอย่างละหน่อย
เอาเป็นเคล็ดแล้วค่อยกรวดน้ำอุทิศกุศลถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เค้าก็จะได้รับบุญ เทพเจ้าและบรรพบุรุษจะได้โมทนากุศลร่วมกัน อย่างนี้นะ จะได้ง่ายๆไม่สิ้นเปลืองไม่ต้องไหว้อีกครั้ง
ท่านตอบด้วยความเมตตา
อ.วิกรานต์ จึงเรียนถามด้วยอยากรู้ว่า..
เอ๊ะ!!! ปกติของไหว้แล้วไหว้ซ้ำได้ไหมครับ?
ท่านว่าไม่ควร
เพราะเปรียบเหมือนของกินแล้วใช้แล้วจะนำไปมอบให้ผู้ใหญ่มันไม่ควร
จึงเรียนถามท่านว่า..
เอ!!!!
แล้วท่านเกียงไท้กงเป็นเทพทางฝ่ายเต๋าและขงจื้อ
ท่านรับบุญแบบพุทธได้หรือครับ?
ท่านหัวเราะอีกคราแล้วบอกว่า แดนทิพย์ เขาโมทนายินดีในความดี เพราะความดีคือความสุขของจิตวิญญาณ ดังนั้นถ้าทำความดีแล้วอุทิศกุศลให้ ถ้าเขามีบุญไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดก็รับได้
เฉกโลกมนุษย์เห็นข่าวคนทำดีช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภัยหรือช่วยสัตว์ต่างๆ ให้พ้นทุกข์ทรมาน
แล้วเราเห็นเราทราบเราก็อิ่มเอมใจสุขใจใช่ไหม?
ในแดนโลกทิพย์ก็เช่นกัน
ท่านกล่าวจบ
อ.วิกรานต์ ก็ก้มกราบขอบคุณที่ท่านไขข้อข้องใจให้จากนั้นภาพนิมิตก็เลือนหายไป
เมื่อเล่าเหตุการณ์ในนิมิตให้พี่เอได้ฟังแล้ว พี่เอก็คลายความกังวลใจ
เช้าวันต่อมาพี่เอได้ทำตามที่องค์เกียงไท้กงแนะนำทุกประการ 
เรื่องของบวงสรวงไหว้แล้วนี้
อ.วิกรานต์ เคยเรียนถามพระเถระผู้ใหญ่หลายองค์ท่านก็ตอบคล้ายๆกันว่าได้
อย่าง หลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ พระอรหันต์ผู้เป็นครูบาอาจารย์
ท่านสอนว่า ได้สิ? ทำไมจะไม่ได้
แล้วท่านถาม อ.วิกรานต์ กลับว่า
ของไหว้แล้ว คนเอามากินแล้วอิ่มไหม?
อ.วิกรานต์ ก็ตอบว่าอิ่มครับ
ท่านก็สอนว่า
พระก็เหมือนกันของบวงสรวงแล้วมาฉันเป็นภัตตาหารก็อิ่มเหมือนของไม่ได้ผ่านการบวงสรวงไหว้เทพเจ้านั่นแหละ
พระสงฆ์ สามเณร ผู้ปฏิบัติธรรม กินแล้วมีแรงปฏิบัติธรรม มีแรงทำคุณงามความดีเหมือนกัน
ทำไมอานิสงส์จะไม่ไพบูลย์?
ถวายเทวดาพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า เทวตาพลี เป็นความดีคือมี เทวานุสติ ระลึกถึงคุณงามความดีท่านไว้เป็นแบบอย่างสอนใจ ได้บุญสองต่อเลยนะ
ทำให้นึกถึงคำสอน หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
ท่านยังสอนว่า เดนคน ถ้าจำเป็นให้ด้วยความเคารพและมีใจสงเคราะห์พระพุทธเจ้ายังทรงสรรเสริญเลย
แล้วนี่ของบวงสรวงเป็นของดีๆทำไมจะไม่ได้อานิสงส์
ทานบารมี มีผลทำให้มีความสุขมีโภคทรัพย์เหลือกินเหลือใช้
เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์จึงเขียนเล่าเป็นธรรมทาน
ขอทุกท่านรับบุญและโมทนาร่วมกันนะคะ 🙏🪷

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่