"หญิงชราพาขึ้นดอย" อุทยานห้วยน้ำดัง

ต้องบอกว่า กระทู้นี้ธาราสินธุ์ไม่ได้เขียนเองอีกเช่นกัน
สืบเนื่องจากกระทู้ "หญิงชราพาเที่ยวอินตระเดีย" ในกระทู้ก่อนโน้น https://pantip.com/topic/42366929 
ผู้ใหญ่ที่เคารพของดิฉัน ไปเที่ยวไหน สนุก ๆ น่าสนใจ กรุณาเล่าให้ฟังเป็นความรู้ ก็เลยขออนุญาตท่านเอามาลงต่อ เพราะเห็นว่าในนี้มีแฟน ๆ หนังสือส่วนหนึ่งที่เคยติดตามงานเขียนท่านในพลอยแกมเพชรมาด้วย

เชิญติดตามได้เลยค่ะ
อมยิ้ม29

หญิงชราพาขึ้นดอย

คำเตือน ขอบอกว่าเรื่องนี้มีสาระค่อนข้างมาก ระดับ 2 ดาว เอาใจผู้ใฝ่รั เพราะมากับเพื่อนที่เป็นอาจารย์ แฟนคลับภาคบันเทิงผ่านไปได้เลยนะคะ

วันที่ 1: ขึ้นดอย

     หลังจากหายป่วยจากโควิดสายพันธุ์ญี่ปุ่น จึงได้รีบจัดกระเป๋าไปลั้นลากับเพื่อนต่อตามประสาหญิงไร้อาชีพ เริ่มที่พอลงเครื่องบินที่เชียงใหม่ปุ๊บ ก็ไปวางบายศรีและพานพุ่มถวายสักการะอนุสาวรีย์พระราชขายาเจ้าดารารัศมีที่เพื่อน ‘วิดวะ จุฬา 04 ที่น่ารักจัดการให้ (แปลว่าเป็นธุระทำให้ฟรีๆ) แหม! ทีสมัยเป็นน้องใหม่ปี ‘04 ละก็เข่นเขี้ยวถึงกับยกพวกตีกันเอิกเกริก จนร้อนถึงจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต้องลงมาห้ามศึก วิดวะ vs รัดสาดด้วยตนเอง! มาบัดนี้ 60 ปีให้หลัง กลับมารักกันจี๋หวานจ๋อย เป็นข้อพิสูจน์ถึงหลักอนิจจัง ความไม่เที่ยงของพุทธศาสนาไงคะ

     ที่เล่ามานี่ก็เพื่อบอกให้รู้ว่าเด็กสมัยก่อนก็มีโมเมนต์ที่ไร้สติ ไร้สาระเหมือนกัน แต่เป็นความไร้สติที่ไม่ทำลายล้างประเทศและสิ่งดีงามทั้งหลาย อาจเป็นเพราะเราเรียนวิขาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมมากระมัง และความเกเรของเราก็เป็นเพราะฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านตามธรรมชาติ ประเภทที่สำนวนสมัยก่อนเรียกว่า พากันไป ‘ตีหัวหมา ปาหัวชาวต่างประเทศ’ และไม่ใช่ความรุนแรงที่ถูกเสี้ยมให้วอดวายไปข้างหนึ่งข้างใด

     เราแวะชมพิพิธภัณฑ์ที่พระตำหนักดาราภิรมย์ของเจ้าดารารัศมี ได้รับทราบว่าเมื่อตอนที่เจ้าพ่อของท่านได้ถวายตัวเจ้าดารารัศมีแก่ ร.5 นั้น เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองกำลังล่อแหลมว่าดินแดนล้านนาจะเอนเอียงไปทางใด  เพราะพระเจ้ากรุงพม่ากำลังเล็งจะขอเจ้าดารารัศมีไปเป็นบุตรบุญธรรมอยู่พอดี จึงนับว่าพระราชชายาทรงมีคุณูปการอย่างสูงที่ทำให้ประเทศไทยยังมีอาณาเขตเช่นปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ของท่านน่าสนใจค่ะ มีผ้าทอลายวิจิตรที่พระองค์ท่านทรงออกแบบลายด้วย

