โวยแบบก่อสร้าง คอนโดฯกลางกรุง บังแดดกระทบชุมชน ไม่ผ่านอีไอเอ แต่เปิดขายเกือบหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒน์ (นามสมมุติ) ร้องเรียนผ่านมติชนออนไลน์ ระบุว่า ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตพระโขนง ซึ่งพบว่าคอนโดแห่งนี้ได้ยื่นรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ไปแล้ว และแม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่ายังไม่ผ่านการพิจารณา แต่พบว่าคอนโดดังกล่าวได้เปิดขาย และมีการจองห้องพักอาศัยไปแล้วด้วย ซึ่งผลของการออกแบบก่อสร้างดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบบ้านถูกอาคารบดบังจนแสงแดดส่องเข้ามาไม่ได้
โดยนายวัฒน์ระบุผ่านจดหมายร้องเรียนว่า “ผมเขียนจดหมายนี้เพื่อหวังว่าท่านจะสามารถช่วยเหลือและนำเสนอเรื่องราวของผมและชุมชนของผมในสื่อ” โดยเรื่องราวโดยสังเขปมีดังนี้
เริ่มตั้งแต่สองปีก่อน คอนโดแห่งหนึ่งได้เริ่มการขาย แม้ว่าจะยังไม่ผ่านการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) แบบคอนโดที่ใช้ในการขายนั้น ได้บดบังแสงแดดไปมาก จนช่วงหน้าหนาวผมได้รับแดดเพียง 0 ชั่วโมง
แม้จะแก้แบบแล้วก็ยังส่งผลกระทบต่อบ้านของผมโดยตรง ซึ่งในช่วงหน้าหนาวได้รับแสงแดดเพียงชั่วโมงเดียว (เป็นเวลา 4 โมงถึงห้าโมง) แม้จะมีการแก้ไขแบบแล้วก็ตาม
คอนโดดังกล่าวไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมได้มากกว่านี้ เนื่องจากปัญหาที่คอนโดได้เริ่มการขายได้เริ่มขึ้นแล้ว และไม่มีแม้แต่วี่แววที่จะแก้โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของตึก เพื่อลดผลกระทบกับบ้านระยะประชิดที่เกิดขึ้น
ผมได้พยายามยื่นข้อเรียกร้องและความเดือดร้อนไปยังผู้พัฒนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (EIA) แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ
โดยคอนโดนี้ได้ยื่นขอการอนุมัติ EIA ไปแล้วสามครั้งแต่ไม่ผ่านทั้งสามครั้ง หลังจากที่ทางชุมชนผมไปยื่นคัดค้าน แต่มีความห่วงกังวลว่า เอกสารการยื่นของคอนโดทุกครั้งนั้นไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมอะไรทั้งสิ้น ไม่ฟังเสียงชุมชน คงเป็นเพราะเสียงเงียบๆ ไม่กี่หลัง และดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับให้คอนโดแก้ไขแบบได้ที่แม้ว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
คำถามและความห่วงกังวลผมที่ได้แจ้งในที่ประชุมไว้คือ “เราจะทำการศึกษา EIA ไปทำไมกัน ถ้าไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ คอนโดจะยืนกระต่ายขาเดียวก็ผ่านได้ มันเป็นเรื่องน่าหดหู่มาก แม้ว่าจะมี EIA แล้ว แต่ก็ทำให้เกิดความเครียดและไม่เป็นธรรมกับประชาชนเพิ่มขึ้นแทน”
การยื่นเอกสารเรื่อยๆ ของโครงการในรูปแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ในการหวังว่าจะผ่านการอนุมัติ หรือจนกว่าผมจะหยุดคัดค้าน หรือพลาดติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วม ซึ่งทางหน่วยงานแจ้งว่า การไม่ไปยื่นคัดค้านถือเป็นการยอมรับในทางปฏิบัติ ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อชุมชนที่คัดค้าน เพราะมีข้อสังเกตว่าไม่มีการพิจารณาผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ได้แจ้งไปแม้แต่น้อย ไม่มีการใช้ข้อบังคับ ลดระดับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น การบดบังแสงแดด และลมที่มี
ในบ้านของผม มีแม่ที่อายุ 78 ปี ซึ่งไม่สามารถออกไปไหนได้ต้องดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านทั้งวัน และลูกๆ ที่อยู่ในวัยประถมซึ่งช่วงเวลาปิดเทอมในหน้าหนาว ก็ใช้แสงแดดเพื่อทำกิจกรรม อยู่ในวัยพัฒนาตนเอง อ่านหนังสือ เล่นดนตรี และอื่นๆ อีกทั้งบ้านผมไม่ได้เปิดแอร์ในช่วงกลางวัน ชีวิตก็มีความปกติสุขตามสิ่งที่ได้รับตามธรรมชาติ มีแสงเพียงพอ มีลมโชยทั้งปี
