Blue Giant อนิเมชั่นสำหรับคนรักดนตรีแจ๊ส แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะอนิเมชั่นเรื่องนี้มีมากกว่าดนตรีแจ๊ส เชื่อว่าหลายคนที่อ่าน เคยพยายามกับอะไรสักอย่างอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังไม่ถึงฝั่ง ไฟการพยายามก็ถูกเป่าด้วยลมคลื่นแรงจากคนที่เกิดมามีพรสวรรค์ สุดท้ายพวกเราก็แพ้ เพราะแค่พรแสวงมันไม่พอ
ประเด็นนี้น่าสนใจ และเป็นคำถามที่ทุกวันนี้บางคนก็ยังสงสัยอยู่ ฉะนั้นเราจะมาเจาะลึก 3 ตัวละครที่เป็นตัวเอกของเรื่อง จากอนิเมชั่น Blue Giant หนังเติมไฟกับคนหมดไฟ
ได มิยาโมโตะ มือsexaphone ผู้มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง เพียงแค่เป้าหมายเดียวที่เคาะออกมาได้เพียง1ประโยค "ฉันจะเป็นนักดนตรีแจ๊สเบอร์หนึ่งของโลกให้ได้" ได วัยรุ่นหนุ่มที่ไม่มีวันไหนไม่เล่นsexaphone ผู้เคารพดนตรีและหลงรักในการเล่นแม้กระทั่งตอนไม่มีใครฟัง
ยูกิโนริ ซาวาเบะ มือเปียโน ผู้มีพรสวรรค์แต่ไร้พรแสวง ถ้าเทียบกับคนอายุเดียวกัน ไม่สิคนที่โตกว่าเขา แบบนั้นก็ยังไม่ถูก แม้แต่คนที่เป็นเทพด้านดนตรีก็ยังชื่นชมฝีมือยูกิโนริ แต่ถึงเขาจะเก่งแค่ไหน ความเป็นเอกลักษณ์กลับไม่มีให้ใครได้จดจำ
ซุยนิ ทามาดะ มือ(ใหม่)กลอง อดีตเพื่อนมัธยมของได ที่ออกจากชมรมฟุตบอล แล้วตัดสินใจไปทางดนตรีเพียงเพราะหลงไหลการบรรเลงเสียงดนตรีของได ผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์ แต่มีพรแสวง ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีเสร็จ คำถามแรกที่เขาจะถามออกมาคือ "ผมเล่นพลาดไปกี่ครั้ง"
ใช่ นี่เป็นอนิเมชั่นดนตรีที่เราไม่ได้เอาใจช่วยพระเอก เพราะไดเก่งเกินไปที่จะเอามาพูดถึงหรือแข่งขัน และมันคงไม่สนุก ถ้าเอาเขามาเทียบกับตัวเราเอง แต่สิ่งที่เราได้เห็นจากไดคือ ถึงแม้เขาจะมีพรสวรรค์แต่เขาไม่เคยคิดที่จะทิ้งพรแสวง ถ้าคุณคิดว่าเขาเล่นsexaphoneทุกวันเพราะอยากเก่ง นั้นหมายความว่าเราคงดูคนละเรื่องกัน เพราะเขาหลงรักต่างหาก รักจึงอยากเล่น และหลงจึงเล่นต่อ
ใช่ น้อยคนที่จะเป็นเหมือน ยูกิโรนิ เกิดมามีพรสวรรค์ แต่ไร้พรแสวง พรแสวงที่ว่าหมายถึงการหยุดพัฒนาในพรสวรรค์ที่มี แน่นอน เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งแต่แบบเดิมๆจนใครๆก็ลืมจำ ใช่ หลายคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือน ยูกิโรนิ
ใช่ ทามาดะ ตัวละครnormal person ที่เรารับรู้ถึงความพยายาม ความเหนื่อย และเอาใจช่วยทุกครั้งที่เล่นเวที และยังเป็นตัวละครที่โคตรจะ normal life เราเห็นถึงความพัฒนาอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ยังมีจุดผิดพลาด เราเห็นว่าเขาเริ่มช้ากว่าคนอื่นแต่ก็ยังพยายาม เราห็นถึงความรักและสิ่งที่มากกว่แพชั่นในตัวทามาดะ และนี้แหละคือตัวคุณเอง คนอ่าน ทุกท่าน คุณคือทามาดะ person ที่พบเจอในสไตล์lifeของคุณเอง ฉะนั้นเชื่อมั่นตัวเองก็พอ เพราะในตอนจบของหนังทามาดะคือคนที่เราเห็นพัฒนาการที่สุดแล้ว
