[CR] No.83 Evil Does Not Exist : ปกปักษ์ รักป่า ร่วมกันต้านระบอบภัยทุนนิยม


- หากตาลุงใน Perfect Days (2023) กำลังนั่งล้างห้องน้ำตามที่สาธารณะในวัยเกษียณเงียบ ๆ คนเดียวอย่างมีความสุขใจกลางเมือง Tokyo อยู่นั้น ในขณะเดียวกันอีกฟากนึงที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลมีคนกลุ่มหนึ่งที่พึงพอใจในการใช้ชีวิตตามวิถี Slow Life อย่างเรียบง่ายและสมถะโดยไม่ได้พร่ำเพรื่อแต่คำว่า พอเพียง จนเคยตัวกำลังเผชิญหน้ากับการคืบคลานของทุนนิยมในคราบของโครงการท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศอย่าง แกลม-ปิ้ง หรือ สถานที่พักผ่อนเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามนโยบายขายฝันของนักธุรกิจ ฟังตรงชื่อโครงการก็เอะใจว่าจงใจจิกกัดโครงการของดินแดนคนดีย์หรือเปล่า ? โดยมีตัวพ่อม้ายที่เลี้ยงดูลูกสาววัยประถมคนเดียวกลางป่า เป็นตัวเดินเรื่องที่จะต้องรับมือกับภัยทุนนิยมที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ คิด timeline เล่น ๆ เรื่องนี้ก็คงเป็นภาค Spin-Off ในเหตุการณ์โลกคู่ขนานระหว่างช่วงที่ตาลุงกำลังนั่งกินแซนวิซเงยหน้ามองฟ้าแล้วยิ้มแฉ่งคนเดียวอย่างสบายใจในสวนสาธารณะก็เป็นได้
 
- ส่วนที่ดีและชอบมากคือ Sound ประกอบที่ฟังแล้วให้มวลสารที่นุ่มลึกและทรงพลังทางอารมณ์ เหมือนเราถูกดูดไปอยู่อีกโลกนึงยังไงไม่รู้ ถึงจะมี Score เดียวแต่มาทีช่วยตัดความเงียบของการเดธแอร์กับบรรยากาศรอบข้างที่ห้องล้อมด้วยป่าเขาลำธารยิ่งชวนส่งเสริมพาใจของเรามุ่งไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อยู่รอมหร่อแต่พอได้สติอยู่หน่อยก็เหมือนตกอยู่ในห้วงของความคิดที่ลึกลงไปไม่รู้กี่ขุมทีละนิดตามฉากหลังที่เป็นฤดูหนาว แค่ Scene เปิดเรื่องที่ปรากฎเป็นภาพดงต้นไม้ที่ผุดขึ้นสูงชะลูดโดยมีท้องฟ้าเป็นพื้นหลังค่อย ๆ เลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แล้วมี Sound บรรเลงประกอบอีกก็ทำให้ผมสัมผัสถึงกลิ่นตุ ๆ ของความไม่ชอบมาพากลอะไรบางอย่างได้ทันที

- หลังจากดูจบยังชอบและประทับใจในงานกำกับของ Ryûsuke Hamaguchi ที่คงสไตล์การกำกับที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็น Tourism in Japan ด้วยการ Long Take เหมือนกับเรื่อง Drive My Car (2021) ชวนล่อตาให้เราอยากไปเที่ยวตามรอยสถานที่ Unseen หลายแห่งอยู่เช่นเคย เพียงแต่รอบนี้มีความเป็น Drama ที่นิ่งและเข้มข้นทางแก่นสารมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะหนังแตะประเด็นทางสังคมอย่างระบบชนชั้นคนชนบทกับคนเมืองหรือประเด็นสิ่งแวดล้อมอย่างการสร้างที่พักในเขตชุมชนที่เป็นเขตธรรมชาติที่เกี่ยวโยงกับการเมืองด้วยมันเลยช่วยให้เราจับต้องใน Details ง่ายขึ้น เช่น การพูดถึงระบบสวัสดิการจากการเลือกปฎิบัติของรัฐ หรือ การถกเถียงหาข้อโต้แย้งในที่ประชุมระหว่างคนในพื้นที่กับ 2 ตัวแทนเอเจนซี่ที่ถูกจ้างจากเจ้าของโครงการให้เป็นตัวกลางการเจรจาประสานงาน เลยเป็นภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นที่ยังคงส่งต่อเป็นทอด ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ตามสันดานของผู้มีอำนาจแต่ก็ให้พื้นที่ในการแสดงมุมมองของตัวละครต่าง Status ผ่าน Dialogue อย่างมีเหตุมีผล ฝ่ายหนึ่งกำลังปกป้องพื้นที่ , ฝ่ายหนึ่งก็กำลังบุกรุกโดยใช้เม็ดเงินหว่านล้อมเพื่อวางฐานธุรกิจ , บางคนเห็นด้วยเพียงแต่ขอให้อยู่ในจุดที่สมดุลร่วมกัน แล้วมีอีกคนที่ต่อต้านสุดฤทธิ์จนเกือบจะวางมวยเข้าให้ แต่ไม่ว่าจะอยู่ Status ไหน สิ่งที่เหมือนกันคือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกดำเนินขับเคลื่อนในระบบที่มีกลไกมากมายไปตามโครงสร้างของสังคมเดียวกัน ต่อให้ความเจริญเข้ามาจะส่งผลกระทบทางไหนมันก็คือการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เคยเป็นอยู่ มันเลยที่เป็น Scene ที่ได้อรรถรสจากการปะทะฝีปากได้เข้มข้นที่สุดแล้วยังทำง่านกับความรู้สึกของผมให้เกิดอารมณ์ร่วมและคิดตามต่อได้เรื่อย ๆ แต่การพยายามตีความที่มากับความนามธรรมโดยตรงของผู้กำกับบางอย่างที่จงใจใส่เกินไปก็เข้าถึงยากเหมือนกัน