อีกทั้งที่บ้านยังมีต้นไม้หลากหลายชนิดที่ผู้สูงอายุอีกท่านที่อยู่ที่บ้านได้ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก มีการใช้ชีวิตและกิจกรรมในบั้นปลายชีวิตให้มีความสุขตามอัตภาพ
โดยจดหมายชี้แจงล่าสุดจากคอนโดกล่าวว่า บ้านของผมไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ เนื่องจากฤดูอื่นๆ ก็ได้แดด ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง คอนโดแจ้งเหมือนกับว่า แค่ไม่ได้แดดช่วงฤดูเดียว มันก็ไม่เป็นไรหรอก
เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมก็รับจ้างจากเจ้าของโครงการ ทาง EIA ก็ไม่มีการนำเรื่องให้ทางเจ้าของโครงการแก้ไข ครั้งล่าสุดที่ได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมว่า “จะไม่มีการแก้ไขข้อมูลเพื่อลดผลกระทบเลยเหรอ” ก็ได้รับแจ้งกลับว่า “ข้อมูลครบตามหัวข้อที่ EIA กำหนด ในการพิจารณาเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ”
ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมรู้ว่าบ้านได้รับผลกระทบ แต่ดูเหมือนจะดูมาได้แบบสบายใจราวกับว่า ไม่มีการแก้ไข แต่ถ้าพิจารณาว่าได้ ก็ผ่าน กลายเป็น “หัวข้อครบ แต่ขาดความถูกต้องชอบธรรม” ผมเองก็ไม่เชื่อว่าจะได้พบสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง
ผมหวังว่าท่านจะช่วยสะท้อนเรื่องราวนี้ผ่านสื่อของท่าน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและการดูแลที่เหมาะสมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้พัฒนาคอนโด เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของผู้คนในชุมชนของเรา และเป็นข้อมูลให้สำหรับคนในสังคมที่กำลังเผชิญเรื่องราวเดียวกันกับผม
ที่ผมกล่าวมานั้น ไม่ได้มีความประสงค์จะไม่ให้มีการก่อสร้างคอนโด แต่ทางผู้จัดทำรายงานและเจ้าของโครงการ ควรดำเนินการให้มีความชอบธรรม และถูกต้องมากกว่านี้ ขณะนี้ นอกจากร้องเรียนไปยัง สผ.แล้ว กำลังจะไปร้องเรียนเพื่อหาความยุติธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมอีกที่ด้วย

ที่มา: มติชน
โวยแบบก่อสร้าง คอนโดฯกลางกรุง บังแดดกระทบชุมชน ไม่ผ่านอีไอเอ แต่เปิดขายเกือบหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒน์ (นามสมมุติ) ร้องเรียนผ่านมติชนออนไลน์ ระบุว่า ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตพระโขนง ซึ่งพบว่าคอนโดแห่งนี้ได้ยื่นรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ไปแล้ว และแม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่ายังไม่ผ่านการพิจารณา แต่พบว่าคอนโดดังกล่าวได้เปิดขาย และมีการจองห้องพักอาศัยไปแล้วด้วย ซึ่งผลของการออกแบบก่อสร้างดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบบ้านถูกอาคารบดบังจนแสงแดดส่องเข้ามาไม่ได้
โดยนายวัฒน์ระบุผ่านจดหมายร้องเรียนว่า “ผมเขียนจดหมายนี้เพื่อหวังว่าท่านจะสามารถช่วยเหลือและนำเสนอเรื่องราวของผมและชุมชนของผมในสื่อ” โดยเรื่องราวโดยสังเขปมีดังนี้
เริ่มตั้งแต่สองปีก่อน คอนโดแห่งหนึ่งได้เริ่มการขาย แม้ว่าจะยังไม่ผ่านการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) แบบคอนโดที่ใช้ในการขายนั้น ได้บดบังแสงแดดไปมาก จนช่วงหน้าหนาวผมได้รับแดดเพียง 0 ชั่วโมง
แม้จะแก้แบบแล้วก็ยังส่งผลกระทบต่อบ้านของผมโดยตรง ซึ่งในช่วงหน้าหนาวได้รับแสงแดดเพียงชั่วโมงเดียว (เป็นเวลา 4 โมงถึงห้าโมง) แม้จะมีการแก้ไขแบบแล้วก็ตาม
คอนโดดังกล่าวไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมได้มากกว่านี้ เนื่องจากปัญหาที่คอนโดได้เริ่มการขายได้เริ่มขึ้นแล้ว และไม่มีแม้แต่วี่แววที่จะแก้โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของตึก เพื่อลดผลกระทบกับบ้านระยะประชิดที่เกิดขึ้น
ผมได้พยายามยื่นข้อเรียกร้องและความเดือดร้อนไปยังผู้พัฒนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (EIA) แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ
โดยคอนโดนี้ได้ยื่นขอการอนุมัติ EIA ไปแล้วสามครั้งแต่ไม่ผ่านทั้งสามครั้ง หลังจากที่ทางชุมชนผมไปยื่นคัดค้าน แต่มีความห่วงกังวลว่า เอกสารการยื่นของคอนโดทุกครั้งนั้นไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมอะไรทั้งสิ้น ไม่ฟังเสียงชุมชน คงเป็นเพราะเสียงเงียบๆ ไม่กี่หลัง และดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับให้คอนโดแก้ไขแบบได้ที่แม้ว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
คำถามและความห่วงกังวลผมที่ได้แจ้งในที่ประชุมไว้คือ “เราจะทำการศึกษา EIA ไปทำไมกัน ถ้าไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ คอนโดจะยืนกระต่ายขาเดียวก็ผ่านได้ มันเป็นเรื่องน่าหดหู่มาก แม้ว่าจะมี EIA แล้ว แต่ก็ทำให้เกิดความเครียดและไม่เป็นธรรมกับประชาชนเพิ่มขึ้นแทน”
การยื่นเอกสารเรื่อยๆ ของโครงการในรูปแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ในการหวังว่าจะผ่านการอนุมัติ หรือจนกว่าผมจะหยุดคัดค้าน หรือพลาดติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วม ซึ่งทางหน่วยงานแจ้งว่า การไม่ไปยื่นคัดค้านถือเป็นการยอมรับในทางปฏิบัติ ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อชุมชนที่คัดค้าน เพราะมีข้อสังเกตว่าไม่มีการพิจารณาผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ได้แจ้งไปแม้แต่น้อย ไม่มีการใช้ข้อบังคับ ลดระดับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น การบดบังแสงแดด และลมที่มี
ในบ้านของผม มีแม่ที่อายุ 78 ปี ซึ่งไม่สามารถออกไปไหนได้ต้องดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านทั้งวัน และลูกๆ ที่อยู่ในวัยประถมซึ่งช่วงเวลาปิดเทอมในหน้าหนาว ก็ใช้แสงแดดเพื่อทำกิจกรรม อยู่ในวัยพัฒนาตนเอง อ่านหนังสือ เล่นดนตรี และอื่นๆ อีกทั้งบ้านผมไม่ได้เปิดแอร์ในช่วงกลางวัน ชีวิตก็มีความปกติสุขตามสิ่งที่ได้รับตามธรรมชาติ มีแสงเพียงพอ มีลมโชยทั้งปี
อีกทั้งที่บ้านยังมีต้นไม้หลากหลายชนิดที่ผู้สูงอายุอีกท่านที่อยู่ที่บ้านได้ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก มีการใช้ชีวิตและกิจกรรมในบั้นปลายชีวิตให้มีความสุขตามอัตภาพ
โดยจดหมายชี้แจงล่าสุดจากคอนโดกล่าวว่า บ้านของผมไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ เนื่องจากฤดูอื่นๆ ก็ได้แดด ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง คอนโดแจ้งเหมือนกับว่า แค่ไม่ได้แดดช่วงฤดูเดียว มันก็ไม่เป็นไรหรอก
เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมก็รับจ้างจากเจ้าของโครงการ ทาง EIA ก็ไม่มีการนำเรื่องให้ทางเจ้าของโครงการแก้ไข ครั้งล่าสุดที่ได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมว่า “จะไม่มีการแก้ไขข้อมูลเพื่อลดผลกระทบเลยเหรอ” ก็ได้รับแจ้งกลับว่า “ข้อมูลครบตามหัวข้อที่ EIA กำหนด ในการพิจารณาเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ”
ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมรู้ว่าบ้านได้รับผลกระทบ แต่ดูเหมือนจะดูมาได้แบบสบายใจราวกับว่า ไม่มีการแก้ไข แต่ถ้าพิจารณาว่าได้ ก็ผ่าน กลายเป็น “หัวข้อครบ แต่ขาดความถูกต้องชอบธรรม” ผมเองก็ไม่เชื่อว่าจะได้พบสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง
ผมหวังว่าท่านจะช่วยสะท้อนเรื่องราวนี้ผ่านสื่อของท่าน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและการดูแลที่เหมาะสมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้พัฒนาคอนโด เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของผู้คนในชุมชนของเรา และเป็นข้อมูลให้สำหรับคนในสังคมที่กำลังเผชิญเรื่องราวเดียวกันกับผม
ที่ผมกล่าวมานั้น ไม่ได้มีความประสงค์จะไม่ให้มีการก่อสร้างคอนโด แต่ทางผู้จัดทำรายงานและเจ้าของโครงการ ควรดำเนินการให้มีความชอบธรรม และถูกต้องมากกว่านี้ ขณะนี้ นอกจากร้องเรียนไปยัง สผ.แล้ว กำลังจะไปร้องเรียนเพื่อหาความยุติธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมอีกที่ด้วย
ที่มา: มติชน