เรื่องที่ appreciate ในตัวทามาดะอีกเรื่องคือ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะไม่ใช่มือหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าเล่นเพื่อสานฝันให้กับได และ ยูกิโนริ แต่เขาก็ยังจะยืนยันที่จะสู้ต่อ เพียงแค่เพราะ อยากเล่นสิ่งที่รักกับคนที่เขารัก (อยากเล่นดนตรีกับเพื่อน)
**เพื่อนคุยกัน**
1. เป็นหนังที่ไม่ได้ทำให้คนที่ไม่ชอบแจ๊ส หรือไม่สนใจแจ๊ส จะกลับบ้านแล้วเปิดไปฟัง ตอนแรกที่ดูและผ่านไปเกิน5เพลง รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่เพราะเพลงสุดท้าย หรือ "First note" บอกตามตรงว่า ไม่เคยคิดชีวิตนี้น้ำตาจะเกือบไหลเพราะเสียงดนตรีแจ๊ส
2.ชอบการนิยามของไดว่าแจ๊สก็คือแจ๊ส ทุกอย่างคือแจ๊ส ไม่จำเป็นต้องจำแนกประเภทอะไรให้วุ่นวายหรอก
3. ฉาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่ยูกิโนริโดนรถชน เป็นฉากที่อยากจะก้มขอบคุณที่ใส่มา
4. การผสมผสาน3D และ 2D ที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่เพราะการที่ผู้กำกับหักล้างด้วยexpressingความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างดีมากๆ ทำให้เราบางทีภาพมันจะไม่กลมกล่อมมากน้อยแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเราก็มองข้ามมันไปแล้ว
5. เสียใจตรงที่ไม่ได้เห็นอุปสรรคของพระเอกเท่าไหร่ แต่เดาว่านั้นอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์ของผู้กำกับ เขาอาจจะอยากให้เราเห็น aspects ต่างๆของแต่ละตัวครมากกว่า
[CR] Blue Giant : ถ้ามีพรสวรรค์แต่ไร้พรแสวง?
ประเด็นนี้น่าสนใจ และเป็นคำถามที่ทุกวันนี้บางคนก็ยังสงสัยอยู่ ฉะนั้นเราจะมาเจาะลึก 3 ตัวละครที่เป็นตัวเอกของเรื่อง จากอนิเมชั่น Blue Giant หนังเติมไฟกับคนหมดไฟ
ได มิยาโมโตะ มือsexaphone ผู้มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง เพียงแค่เป้าหมายเดียวที่เคาะออกมาได้เพียง1ประโยค "ฉันจะเป็นนักดนตรีแจ๊สเบอร์หนึ่งของโลกให้ได้" ได วัยรุ่นหนุ่มที่ไม่มีวันไหนไม่เล่นsexaphone ผู้เคารพดนตรีและหลงรักในการเล่นแม้กระทั่งตอนไม่มีใครฟัง
ยูกิโนริ ซาวาเบะ มือเปียโน ผู้มีพรสวรรค์แต่ไร้พรแสวง ถ้าเทียบกับคนอายุเดียวกัน ไม่สิคนที่โตกว่าเขา แบบนั้นก็ยังไม่ถูก แม้แต่คนที่เป็นเทพด้านดนตรีก็ยังชื่นชมฝีมือยูกิโนริ แต่ถึงเขาจะเก่งแค่ไหน ความเป็นเอกลักษณ์กลับไม่มีให้ใครได้จดจำ
ซุยนิ ทามาดะ มือ(ใหม่)กลอง อดีตเพื่อนมัธยมของได ที่ออกจากชมรมฟุตบอล แล้วตัดสินใจไปทางดนตรีเพียงเพราะหลงไหลการบรรเลงเสียงดนตรีของได ผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์ แต่มีพรแสวง ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีเสร็จ คำถามแรกที่เขาจะถามออกมาคือ "ผมเล่นพลาดไปกี่ครั้ง"