     หลังจากนั้น เพื่อนใจดีคนเดิมได้พาไปเลี้ยงอาหารกลางวันอีก 1 อิ่ม ต่อด้วยของหวานที่บ้านอีกเพียบ สมดังสุภาษิตที่ว่า ‘มีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ปาก‘ อิ่มหนำสำราญดีแล้ว เราจึงออกเดินทางไปยังอุทยานห้วยน้ำดัง ให้ทันดูพระอาทิตย์ตกดอย ซึ่งเขาลือกันว่าวิวสวยมาก

    ณ ที่นั่นเราได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นและดีเลิศ เพราะหัวหน้าทัวร์ของเราและคุณสามีเป็นผู้มีอุปการคุณแก่อุทยานนี้มาเป็นเวลานานปี เริ่มตั้งแต่เธอมาเที่ยวที่นี่ แต่ด้วยจิตวิญญาณครู จึงอดแนะนำเจ้าหน้าที่อุทยานในเรื่องต่างๆ ที่จะทำให้อุทยานแห่งนี้ ’ดัง‘ สมชื่อ เช่นเรื่องการท่องเที่ยวเชิง
นิเวศน์ mountain trekking การอนุรักษ์ธรรมชาติ 

   และด้วยความช่างเจ๊าะแจ๊ะของเธอก็ได้แนะนำชนเผ่ามาแสดงวัฒนธรรมของตน ฯลฯ ซึ่งเมื่อ 30 ว่าปีก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวุ้นใน Petri dish (จานเพาะเชื้อ) อยู่เลย แต่ไอเดียกระฉูดของเธอและคุณสามีผู้เชี่ยวชาญด้านบัญนำบัญชี ก็ได้เมตตาให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้ชื่นชมกับธรรมชาติที่งดงาม สนามหญ้าที่เรียบเขียว ดอกไม้งามนานาชนิด รวมทั้งแปลงกะหล่ำปูเลหลากสี (ในช่วงต้นกุมภาที่เราไปนะคะ ถ้าคุณไปช่วงอื่นอาจไม่เหมือนเช่นนี้ก็ได้ ห้ามโทษกัน) ที่ชอบใจเป็นพิเศษคือไอเดียห้องสุขาแบบ invisible ของลานกางเต้นท์ค่ะ เขาเอาไปแอบไว้หลังแนวแมกไม้ ทำให้ไม่เกะกะสายตา ทั้งหมดนี้โดยใช้คนสวนดูแลเพียง 20 กว่าคนเท่านั้น!

     คืนนั้นเจ้าหน้าที่สั่งอาหารมาบริการให้เราถึงบนบ้านรับรอง ปรุงโดยนักโภชนาการ (แม่ครัว) มือฉมัง อร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะเมนู ’ไข่โป้ง‘ คือยำไข่ออนเซ็น ซึ่งเขาโม้ว่า ไข่ของเขาต้มในน้ำแร่เชียวนะ










     อิ่มอร่อยแล้ว หนุ่มสาวทั้งหลายก็ตั้งวง ‘พูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตอนที่เขาไม่อยู่’ (นินทาชาวบ้าน) จนดึกดื่น ถึงกับลืมลุกขึ้นไปดูดาวที่เขาว่ามีอยู่เยอะแยะเป็นพิเศษ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าชะโงกไปดูทะเลหมอก จากระเบียงหน้าบ้านแทนก็ได้ ไม่ต้องถ่อร่างขึ้นรถลงเรือไปดูเหมือนแถวจังหวัดอื่นหรอก

     พอถึงเวลาจากกัน เจ้าหน้าที่ได้คิดบัญชีในรารแบบว่า ’กันเอ๊ง…กันเอง‘ แต่เนื่องจากเราเป็นคนดี มีมารยาทไงคะ จึงมอบเงินทั้งหมด++ เป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่อุทยาน เป็น win-win situation ที่ดีต่อใจของทุกฝ่าย
Amen.
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่