- ภาพรวมของหนังที่ให้มาตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 46 นาทีที่สนุกในการเสพข้อมูลผ่านศีลธรรมของคนในปัจจุบัน ยอมรับว่ามีวูบหาวเป็นระยะแต่ชวนน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบแถมเดินไปข้างหน้าอย่างเร็วด้วย เพราะ Situation มีไม่กี่ที่ ตัวละครก็มีไม่กี่คน บางคนก็โผล่มาฉาก 2 ฉาก คล้ายกับเรื่อง Perfect Days (2023) ใน Part ของตัวละครที่ทำกิจวัตรแต่ละวันซ้ำ ๆ เดิม ๆ พอใจในความเป็นส่วนตัวมันเลยเหมือนถูกย่อสเกลให้กระชับลงไปอีกขั้น แต่ปัญหาคือ Feel ของหนังมันซ้อนทับระหว่างความเป็นหนังแมสกับหนังอินดี้จนเกือบจะแยกไม่ออกว่าช่วงไหนดูง่ายช่วงไหนต้องตีความ บางอย่างนำเสนอมาแต่หายไปกับสายลมดื้อ ๆ จนเกิดความงงเป็นระยะ ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายของความเป็น Thriller ลอยจาง ๆ ชวนให้เราสงสัยและสำรวจเข้าไปถึงแก่นแท้ที่ฝังลึกลงตามซอกของระบอบหลายขุมผ่านการแสดงอารมณ์ของตัวละคร ไม่ว่าทั้ง พ่อเด็ก , ลูกสาว , พวกเพื่อนบ้าน หรือ 2 ทีมงาน ที่จัดน้อยแต่ให้มาก บางคนเพิ่งแสดงเป็นเรื่องแรกแต่แสดงอย่างกับมืออาชีพจนเราเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้น ในขณะนั้นว่าแต่ละคนคิดอะไรโดยที่ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทางออกมาให้เห็นตรง ๆ  ซึ่งตรงจุดนี้หนังนำเสนอได้ลึกซึ้ง , แยบยล และ มึนงง เมื่ออิงกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันที่เกิดขึ้นจนไม่อาจปฎิเสธได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมัน Real จนผมขนลุกและหดหู่ไปพร้อมกัน

- บทสรุปช่วงท้ายพอเดาทางได้คร่าว ๆ อยู่ว่าจะหาทางจบลงแบบไหน แต่พอถึงช่วงนั้นก็อดรู้สึกร่วมไปกับมันไม่ได้เพราะการบิ๊วท์ของ Score ทำงานได้ถูกจังหวะกับการคลี่คลายปมในขณะนั้นจนผมรู้สึกจุกเสียดแต่ไม่ถึงกับแน่นท้องแต่ก็สร้างแผลจากการถูกของมีคมเชือดเข้าไปนิ่ม ๆ แล้วค่อย ๆ ทิ้งให้เรารู้สึกชาแล้วปล่อยให้เรานอนอยู่กับความเจ็บปวดอย่างเลือดเย็น จึงคล้ายกับตอนดูเรื่อง Burning (2018) อีกทั้งยังทิ้ง Message อะไรบางอย่างให้เราเก็บไปคิดเป็นการบ้านเช่นกันว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจจริง ๆ ?

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ  Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่