ใช่ นี่เป็นอนิเมชั่นดนตรีที่เราไม่ได้เอาใจช่วยพระเอก เพราะไดเก่งเกินไปที่จะเอามาพูดถึงหรือแข่งขัน และมันคงไม่สนุก ถ้าเอาเขามาเทียบกับตัวเราเอง แต่สิ่งที่เราได้เห็นจากไดคือ ถึงแม้เขาจะมีพรสวรรค์แต่เขาไม่เคยคิดที่จะทิ้งพรแสวง ถ้าคุณคิดว่าเขาเล่นsexaphoneทุกวันเพราะอยากเก่ง นั้นหมายความว่าเราคงดูคนละเรื่องกัน เพราะเขาหลงรักต่างหาก รักจึงอยากเล่น และหลงจึงเล่นต่อ
ใช่ น้อยคนที่จะเป็นเหมือน ยูกิโรนิ เกิดมามีพรสวรรค์ แต่ไร้พรแสวง พรแสวงที่ว่าหมายถึงการหยุดพัฒนาในพรสวรรค์ที่มี แน่นอน เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งจนใครๆก็ชื่นชม เขาเป็นมือเปียโนที่เก่งแต่แบบเดิมๆจนใครๆก็ลืมจำ ใช่ หลายคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือน ยูกิโรนิ
ใช่ ทามาดะ ตัวละครnormal person ที่เรารับรู้ถึงความพยายาม ความเหนื่อย และเอาใจช่วยทุกครั้งที่เล่นเวที และยังเป็นตัวละครที่โคตรจะ normal life เราเห็นถึงความพัฒนาอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ยังมีจุดผิดพลาด เราเห็นว่าเขาเริ่มช้ากว่าคนอื่นแต่ก็ยังพยายาม เราห็นถึงความรักและสิ่งที่มากกว่แพชั่นในตัวทามาดะ และนี้แหละคือตัวคุณเอง คนอ่าน ทุกท่าน คุณคือทามาดะ person ที่พบเจอในสไตล์lifeของคุณเอง ฉะนั้นเชื่อมั่นตัวเองก็พอ เพราะในตอนจบของหนังทามาดะคือคนที่เราเห็นพัฒนาการที่สุดแล้ว
เรื่องที่ appreciate ในตัวทามาดะอีกเรื่องคือ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะไม่ใช่มือหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าเล่นเพื่อสานฝันให้กับได และ ยูกิโนริ แต่เขาก็ยังจะยืนยันที่จะสู้ต่อ เพียงแค่เพราะ อยากเล่นสิ่งที่รักกับคนที่เขารัก (อยากเล่นดนตรีกับเพื่อน)
**เพื่อนคุยกัน**
1. เป็นหนังที่ไม่ได้ทำให้คนที่ไม่ชอบแจ๊ส หรือไม่สนใจแจ๊ส จะกลับบ้านแล้วเปิดไปฟัง ตอนแรกที่ดูและผ่านไปเกิน5เพลง รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่เพราะเพลงสุดท้าย หรือ "First note" บอกตามตรงว่า ไม่เคยคิดชีวิตนี้น้ำตาจะเกือบไหลเพราะเสียงดนตรีแจ๊ส
2.ชอบการนิยามของไดว่าแจ๊สก็คือแจ๊ส ทุกอย่างคือแจ๊ส ไม่จำเป็นต้องจำแนกประเภทอะไรให้วุ่นวายหรอก
3. ฉาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. การผสมผสาน3D และ 2D ที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่เพราะการที่ผู้กำกับหักล้างด้วยexpressingความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างดีมากๆ ทำให้เราบางทีภาพมันจะไม่กลมกล่อมมากน้อยแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเราก็มองข้ามมันไปแล้ว
5. เสียใจตรงที่ไม่ได้เห็นอุปสรรคของพระเอกเท่าไหร่ แต่เดาว่านั้นอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์ของผู้กำกับ เขาอาจจะอยากให้เราเห็น aspects ต่างๆของแต่ละตัวครมากกว่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้